กรรมการการเลือกตั้งจัดกิจกรรม “คิกออฟ 7 ส.ค.ประชามติ” ประธาน กกต.ชี้ยังไม่มีสัญญาณบ่งชี้จะไม่มีประชามติ มองมาตรา 61 วรรคสอง พ.ร.บ.ประชามติไม่ขัดรัฐธรรมนูญ
วันนี้ (25 พ.ค.) คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้จัดงาน “Kick Off 7 สิงหาประชามติร่วมใจ ประชาธิปไตยมั่นคง” เพื่อประชาสัมพันธ์ สร้างความรู้ความเข้าใจร่วมกันเกี่ยวกับกระบวนการและขั้นตอนการออกเสียงประชามติรวมทั้งกระตุ้นให้ผู้มีสิทธิออกเสียงเกิดการตื่นตัวและเห็นความสำคัญของการออกมาใช้สิทธิออกเสียงในวันอาทิตย์ที่ 7 ส.ค. โดยมีตัวแทนจากปลัดกระทรวงทุกกระทรวง ผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ ภาคประชาชนและภาคเอกชน เข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง
ทั้งนี้ นายศุภชัยกล่าวตอนหนึ่งระหว่างเปิดงานว่า รัฐธรรมนูญ 2557 และ พ.ร.บ.ออกเสียงประชามติ กำหนดให้ กกต.มีหน้าที่เกี่ยวกับจัดการพิมพ์ร่างรัฐธรรมนูญ และเผยแพร่ประชาสัมพันธ์การออกเสียงประชามติ กิจกรรมครั้งนี้จึงเป็นการจุดประกายให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วม โดยเวลาที่เหลืออีก 74 วัน กกต.มีความพร้อมในทุกด้านซึ่งในวันเดียวกันนี้ กกต.จะได้จัดส่งร่างรัฐธรรมนูญและเอกสารที่เกี่ยวข้อง จำนวน 1 แสนชุด ให้กับกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)
“ขอเน้นย้ำให้ผู้มีสิทธิออกเสียงทุกคนศึกษารายละเอียดของร่างรัฐธรรมนูญและประเด็นคำถามเพิ่มเติมด้วยความรอบคอบ ขอให้เตรียมตัวให้พร้อมอย่าให้ใครชี้นำ 7 สิงหาคม อนาคตอยู่ในมือทุกคน”
นายศุภชัยให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า ขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณที่บ่งชี้ว่าจะไม่มีการทำประชามติเกิดขึ้นหรือมีปัญหาที่จะนำไปสู่การล้มประชามติ หากวันออกเสียงประชามติมีกลุ่มบุคคลไปขัดขวาง กฎหมายก็เปิดช่องให้ กกต.สามารถสั่งเลื่อนการออกเสียงในหน่วยออกเสียงนั้นๆ ได้
ส่วนกรณีที่ผู้ตรวจการแผ่นดินรอหนังสือชี้แจงจาก กกต.ว่า พ.ร.บ.ประชามติ มาตรา 61 วรรคสอง วรรคสี่เข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ ขณะนี้สำนักกฎหมายของ กกต.กำลังทำชี้แจงอยู่ คงจะส่งไปยังผู้ตรวจฯ ได้ทันวันที่ 1 มิ.ย. อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวเห็นว่า 2 มาตราดังกล่าวไม่ขัดรัฐธรรมนูญ ก่อนตราเป็นกฎหมาย สนช.คงดูดีแล้ว
ด้านนายประวิช รัตนเพียร กกต.ด้านกิจการการมีส่วนร่วม เชื่อว่าการทำประชามติจะมีผู้ออกมาใช้สิทธิกว่า 80% มากกว่าการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญปี 2550 ที่มีประชาชนออกมาใช้สิทธิเพียง 57% เท่านั้น พร้อมยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ กกต.เข้าใจหน้าที่ในการรณรงค์ เชิญชวนประชาชนไปออกเสียงประชามติ ส่วนการชี้แจงเนื้อหาสาระเป็นหน้าที่ของกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ หรือ กรธ. ทุกคนไม่มีสิทธิไปชี้นำหรือรณรงค์ให้รับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ และสำหรับผู้ที่ต้องการลงคะแนนเสียงล่วงหน้าหรือนอกเขตภูมิลำเนาของตน สามารถลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ของ กกต.ได้
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายในงานยังมีการเปิดตัวเพลงรณรงค์การออกเสียงประชามติ “7 สิงหา ประชามติร่วมใจ ประชาธิปไตยมั่นคง” ที่แต่งโดยนายประยงค์ ชื่นเย็น ศิลปินแห่งชาติ และขับร้องโดยศิลปินเพลงชื่อดังด้วยสำเนียงท้องถิ่น 4 ภาค ประกอบด้วย ภาคเหนือ ขับร้องโดย อาราดา พรหมพฤกษ์ (หลิว อาจารียา), ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ขับร้องโดย ก้องหล้า ยอดจำปา (ก้อง ห้วยไร่), ภาคกลาง ขับร้องโดย พรพิมล เฟื่องฟุ้ง (เปาวลี), ภาคใต้ ขับร้องโดย พ.จ.อ.วีรยุทธิ์ นานช้า (บ่าววี) เพื่อสื่อให้คนไทยทุกคนมีส่วนร่วมในการออกเสียงประชามติครั้งประวัติศาสตร์นี้ รวมทั้งมีการปล่อยขบวนรถของบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำนวน 7 คนที่บรรทุกเอกสารร่างรัฐธรรมนูญและเอกสารที่เกี่ยวข้อง 1 แสนชุดไปยังอาคารรัฐสภา เพื่อส่งมอบให้กับ กรธ.และ สนช.ใช้ประชาสัมพันธ์ต่อไป