“ไก่อู” เผยหลายพื้นที่เหนือ-อีสาน มีกลุ่มแอบอ้างนโยบายจัดระเบียบพื้นที่รัฐ มุ่งหาประโยชน์ส่วนตัว ป้ายสีทำให้เกลียดชัง รบ. ยันไม่มีนโยบายเรียกเก็บเงิน จนท.รัฐเอี่ยวเจอโทษหนัก นายกฯ สั่งล่าจับกุม ปูดฝีมือกลุ่มอิทธิพลท้องถิ่นหวังเงินและผลการเมือง ซัดทำชั่วซ้ำเติม ปชช. พบเห็นให้แจ้งมา กำชับผู้ว่าฯ ดูแลเจออีกต้องร่วมรับผิดชอบ
วันนี้ (18 เม.ย.) พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ขณะนี้รัฐบาลได้รับรายงานว่า ในหลายพื้นที่โดยเฉพาะจังหวัดใหญ่ในภาคเหนือ และภาคอีสาน มีกลุ่มกระบวนการแอบอ้างนโยบายจัดระเบียบพื้นที่ค้าขายของรัฐบาลเข้าไปสร้างความเดือดร้อนให้แก่พ่อค้าแม่ค้าและพี่น้องประชาชน โดยมีเป้าหมายเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตน และสร้างให้เกิดความเข้าใจผิด และเกลียดชังรัฐบาล นโยบายการจัดระเบียบพื้นที่ค้าขายเป็นนโยบายของรัฐบาลเพื่อให้เกิดความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง แต่กลับมีผู้สวมรอยแอบอ้าง คสช.แล้วกระทำการเกินเลยกว่าที่เป็นนโยบาย เช่น คสช.มีแนวทางให้เปิดใช้พื้นที่สาธารณะเป็นถนนคนเดินเพื่อการค้าขายได้ในวันหยุด ก็กลับมีกลุ่มบุคคลโดยที่อาจมีเจ้าหน้าที่รัฐบางส่วนรู้เห็นเป็นใจ ไปแอบอ้างว่า คสช.สั่งยกเลิกพื้นที่ค้าขายทั้งหมด ซึ่งสร้างความเดือดร้อนให้พี่น้องประชาชนผู้ทำมาหากินโดยสุจริต และจงใจป้ายความผิดมาให้รัฐบาลและ คสช.ว่าเป็นผู้สั่งการ หรือแม้แต่การจัดงานบุญ งานฉลองตามประเพณี เช่น ฉลองพระธาตุในบางจังหวัด ก็มีการเก็บค่าเช่าที่ขายของแพงกว่าปกติ ค่าจอดรถแพงกว่าปกติ โดยอ้างว่า คสช.สั่งให้ทำ ทหารสั่งให้ทำซึ่งไม่เป็นความจริง และหากจะมีทหารหรือเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้องก็ต้องถือว่าเป็นผู้ทุจริตต่อหน้าที่ ต้องได้รับโทษสถานหนักทุกนาย และขอยืนยันว่ารัฐบาลไม่มีนโยบายเรียกเก็บเงินใดๆ จากใครทั้งสิ้น
พล.ต.สรรเสริญกล่าวต่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รับทราบรายงานเรื่องเหล่านี้มาระยะหนึ่งแล้ว และได้ส่งหน่วยข่าวลงไปเก็บรวบรวมข้อมูลเพื่อตามล่าจับกุมกลุ่มแอบอ้างเหล่านี้ ทั้งนี้ได้ข้อมูลเบื้องต้นว่าบางส่วนเป็นกลุ่มอิทธิพลในท้องถิ่นที่หวังผลประโยชน์ทั้งในรูปตัวเงิน และประโยชน์ทางการเมือง บางส่วนเป็นเจ้าหน้าที่รัฐร่วมในขบวนการ และจงใจสั่งการโดยพลการแบบมีนัยเกินเลยจากแนวนโยบายของรัฐบาลและ คสช. เพื่อให้เกิดความวุ่นวายและเข้าใจผิด
“ท่านนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้หาตัวผู้กระทำเยี่ยงนี้มาลงโทษหนักให้จงได้ เพราะถือว่าเป็นการกระทำชั่ว ซ้ำเติมพี่น้องประชาชนในภาวะที่เศรษฐกิจยังคงชะลอตัว ทั้งนี้ หากพ่อค้าแม่ขาย หรือพี่น้องประชาชนท่านใดพบเห็นเหตุการณ์ในลักษณะผิดปกติหรือผิดสังเกตเช่นนี้ ขออย่าได้หลงเชื่อ ควรแจ้งเรื่องร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรมทั่วประเทศ หรือแจ้งมายังศูนย์บริการประชาชน ทำเนียบรัฐบาล ถือเป็นการช่วยชาติช่วยสังคมมิให้ต้องตกเป็นเหยื่อของผู้ไม่หวังดีเหล่านี้ ท่านนายกฯ ได้กำชับว่าผู้ว่าราชการจังหวัดต้องคอยดูแลควบคุมมิให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะเช่นนี้อีก และหากพบว่ายังคงมีการหลอกลวงประชาชนโดยการแอบอ้าง คสช. หรือรัฐบาลอีกในพื้นที่ และสร้างความเดือดร้อนให้พี่น้องประชาชน ผู้ว่าราชการจังหวัดจะต้องรับผิดชอบด้วย”