ทีมโฆษก คสช.เผย “บิ๊กหมู” ขอบคุณ จนท.ดูแลอำนวยความสะดวกสงกรานต์ ตามมาตรการ “ดื่มไม่ขับ จับยึดรถ” ผลตอบรับดี แถมอาชญากรรมลด กกล.รส.เข้มจัดระเบียบสังคม พร้อมสั่งเร่งแก้ภัยแล้ง เตรียมสอบเอาผิดนำชื่อ คสช.แอบอ้าง สรุปยึดรถเมาแล้วขับ 6,613 คัน รับ ปชช.ตื่นตัว หวังกระตุ้นระวังความปลอดภัยใช้ถนน
วันนี้ (18 เม.ย.) พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวว่า เช้าวันนี้ พล.อ.ธีรชัย นาควานิช เลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เป็นประธานการประชุมสำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ โดยได้กล่าวว่า หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้ฝากขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย ทั้งตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครองและอาสาสมัคร ที่ร่วมกันดูแลและอำนวยความสะดวกประชาชนด้วยความเสียสละและทุ่มเทตลอดเทศกาลสงกรานต์ ตามมาตรการ “ดื่มไม่ขับ จับยึดรถ” ซึ่งได้รับความชื่นชมและการยอมรับจากประชาชนเป็นอย่างดี ไม่ปรากฏเหตุการณ์ร้ายแรงที่กระทบต่อการดำเนินชีวิตของประชาชน อีกทั้งในช่วงเวลาดังกล่าวสถิติทางคดีที่เกี่ยวกับอาชญากรรมลดลงถึง 50 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว และขอชื่นชมเจ้าหน้าที่ตำรวจในระดับพื้นที่ที่อำนวยการจราจรตามเส้นทางต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับการปฏิบัติงานของกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยนั้นยังคงให้เข้มข้นในเรื่องการบังคับใช้กฎหมาย และจัดระเบียบสังคม ทั้งการปราบปรามผู้มีอิทธิพล บ่อนการพนัน อาวุธสงคราม และยาเสพติด เพื่อให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน สามารถดำเนินชีวิตประจำวันได้อย่างมีความสุข โดยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมากองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย ได้จับกุมผู้กระทำความผิด พ.ร.บ.ยาเสพติด 129 ครั้ง ยึดยาบ้า 948,030 เม็ด กัญชา 1,150 กิโลกรัม ได้จับกุมผู้กระทำผิด พ.ร.บ.ป่าไม้ 19 ครั้ง ได้ของกลางเป็นไม้ 296 ท่อน 26 แผ่น จับกุมผู้กระทำผิด พ.ร.บ.อาวุธเครื่องกระสุน 30 ครั้ง ได้อาวุธปืน 56 กระบอก จับกุมผู้กระทำผิด พ.ร.บ.ศุลกากร 3 ครั้ง ได้น้ำมันหนีภาษี 101,000 ลิตร บุหรี่และสุราต่างประเทศจำนวนหนึ่ง รวมทั้งได้เข้าจับกุมการเล่นพนัน 24 ครั้ง ได้ผู้ต้องหา 175 คน และจับกุมผู้หลบหนีเข้าเมือง 6 ครั้ง ผู้ต้องหา 51 คน
นอกจากนี้ เลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติยังกำชับให้เจ้าหน้าที่ทุกส่วนร่วมกันลงพื้นที่ในทุกหมู่บ้าน เพื่อรับฟังและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในทุกเรื่อง ปัญหาเร่งด่วนขณะนี้คือภัยแล้ง ให้ทุกส่วนเข้าดำเนินการทันทีในทุกหมู่บ้านและบูรณาการ การแจกจ่ายน้ำให้ทั่วถึงในทุกพื้นที่ โดยปัจจุบันมีพื้นที่ประสบภัยพิบัติ 27 จังหวัด 4,354 หมู่บ้าน และหน่วยงานของรัฐ โดยกระทรวงกลาโหมนำน้ำไปแจกจ่ายแล้ว 50 ล้านลิตรเศษ กรมทรัพยากรน้ำนำเครื่องสูบน้ำ 147 เครื่อง ติดตั้งเพื่อสูบน้ำเข้ามาเติมในแหล่งน้ำใน 36 จังหวัด ปริมาณน้ำ 25 ล้านลูกบาศก์เมตร ส่วนกรมชลประทานได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำ 63 เครื่อง และส่งรถบรรทุกน้ำออกช่วยเหลือตามพื้นที่ต่างๆ แล้วอีก 15 ล้านลิตร
