โฆษก คสช.แถลงโต้ “วัฒนา เมืองสุข” กล่าวหาทหารไปปิดบ้าน แท้จริงนัดทหารเอง ไปถึงแล้วกลับปิดบ้าน แถมยังปิดโทรศัพท์ ซัดบิดพลิ้ว บิดเบือน ไม่เป็นลูกผู้ชาย ชี้ไม่อยากไปทำลายบรรยากาศสงกรานต์ อดทนรอ 18 เม.ย. ปัดตอบเข้าอบรมหรือไม่ แจง “วิษณุ” ยำรัฐธรรมนูญและร่าง 4 ฉบับรวมกัน แค่พูดว่าหากไม่ผ่าน รอ 7 ส.ค.ถึงจะชัดเจน
วันนี้ (15 เม.ย.) พ.อ.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ รองหัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ส่วนงานรักษาความสงบ สำนักงานเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่ทหารไปเชิญตัวนายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย เข้าพูดคุย เมื่อวันที่ 14 เม.ย.ที่ผ่านมาว่า ตามข้อเท็จจริงนายวัฒนาเป็นผู้นัดกับเราก่อน โดยให้เจ้าหน้าที่เป็นผู้รอ แต่ว่านายวัฒนากลับโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวบิดเบือนข้อเท็จจริงในลักษณะที่ทหารไปปิดหน้าบ้าน ข้อเท็จจริงประชาชนคนไทยสามารถรับรู้ได้ถึงการปฏิบัติตัวของนายวัฒนาว่าเป็นเช่นใด เพราะนายวัฒนาเองก็เคยมาพบเจ้าหน้าที่แล้วไม่ต่ำกว่า 4 ครั้ง พร้อมทั้งลงนามข้อตกลง ทำความเข้าใจเป็นสัญญาแบบลูกผู้ชาย แต่ความเป็นจริงนายวัฒนาก็มีพฤติกรรมแบบนี้ตลอด จึงทำให้ประชาชนรู้ได้ว่าว่านายวัฒนาที่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ไม่เคยเป็นสุภาพบุรุษเลย มิหนำซ้ำยังเป็นคนไม่รักษาคำพูด อีกทั้งชอบไปแสดงความคิดเห็นในลักษณะที่บิดเบือนข้อเท็จจริงตลอด
“นายวัฒนาเป็นผู้นัดเอง และให้ทหารมารอวันที่ 14 เม.ย. แต่กลับขอเลื่อนไปแบบไม่มีกำหนด แถมยังปิดโทรศัพท์ ทำให้เจ้าหน้าที่ติดต่อไม่ได้ ซึ่งทางเราก็มีความห่วงใยว่าอาจจะมีคนที่คิดไม่ดีกับนายวัฒนามากน้อยแค่ไหน เพราะฉะนั้นอยากชี้ให้ประชาชนได้เห็นว่าการปฏิบัติตัวของนายวัฒนามีลักษณะที่บิดพลิ้ว บิดเบือน ไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษลูกผู้ชายเสียเลย ขณะเดียวกัน เราอยากให้บรรยากาศของความอบอุ่นในช่วงเทศกาลสงกรานต์ เพราะไม่อยากไปทำลายบรรยากาศแห่งความสุขของพี่น้องคนไทย และย้ำว่า คสช. มีความเป็นสุภาพบุรุษ และความเป็นทหารพอที่ให้โอกาส ให้เวลา และรอคอยนายวัฒนาจนถึงวันที่ 18 เม.ย.” พ.อ.ปิยพงศ์กล่าว
เมื่อถามว่า พฤติกรรมของนายวัฒนามีคุณสมบัติพอที่จะเข้าอบรมหลักสูตรผู้นำสร้างชาติอย่างสร้างสรรค์หรือไม่ พ.อ.ปิยพงศ์กล่าวว่า ในที่นี้ตนยังตอบไม่ได้ เพราะฝ่ายกฎหมาย คสช.กำลังพิจารณาอยู่ว่า ณ เวลานี้ สถานะของนายวัฒนาอยู่ในสถานะใด น่าจะเข้าข่ายขัดคำสั่ง คสช.หรือไม่ และผิดสัญญาที่ตกลงกันไว้ ทั้งนี้คงต้องรอก่อน
พ.อ.ปิยพงศ์ยังกล่าวถึงกรณีที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่าหากร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านประชามติจะนำรัฐธรรมนูญฉบับ 2540 ฉบับปี 2550 ร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ อดีตประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ และร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) มาปรับใช้รวมกันว่า ประเด็นนี้ต้องไปพิจารณากันอีกที่หลังวันที่ 7 ส.ค.ที่จะถึงนี้ การที่นายวิษณุเสนอทางออกนั้นเป็นเพียงพูดว่าหากร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่าน ซึ่งเราจะรู้ได้ว่าร่างรัฐธรรมนูญผ่านหรือไม่ผ่านประชามติอย่างไรคือวันที่ 7 ส.ค.จึงจะมีความชัดเจนว่าจะมีทางออกกันอย่างไร ทั้งนี้ ต้องขึ้นอยู่กับประชาชนคนไทยเป็นผู้ตัดสินใจว่าจะรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้
“เราเข้าใจดีว่านายมีชัย และคณะ กรธ.ทุกคนได้ใช้ความพยายามอย่างเต็มความสามารถ ทุ่มเท และเสียสละ เพื่อวางกฎกติกาของประเทศ พร้อมทั้งหาแนวทางแก้ไขปัญหาประเทศ ส่วนร่างรัฐธรรมนูญจะผ่านประชามติหรือไม่นั้น คิดว่าอะไรก็ตามที่เป็นความสงบสุขของบ้านเมือง การแก้ไขปัญหาประเทศ และการวางอนาคตของประทศชาติให้มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน รวมไปถึงการเลือกตั้ง ปี 2560 นี่ถือเป็นเป้าหมายของ คสช.” พ.อ.ปิยพงศ์กล่าว