รองหัวหน้า ปชป.แนะรัฐบาลควรคิดทำอย่างไรให้รัฐธรรมนูญผ่าน อย่าคิดล่วงหน้าว่าไม่ผ่าน ไม่ควรคิดตรงกับฝ่ายคว่ำร่างฯ รับเป็นสัญญาณที่แปลก ดักเอาทุกอย่างยำรวมกันไม่ใช่ทางออก ไม่ผ่านควรนำร่างฯ มีชัยมาปรับใช้
วันนี้ (19 เม.ย.) นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย กล่าวว่าอาจจะมีการตั้งทั้งนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) และนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ อดีตประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ขึ้นมาหากร่างรัฐธรรมนูญฉบับ กรธ.ไม่ผ่านการทำประชามติ โดยนายนิพิฏฐ์กล่าวว่า การทำแบบนี้นั้นเหมือนกับว่าคิดล่วงหน้าไปไกลเกินไป เปรียบเสมือนกับว่าขณะนี้คนยังอยู่ในโรงพยาบาล ยังอยู่ในห้องไอซียู ยังไม่ตายแต่ส่งพวงหรีดไปแล้ว เหมือนกับร่างรัฐธรรมนูญที่จะผ่านหรือไม่ก็ยังไม่รู้ แต่กลับคิดล่วงหน้าแล้วว่ามันจะไม่ผ่าน
รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวต่อว่า สิ่งที่สำคัญก็คือรัฐบาลควรจะมาคิดในตอนนี้ว่ารัฐบาลจะทำอย่างไรให้ร่างรัฐธรรมนูญผ่านการทำประชามติ การคิดจะเอารัฐธรรมนูญและร่างรัฐธรรมนูญแต่ละฉบับมายำกันนั้นมันเป็นการคิดไปไกลเกินไป ส่วนฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญนั้นก็เป็นสิทธิของเขาที่จะเสนอความเห็นออกมาได้ว่าร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านการทำประชามติแล้วจะทำอย่างไรต่อไป ดังนั้น ตนคิดว่าฝ่ายรัฐบาลซึ่งเป็นผู้ผลิตร่างรัฐธรรมนูญนี้ออกมาก็ไม่ควรจะมีแนวคิดไปทางเดียวกับฝ่ายที่จะคว่ำร่างรัฐธรรมนูญ ตนคิดว่าแบบนี้ก็ถือว่าเป็นการส่งสัญญาณที่ค่อนข้างจะแปลกออกมา
เมื่อถามว่าพรรคประชาธิปัตย์ก็มีจุดยืนเรียกร้องให้ทางรัฐบาลเปิดเผยท่าทีออกมา ถ้าหากร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านประชามติ นายนิพิฏฐ์กล่าวว่า ใช่ แต่ตามหลักตนคิดว่ารัฐบาลในฐานะเป็นผู้สร้างรัฐธรรมนูญควรพูดออกมา ชี้แจงให้สังคมเข้าใจด้วยว่าร่างรัฐธรรมนูญนี้ดีต่อประชาชนอย่างไร ทำไมถึงต้องให้ร่างรัฐธรรมนูญนี้ผ่านประชามติ ควรจะพูดในแนวนี้เป็นหลัก ส่วนการจะมาเสนอทางเลือกให้ประชาชนนั้นค่อยมาว่ากันอีกที แต่ว่าแนวคิดการเอาทุกอย่างมายำรวมกัน ตนคิดว่าแบบนี้ไม่น่าใช่ทางออก ถามว่ายำกันแล้วออกมาจะเป็นอย่างไร แบบนี้ไม่ใช่คำตอบที่ทางพรรคฯ เรียกร้อง
“ผมคิดว่ารัฐธรรมนูญที่ดีฉบับหนึ่ง คือ รัฐธรรมนูญปี 2550 ซึ่งดีกว่า 2540 แต่ถ้าถามผมว่าร่างฯ นี้ถูกคว่ำไปจะเอาอะไรมาใช้ดี ผมก็บอกว่าเอาของมีชัยนี่แหละมาปรับใช้ ฐานในการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญของตั้งแต่ฐานของนายบวรศักดิ์ ก็ฐานฐานจากรัฐธรรมนูญ 40 และ 50 มารวมกันแล้วเป็นร่างฯ ของนายบวรศักดิ์ พอของนายบวรศักดิ์มันล้มไป มาถึงของนายมีชัยก็เอาทั้ง 40 และ 50 และนายบวรศักดิ์มายำกันก็เป็นของนายมีชัย ร่างสุดท้ายไม่ว่าจะเป็นของนายบวรศักดิ์และนายมีชัยต่างก็มีฐานจาก 40และ 50 ถ้าหากเอาของทั้ง 40 50 ของบวรศักดิ์ ของมีชัย 4 ฉบับมายำกันแล้วร่างใหม่อันนี้เป็นเรื่องใหญ่เลย 8 เดือนก็ไม่จบ ปีหนึ่งก็ไม่จบ” นายนิพิฏฐ์กล่าว
เมื่อถามถึงความเห็นกรณีที่นายจาตุรนต์ ฉายแสง แกนนำพรรคเพื่อไทยออกมาเสนอว่าถ้าประชามติไม่ผ่าน ให้เลือกตั้งตามกติการัฐธรรมนูญปี 2550 แล้วให้รัฐบาลใหม่ร่างรัฐธรรมนูญแทน นายนิพิฏฐ์กล่าวว่า ถ้าทำตามนี้ก็หมายความว่าการปฏิรูปนั้นล้มเหลวหมดเลย ไม่สามารถร่างรัฐธรรมนูญได้แม้แต่มาตราเดียว เลยต้องไปหยิบเอารัฐธรรมนูญปี 2550 มาใช้ แสดงว่ารัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) นั้นยอมจำนนว่า 2 ปีที่ยึดอำนาจมาล้มเหลวเรื่องการปฏิรูป เพราะต้องอย่าลืมว่าร่างรัฐธรรมนูญทั้งของนายบวรศักดิ์และนายมีชัยนั้นมีหมวดเรื่องการปฏิรูประบุไว้ในร่างรัฐธรรมนูญด้วยแล้วและในร่างรัฐธรรมนูญของนายมีชัยก็ยังมีเรื่องของกลไกการต่อต้านการทุจริตด้วยซึ่งเป็นสิ่งที่ทั้งรัฐธรรมนูญ 2540 และ 2550 ไม่มี