เมืองไทย 360 องศา
จะเรียกว่าชัดเจนขึ้นกว่าเดิมก็มองได้ สำหรับท่าทีล่าสุดของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ตอบคำถามว่าจะอยู่ต่อไปจนกว่ามีรัฐบาลใหม่ แม้ว่ามีความหมายโดยอ้อม มองได้หลายชั้น แต่เมื่อนำคำพูดในอดีตมาปะติดปะต่อกัน เช่นคำยืนยันที่ว่าจะมีการเลือกตั้งในปีหน้า ปี 2560 อย่างไรก็ดี อาจมีเงื่อนไขปลีกย่อยในกรณีที่ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ไม่ผ่านประชามติ ทำให้ต้องมีการตั้งคณะกรรมการยกร่างใหม่ หรือนำฉบับเก่ามายำรวมกัน หากใช้วิธียกร่างใหม่ก็อาจใช้เวลาบ้าง อาจทำให้เวลาตามโรดแมปต้องล่าช้าออกไปได้
อย่างไรก็ดี หากพิจารณาจากคำพูดข้างต้นของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ก็ยังเข้าใจได้ว่าจะต้องมีการเลือกตั้งในปี 2560 เว้นเสียแต่ว่าจะมีปัจจัยอื่นเข้ามาแทรกแซง
ขณะเดียวกัน หากมองจากการเคลื่อนไหวของกลุ่มการเมือง พรรคการเมืองต่างๆ ในเวลานี้เริ่มมีความเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ หลังจากที่ทั้งสองพรรคใหญ่ คือ พรรคเพื่อไทย และพรรคปราธิปัตย์ มีท่าทีชัดเจนแล้วว่าไม่สนับสนุนร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เนื่องจากพวกเขาเห็นว่าเป็นร่างที่ลิดรอนและบั่นทอนพวกเขา อีกทั้งยังมองเห็นว่าในอนาคตหากคิดจะแก้ไขก็ยากยิ่งกว่าเข็นครกขึ้นภูเขาเสียอีก
สำหรับพรรคเพื่อไทยยิ่งหนักขึ้นไปอีก เมื่อเนื้อหาสำคัญในร่างรัฐธรรมนูญกำหนด “คุณสมบัติต้องห้าม” ในเรื่องนักการเมืองที่เคยต้องคำพิพากษาว่าโกง เคยถูกคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายว่าทุจริตต่อหน้าที่ ใช้อำนาจโดยมิชอบ เคยถูกยึดทรัพย์ คนพวกนี้จะถูกห้ามลงสนามการเมืองตลอดชีวิต ซึ่งหัวขบวนของพวกเขา “โดน” เข้าไปเต็มๆ ไม่ต่างจากการถูกประหารชีวิตไม่มีทางได้ผุดได้เกิด ดังนั้นอย่าได้แปลกใจที่คนพวกนี้จะต้องต่อต้านกันสุดชีวิต
ขณะเดึยวกัน อีกมุมหนึ่งเมื่อมองลึกเข้าไปถึงหัวใจของคนพวกนี้โดยเฉพาะบรรดาพวก “ลูกหาบ” ทั้งหลายมีความปราถนาอย่างแรงกล้าสำหรับการเลือกตั้งให้เร็วที่สุด และตามกำหนดการที่กำหนดเอาไว้ว่าจะต้องเกิดขึ้นในปี 2560 แน่นอนว่าเป็นวันที่พวกเขารอคอย เพราะในความเป็นจริงยิ่งเวลาทอดยาวเนิ่นนานออกไปมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งสูญเสียบทบาทมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะต้องไม่ลืมว่าคนพวกนี้เป็น “นักเลือกตั้ง” บางคนหากินกับการเลือกตั้งมาทั้งชีวิตก็มี ดังนั้นเวลานี้มันก็เหมือนกับมีภาวะสองอารมณ์เกิดขึ้นมาพร้อมๆ กัน นั่นคือ ไม่อยากได้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ แต่ขณะเดียวกันก็อยากให้มีการเลือกตั้งใจจะขาด
สำหรับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ก็พยายามสลัดให้หลุดพ้นจากพันธการจากรัฐธรรมนูญ ให้อยู่ในสภาพ “ลอยตัว” มากที่สุด นั่นคือคำพูดที่ว่าไม่ว่าร่างรัฐธรรมนูญจะผ่านหรือไม่ผ่านประชามติ ไม่ได้เกี่ยวกับตัวเขา ความหมายก็ว่าหากไม่ผ่านก็ร่างใหม่ หรือนำมายำใหม่ก็ว่าไป และที่สำคัญคือ “เขาจะอยู่จนกว่าจะมีการเลือกตั้งมีรัฐบาลใหม่” ซึ่งไม่รู้ว่า “ยาว” ไปถึงเมื่อไหร่
อย่างไรก็ดี หากพิจารณากันอีกด้านหนึ่งมันก็สามารถทำความเข้าใจได้เหมือนกันว่า การเลือกตั้งถึงอย่างไรก็ต้องเกิดขึ้นแน่ เพียงแต่ว่าจะให้เกิดขึ้นวันไหน หากต้องการให้เกิดขึ้นตามกำหนดในปี 2560 ก็อย่าป่วน อย่าขัดขวาง
แต่เมื่อพิจารณาจากอารมณ์และกระแสของสังคมทั่วไปเวลานี้พอประเมินได้ว่าน่าจะผ่านมากกว่าไม่ผ่าน หากพิจารณาจากความนิยมของทั้งรัฐบาลและตัวผูันำคือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่วัดจากผลสำรวจทุกสำนักที่ออกมาตรงกันคือยังอยู่ในระดับที่สูง แม้ว่าจะระดับอาจลดลงมาบ้างเมื่อเทียบกับในช่วงตอนแรกๆ ที่เข้ามา ขณะเดียวกัน เมื่อเวลาครบรอบ 2 ปี เสียงวิจารณ์ก็เริ่มมีมากขึ้นถือเป็นเรื่องธรรมดา แต่ด้วยบุคลิกที่โดดเด่น ไม่ต่างจากนักการเมืองทำให้ความนิยมของเขายังไม่ลดลงง่ายๆ
ดังนั้น เมื่อทุกอย่างเดินมาถึงตอนนี้ก็ต้องถือว่ามาถึงจุดสำคัญที่ต้องลุ้น นั่นคือเรื่องรัฐธรรมนูญว่าจะผ่านประชามติในวันที่ 7 สิงหาคมนี้หรือไม่ ซึ่งหลายฝ่ายยังมั่นใจว่าน่าจะผ่าน แต่ถึงตอนนั้นทุกอย่างขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของชาวบ้านว่าพวกเขามองเหตุการณ์เป็นอย่างไร
แต่สำหรับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติได้ส่งสัญญาณกลับมาอีกครั้งว่าการเลือกตั้งนั้นมีแน่ และหากอยากให้เลือกตั้งตามกำหนดพวกนักการเมืองต้องหยุดป่วน และที่สำคัญตัวเขาจะอยู่จนมี “รัฐบาลใหม่” ส่วนใครจะเป็นนายกฯ คนต่อไป “ไม่บอก” ยังไม่ถึงเวลา!