“ประยุทธ์” ปรับโฉมรายการ “คืนความสุขให้คนในชาติ” จากยืนพูดหลังโพเดียม เป็นการนั่งสนทนากับผู้ช่วยโฆษกรัฐบาล พร้อมตอบคำถามที่ประชาชนส่งมาถึงนายกฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่ารายการ “คืนความสุขให้คนในชาติ” ที่ออกอากาศเป็นประจำทุกคืนวันศุกร์ของสัปดาห์ เวลา 20.15 น.นั้น ล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้สั่งปรับเปลี่ยนรูปแบบรายการใหม่ โดยวันที่ 15 เม.ย.นี้ รายการที่นายกฯ ได้บันทึกเทปไว้ตั้งแต่วันที่ 12 เม.ย.หลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) จะเป็นรูปแบบรายการใหม่ โดยเป็นรายการ “คืนความสุขเฉพาะกิจ” ความยาวประมาณ 50 นาที เปลี่ยนจากทุกครั้งที่นายกฯ ยืนพูดที่โพเดียมมาเป็นรูปแบบการนั่งสนทนา โดยมี พ.อ.หญิง ทักษดา สังขจันทร์ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ดำเนินรายการ
นอกจากนี้ ช่วงหนึ่งของรายการจะเป็นการตอบคำถามเรื่องที่ประชาชนได้ส่งเรื่องร้องเรียนมาถึงนายกฯ โดยตรง และเป็นเรื่องที่นายกฯ เป็นผู้เลือกนำมาตอบในรายการด้วยตัวเอง
ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงการปรับรูปแบบรายการดังกล่าวว่า รายการก็ไม่มีอะไร มาก ตนยังคงพูดมากเหมือนเดิม โดยพูดถึงเรื่องที่เป็นปัญหา ซึ่งได้ดำเนินการแก้ปัญหาแล้ว และเรื่องที่อยู่ระหว่างการดำเนินการแก้ปัญหา ซึ่งตั้งแต่รัฐบาลนี้เข้ามา พบว่าหลายปัญหาในประเทศสะสมมานานมาก ส่งผลให้รัฐบาลในวันนี้ ต้องเร่งแก้ปัญหามากมายหลายเรื่องในเวลาอันจำกัด แต่ก็จะทำให้ดีที่สุด ทั้งหมดเป็นการนำสิ่งที่ประชาชนเดือดร้อนมาแก้ให้ ซึ่งคนไม่ค่อยรู้ว่าทุกอย่างมันก็ดีขึ้นเรื่อยๆ และไม่รู้ว่ามันยากแค่ไหน เพราะแต่ละปัญหาเกิดขึ้นมานาน จนคนเคยชิน วันนี้รัฐบาลให้เปลี่ยน ฝ่ายที่ได้รับผลกระทบก็ไม่ค่อยยอมเพราะเสียประโยชน์เดิมที่เคยได้ ขณะเดียวกัน การแก้ปัญหาของรัฐบาลในอดีต นักการเมืองก็จะเอาคนส่วนน้อยมาดูแล โดยหวังคะแนนเลือกตั้งจากฐานเสียงของตัวเอง
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ข้อมูลที่จะนำมาตอบในรายการล้วนเป็นสิ่งที่ประชาชนส่งมาถึงตนผ่านช่องทางทุกศูนย์ดำรงธรรม ทั่วประเทศ 76 จังหวัด บวกกรุงเทพฯ ซึ่งทั้งหมดตนได้ส่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปแก้ไข เรื่องไหนด่วน ตนได้สั่งการตรงให้แก้ทันที เรื่องใดที่ติดข้อกฎหมาย ต้องรอแก้ตามขั้นตอน นอกจากนี้ บางเรื่องต้องรอการออกพระราชบัญัติโดยสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เรื่องใดที่เกี่ยวพันหลายกระทรวงคงต้องใช้เวลา ที่สำคัญคือ ทุกเรื่องต้องเอากฏหมายเดิมมาดู ไม่ใช่ใช้ความรู้สึก หรือประวัติศาสตร์อย่างเดียว ต้องเอาทั้งกฎหมาย หลักฐาน เอกสาร นิติรัฐ แล้วจึงจะใช้รัฐศาสตร์พิจารณาว่าจะทำอะไรให้เขาได้บ้าง
