โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เชื่อต่างชาติเข้าใจคุมตัว “วัฒนา” คาดมีคนชักใย “ลูกสาว” ให้ฟ้อง ทำกันเป็นทีมหวังดึงต่างประเทศกดดัน หยันพลเมืองโต้กลับจุดกระแสไม่ติด คนเบื่อม็อบ ห่วงคนคิดต่างบู๊ โยนตำรวจดูแล แหล่งข่าว คสช.แย้มจ่อแจ้งข้อหาฝ่าฝืนคำสั่ง ฉ.39/57
วันนี้ (20 เม.ย.) พ.อ.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ ทีมโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณี น.ส.วีรดา เมืองสุข บุตรสาวนายวัฒนา เมืองสุข อดีต รมช.พาณิชย์ และแกนนำพรรคเพื่อไทย ยื่นหนังสือร้องทุกข์ต่อสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เรียกร้องให้องค์การระหว่างประเทศหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับงานด้านสิทธิมนุษยชนสากลตรวจสอบการดำเนินการกับผู้เห็นต่างทางการเมืองของ คสช.ว่าขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชนหรือไม่ ภายหลังจากที่ คสช.ควบคุมตัวนายวัฒนาตั้งแต่เมื่อวันที่ 18 เม.ย.ที่ผ่านมาว่า ทางกระทรวงการต่างประเทศได้ชี้แจงการดำเนินการของ คสช.ไปแล้วถึงขั้นตอนต่างๆ เชื่อว่าต่างประเทศจะเข้าใจ รวมถึงการที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช.เดินทางไปต่างประเทศทุกครั้ง ท่านก็ชี้แจงเรื่องนี้ตลอด สำหรับเรื่องดังกล่าว คสช.ได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปชี้แจงทำความเข้าใจกับ น.ส.วีรดาแล้วว่าบิดาถูกเชิญตัวด้วยเหตุใด แต่ก็ยังมีการดำเนินการดังกล่าว เรื่องนี้ คสช.เชื่อว่ามีผู้ชักใยอยู่เบื้องหลังและกำลังตรวจสอบอยู่
“การดำเนินการทำกันเป็นทีมงาน เราติดตามอยู่ ตั้งแต่ที่นายวัฒนาโพสต์เฟซบุ๊ก จนเป็นที่มาของการเชิญตัว และมีการให้ลูกสาวไปยื่นหนังสือ ต่อด้วยการแสดงออกของกลุ่มพลเมืองโต้กลับในการจุดกระแส รวมถึงการเดินทางไปเยี่ยมคุณวัฒนาของนายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นนี้เพื่อต้องการดึงต่างชาติให้มากดดันการทำงานของ คสช. แต่ในเรื่องดังกล่าวเราไม่ได้กังวลอะไรเพราะเชื่อว่าต่างชาติจะเข้าใจ รวมถึงองค์กรสิทธิมนุษยชนต่างประเทศ อย่างฮิวแมนไรต์วอตช์ที่ได้ชี้แจงไป เขาก็เข้าใจถึงแนวทางการทำงานของ คสช.” พ.อ.ปิยพงศ์กล่าว
พ.อ.ปิยพงศ์กล่าวต่อว่า สำหรับการเคลื่อนไหวของกลุ่มพลเมืองโต้กลับที่นัดหมายเคลื่อนไหวในวันนี้บริเวณบีทีเอส ช่องนนทรี และเตรียมยกระดับเคลื่อนไหวใหญ่ในวันศุกร์นี้ เชื่อว่า คสช.ติดตามความเคลื่อนไหวตลอดเวลา แต่เชื่อว่าจุดกระแสไม่ได้เพราะประชาชนเบื่อหน่ายต่อการชุมนุมทางการเมือง แต่ที่ คสช.เป็นห่วงคือความปลอดภัยของเขา เพราะมีกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยกับการเคลื่อนไหวของเขาเช่นกัน ต้องระมัดระวังในส่วนนี้ อย่างไรก็ตาม การดูแลคงให้เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นหลักภายใต้กฎหมายปกติ
พ.อ.ปิยพงศ์กล่าวอีกว่า สำหรับท่าทีของนายวัฒนาขณะนี้ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ พูดคุยก็เข้าใจ เพียงแต่ความคิดทางการเมืองของเขาก็ยังคงอยู่ ทั้งนี้การไปเยี่ยมนายวัฒนาที่ค่ายสุรสีห์ กองพลทหารราบที่ 9 จ.กาญจนบุรี จะเปิดให้ผู้เป็นญาติของนายวัฒนาเข้าเยี่ยมเท่านั้น ส่วนบุคคลอื่นที่ไม่เกี่ยวข้อง อย่างเช่น นายจตุพร นายณัฐวุฒิ เจ้าหน้าที่คงไม่อนุญาตให้เข้าเยี่ยมได้
โดยกรณีที่นายวัฒนาได้เข้ารายงานตัวตามคำสั่ง คสช.ที่ 3/2558 ที่มณฑลทหารบกที่ 11 (มทบ.11) โดยเจ้าหน้าที่ได้ชี้แจ้งถึงการเชิญตัวมาเพราะฝ่าฝืนคำสั่ง คสช.ฉบับที่ 39/2557 ก่อนนำตัวไปควบคุมที่ พล.ร.9 นั้น แหล่งข่าวระดับสูงคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างให้ทางเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องได้จัดรวบรวมพยานหลักฐาน พร้อมเอกสารต่างๆ เพื่อเตรียมเข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อนายวัฒนา ในข้อหาฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 39/2557 มีอัตราโทษจำคุก 2 ปี ปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
แหล่งข่าว คสช.กล่าวต่อว่า สำหรับกระบวนการดำเนินคดีนั้น นายทหารพระธรรมนูญจะนำหลักฐานเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนเพื่อให้ดำเนินคดีต่อนายวัฒนาในข้อหาฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไข ตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 39/2557 คาดว่าน่าจะเป็นช่วง 1-2 วันนี้ที่กองบังคับการกองปราบปราม (บก.ป.) หลังจากนั้นพนักงานสอบสวนก็จะดำเนินการตามกฎหมาย ทางเจ้าหน้าที่กองกำลังรักษาความสงบ (กกล.รส.) จะได้นำตัวนายวัฒนามาพบพนักงานสอบสวนเพื่อให้รับทราบข้อกล่าวหา จากนั้นทางพนักงานสอบสวนจะนำตัวนายวัฒนาไปฝากขังผลัดแรกเป็นเวลา 12 วัน ที่ศาลทหารกรุงเทพ