“ประยุทธ์” เผยการเยือนรัสเซีประสบความสำเร็จมีความก้าวหน้า ชี้การหารือซื้อยุทโธปกรณ์ แค่แลกเปลี่ยนความสนใจ ยันเป็นสิ่งจำเป็น ไทยผลิตเองไม่ได้ พ้อสื่อสนใจแต่กระพี้ จาการเข้าร่วมสหภาพเศรษฐกิจยูเรเซีย อยู่ในขั้นพิจารณา ไม่ลงนามส่งเดช
ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ วันนี้ (21 พ.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์หลังเดินทางกลับจากการเยือนสหพันธรัฐรัสเซีย ว่าการเยือนครั้งนี้ถือว่าประสบความสำเร็จ มีความก้าวหน้า ทั้งการทบทวนความสัมพันธ์ระหว่างกันซึ่งเราต้องเร่งรัดการพัฒนาร่วมกันทุกๆ ด้านเพื่อให้ภูมิภาคอาเซียนและยูเรเซียมีความเชื่อมโยงกันมากกว่าเดิม ทั้งนี้ปัญหาคือเราต้องทำให้ผู้ประกอบการคุ้นชินกับการลงทุนในประเทศไกลๆ
ส่วนความร่วมมือด้านความมั่นคงและการจัดซื้อยุทโธปกรณ์จากรัสเซีย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ตนบอกแล้วไม่ได้เอาเงินใส่กระเป๋าไปซื้อ แต่ไปพูดจาว่ามีสินค้าอะไรที่มีความสนใจระหว่างกัน เขาคงไม่มาสนใจยุทโธปกรณ์ของเราเพราะไม่ได้สร้างเอง แต่เราต้องสนใจเพราะเขาเป็นคนสร้าง และมีความจำเป็นในการใช้ลำเลียงกำลังทหาร อพยพประชาชน ใช้ดับไฟป่า แต่ปัญหาคือเรามีเงินซื้อหรือเปล่า มีมากก็ซื้อได้ มีน้อยก็ทยอยซื้อ โดยต้องตั้งคณะกรรมการศึกษาร่วมกัน ในส่วนของเราต้องเป็นคณะกรรมการจัดหายุทโธปกรณ์ในกรอบที่คุ้มค่า
“ผมเห็นที่ทุกคนสนใจไม่ใช่เนื้อหาหลัก สนแต่เรื่องกระพี้ของมัน ซื้อไม่ซื้อ พอซื้อปั๊ปก็มาจ้องเรื่องทุจริต ไม่เคยสร้างสรรค์ว่าประเทศไทยจำเป็นต้องมีเฮลิคอปเตอร์หรือไม่ หรือไม่ต้องมีก็ได้ เอาสิ มันต้องซื้อเขาทุกอย่างเพราะเราไม่ผลิตเอง ถ้าผลิตได้ก็ไม่ซื้อหรอก แต่เพราะมันจำเป็น ข้อสำคัญคือไม่ใช่ซื้อเพื่อให้เกิดการทุจริต หากมีก็สอบมา ซึ่งเป็นการซื้อระหว่างรัฐต่อรัฐ จะทุจริตได้ยังไงก็ไม่รู้เหมือนกัน” นายกฯ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามถึงการเข้าร่วมเป็นสมาชิกสหภาพเศรษฐกิจยูเรเซีย (อีอียู) ของไทย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ยังศึกษาในเรื่องเงื่อนไขอยู่ โดยยังไม่ได้ข้อสรุป ส่วนจะเข้าร่วมได้ในรัฐบาลนี้หรือไม่นั้นก็กำลังพิจารณาอยู่ถึงผลดีผลเสีย ไม่ใช่ไปแล้วเซ็นส่งเดช การเข้าร่วมนั้นง่ายกว่า ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปชิฟิก (TPP) เพราะไม่มีข้อผูกมัดอะไร และตนได้คุยกับรัฐมนตรีว่าการกะทรวงพาณิชย์แล้ว คงจะสามารถดำเนินการได้โดยเร็ว เพราะเราต้องเพิ่มมูลค่าการค้าขายระหว่างกัน ก็ต้องมีการทำสัญญาร่วมกัน ซึ่งดูแล้วไม่ขัดข้องกับใคร และมีบางประเทศในอาเซียนร่วมลงนามไปแล้วด้วย โดยอย่าไปกลัวว่าลงนามไปแล้วจะเสียเปรียบ ถ้าเสียเปรียบรัฐบาลนี้ไม่ลงอยู่แล้ว แต่ถ้าไม่เสียเปรียบต้องลง เพราะไม่ลงจะค้าขายเขาไม่ได้ แล้วจะเอารายได้จากที่ไหน
พล.อ.ประยุธ์กล่าวอีกว่า สำหรับการลงนามนั้นมีหลายอย่างไม่ใช่ลงนามแล้วจะซื้อเลย แต่เป็นการลงนามกว้างๆ ในทุกกรอบ เช่น ความสนใจในยุทโธปกรณ์ความมั่นคง ความร่วมมือด้านการทหาร จากนั้นก็ตั้งคณะกรรมการศึกษาร่วมกันจัดทำทีโออาร์ และจัดหางบประมาณ ส่วนอีกด้านคือกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงกษตรและสหกรณ์ก็ต้องขายของ ไม่ใช่อย่างที่คิดว่าอะไรก็ง่ายไปหมดซื้อนี่ซื้อโน่น ถ้าจะแค่ซื้อก็ไม่ต้องไปหรอก ซึ่งการเข้ากลุ่มสมาชิกนั้นไม่มีการบังคับ แต่เป็นทางเลือกทางด้านเศรษฐกิจ