สำหรับตน ในใจอยากจะช่วยทุกคนทุกเรื่อง แต่คงทำไม่ได้ทั้งหมด ปีหนึ่งหลายหมื่นเรื่อง มีเรื่องใหญ่บ้างเล็กบ้าง นี่เฉพาะปัญหาคนทั้งประเทศเกือบ 70 ล้าน ขณะเดียวกันก็ต้องบริหารราชการ รูปแบบ บูรณาการ ใช้จ่ายงบประมาณให้โปร่งใส จัดงบลงทุนที่จำเป็น ปรับระบบเศรษฐกิจ ระบบเกษตรครบวงจรใหม่ วางยุทธศาสตร์ด้านต่างประเทศใหม่ แยกเป็นแต่ละประเทศ กลุ่มประเทศ ประชาคมโลกเพื่อสร้างความเชื่อมั่น เพราะรัฐบาลเข้ามาแบบนี้ พร้อมทำกฎหมายให้ทันสมัยเป็นสากล รวมกว่า 400 ฉบับ นอกจากนี้ ยังเดินหน้าปฏิรูปอีกหลายเรื่อง ที่สามารถทำได้สมัยรัฐบาล โดยทำแผนกับสภาขับเคลื่อนการปฎิรูปประเทศ (สปท.) ระยะยาว ทำแผนสภาพัฒน์แผนที่ 12 ให้สอดคล้องทำยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี มอบหมายคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ กฎหมายลูก พร้อมทำประชามติ เตรียมเลือกตั้ง
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมารัฐบาลได้จัดระบียบสังคม บ้านเมือง ปราบปรามผู้กระทำความผิดกฎหมาย และนำคดีเก่า คดีใหม่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ขณะเดียวกัน ยังระงับความขัดแย้งการต่อต้านที่เจตนาไม่บริสุทธิ์ พร้อมคอยอธิบาย ตอบคำถามต่างประเทศให้ได้ โดยเฉพาะเรื่องสิทธิมนุษยชน ที่สำคัญปัญหาการค้ามนุษย์ ไอยูยู ประมง การบิน ไอเคโอ เอียซ่า รวมถึงปัญหาการบุกรุกป่า และจัดหาที่ดินให้กับเกษตรกรที่ไร้ที่อยู่และที่ทำกิน อีกทั้งการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งรัฐบาลในอดีตไม่เตรียมมาตรการลดความเสี่ยงไว้ล่วงหน้า สินค้าเกษตรราคาตก ดีมานด์ซับพลายไม่สมดุลย์ บิดเบือนราคาตลาด ประชาชนมีหนี้ครัวเรือนเพราะใช้เงินล่วงหน้า ส่งผลเป็นหนี้สินที่ไม่มีมูลค่าในอนาคต ปัญหาภัยแล้งเพราะฝนไม่ตก น้ำในเขื่อนน้อย ขณะที่ชาวนาปลูกข้าวมากต้องใช้น้ำสำรองในเขื่อนมากไป ทั้งหลายทั้งปวงสารพัดปัญหา ต้องประชุมหารือสั่งการ พร้อมออกกฎหมายจำเป็น จึงต้องใช้มาตรา 44
"นี่คือสิ่งที่รัฐบาลและ คสช. พบเจอและกำลังแก้ทั้งหมดเพื่อประชาชนคนไทยทั้งชาติ และไม่อยากให้ประเทศตกอยู่ในความอันตรายอีกต่อไป ซึ่งทุกๆ ฝ่ายต้องช่วยกัน ทำไมนักวิชาการบางส่วน สื่อเลือกข้าง นักศึกษากลุ่มหนึ่ง ไม่สงสารประเทศไทยคนไทยกันบ้างหรือ" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