ทั้งนี้ ในช่วงเทศกาลมีบุคคลบางกลุ่มมีพฤติกรรมแอบอ้าง คสช.ไปกระทำบางอย่างเพื่อให้ประชาชนเข้าใจผิดและมีความรู้สึกที่ไม่ดีต่อ คสช. เช่น ปิดการจราจร ปิดถนน เก็บค่าจอดรถ การเรียกรับผลประโยชน์ การจัดงาน ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบและจะดำเนินการทางกฎหมายต่อไป จึงขอให้ประชาชนได้มีความเข้าใจที่ถูกต้องและอย่าได้หลงเชื่อในพฤติกรรมของบุคคลเหล่านี้
พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ยังกล่าวว่า จากการที่ คสช.และรัฐบาลได้มอบให้กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย ตำรวจ และฝ่ายปกครอง ร่วมดูแลและอำนวยความสะดวกประชาชนช่วงเทศกาลสงกรานต์ระหว่าง 9-17 เมษายน 2559 ตามมาตรการ “ดื่มไม่ขับ จับยึดรถ” เพื่อป้องกันและลดอุบัติเหตุ ด้วยการตั้งจุดตรวจ จุดป้องปรามการดื่มไม่ขับ ควบคู่ไปกับการสกัดกั้นการทำผิดกฎหมายในรูปแบบต่างๆ ซึ่ง ตลอดเทศกาลได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากประชาชนและผู้ใช้รถใช้ถนน รวมทั้งเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายปฏิบัติงานด้วยความทุ่มเทเสียสละ โดยมีสถิติการตรวจพบผู้กระทำผิดในลักษณะที่สุ่มเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุโดยประมาทด้วยการดื่มแล้วขับตลอด 9 วันที่ผ่านมา ระหว่าง 9-17 เมษายน 2559 ดังนี้
ตรวจพบผู้กระทำความผิด 277,055 ครั้ง (แยกเป็นจักรยานยนต์ 153,626 คัน รถโดยสารสาธารณและรถยนต์ส่วนบุคคล 123,429 ครั้ง) ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ส่งดำเนินคดีรวม 142,820 คน (แยกเป็นจักรยานยนต์ 83,697 คน และรถโดยสารสาธารณะ และรถยนต์ส่วนบุคคล 59,123 คน) โดยได้ยึดใบอนุญาตขับขี่ 17,449 ราย (แยกเป็นจักรยานยนต์ 908 ราย และรถโดยสารสาธารณะ และรถยนต์ส่วนบุคคล 16,541 ราย) และเจ้าหน้าที่ได้ยึดรถที่ฝ่าฝืนมาตรการดื่มไม่ขับ 6,613 คัน (แยกเป็น รถจักรยานยนต์ 4,963 คันและ รถยนต์ 1,650 คัน)
จากมาตรการ “ดื่มไม่ขับ จับยึดรถ” ที่เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายตั้งใจดำเนินการเพื่อสร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนตลอดการเฉลิมฉลองสงกรานต์ตั้งแต่วันที่ 9-17 เมษายน 2559 พบว่าประชาชนส่วนใหญ่ให้การตอบรับและให้ความสำคัญกับมาตรการนี้ มีความตื่นตัว และเพิ่มความระมัดระวังในการใช้รถใช้ถนนมากขึ้น รวมทั้งเสนอให้ คสช.ดำเนินมาตรการนี้ต่อเนื่องตลอดปี เพื่อช่วยลดและป้องกันความสูญเสีย จากอุบัติเหตุบนท้องถนนที่เกิดจากการดื่มแอลกอฮอล์จนเป็นสาเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตราย ที่สำคัญได้สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับประเทศในด้านความปลอดภัยและช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม มาตรการดังกล่าวยังส่งผลทางอ้อมต่อผู้ประทุษร้ายหรือต้องการจะก่อเหตุการณ์อันไม่พึงประสงค์ที่สร้างความเสียหายให้แก่ประชาชนส่วนรวมให้ไม่สามารถก่อเหตุร้ายได้ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนคุมเข้มตามจุดสกัดต่างๆ รวมทั้งยังช่วยป้องปรามการกระทำผิดกฎหมายในรูปแบบอื่นๆ เช่น ยาเสพติด อาวุธสงคราม สินค้าหนีภาษี แรงงานผิดกฎหมาย เป็นต้น
ทั้งนี้ คสช.หวังว่ามาตรการ “ดื่มไม่ขับ จับยึดรถ” จะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยกระตุ้นประชาชนให้เห็นถึงความสำคัญของการใช้รถใช้ถนนด้วยความระมัดระวังและปฏิบัติตามกฎแห่งความปลอดภัยอย่างจริงจัง ในทุกการเดินทาง เพื่อให้สังคมไทยเป็นสังคมแห่งความปลอดภัยอย่างแท้จริง