“อภิสิทธิ์” ยืนยัน ปชป.ไม่จับมือคู่แข่งล้ม รธน. บอกแม้ไม่เห็นด้วยแต่ก็ไม่เคยประกาศจะรับหรือไม่รับร่าง รธน. สอน “บิ๊กตู่” แยกแยะคนแสดงความเห็นโดยสุจริต และควรเคารพความเห็นต่าง พร้อมเตือน คสช.-รัฐบาลไม่ควรทำตัวเป็นคู่ขัดแย้ง แนะเอาเวลาไปสู้กับคนที่คิดไม่ดีกับบ้านเมืองจะดีกว่า ชี้ ปชป.ไม่กลัวคำถามพ่วง แต่ห่งงจะนำไปสู่ความขัดแย้ง
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช.และนายกรัฐมนตรี ออกมาแสดงความไม่พอใจที่พรรคประกาศจุดยื่นไม่เห็นด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญและท้าไม่ลงเลือกตั้งหากร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านการทำประชามติ ว่า ตนไม่แน่ใจว่านายกฯหมายถึงใครในประเด็นอะไร เพราะกรณีที่พูดถึงเรื่องการไม่ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นการตอบคำถามว่าถ้ามีปัญหาว่าพรรคการเมืองไม่ลงสมัครรับเลือกตั้งจะทำอย่างไรนายกฯ ก็บอกว่าใครที่บอกไม่ลงก็ขอให้ไม่ลงจริงๆ ซึ่งพรรคไม่เคยพูดจึงไม่มีประเด็นต้องแลกเปลี่ยนกับนายกฯ แต่ก็อยากให้ตรวจสอบด้วยว่าเรื่องที่สื่อถามเกี่ยวข้องกับใคร
ส่วนประเด็นคำถามพ่วงให้ ส.ว.ร่วมเลือกนายกฯนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า นายกฯเองก็เคยไม่เห็นด้วยกับการที่จะให้ส.ว.เลือกนายกฯดังนั้นจึงคิดว่าน่าจะเข้าใจ แต่ถ้าถามว่ากลัวอะไรขอพูดในภาพรวมว่าการแสดงความเห็นของตนไม่มีประโยชน์ส่วนตนและของพรรค แต่เป็นการแสดงความเห็นโดยสุจริตที่ห่วงใยประเทศบ้านเมือง จึงไม่ได้แสดงความเห็นบนพื้นฐานของความกลัว และทราบดีว่าถ้าความเห็นตนไปตรงกับพรรคคู่แข่งจะมีคนไม่พอใจ แต่ขอถามกลับว่าตนจะได้ประโยชน์อะไรกับการช่วยเหลือพรรคคู่แข่ง จึงอยากให้แยกแยะถึงพื้นฐานการแสดงความเห็นว่าเป็นการแสดงความเห็นด้วยความห่วงใยประเทศบ้านเมือง
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์จะไม่จับมือกับพรรคการเมืองคู่แข่ง แต่การถามคำถามพ่วงให้ ส.ว.เลือกข้างทางการเมืองจะทำให้นายกฯ ที่เคยบอกว่าทำหน้าที่เป็นกรรมการเกิดปัญหาในการทำงานเพราะเปลี่ยนจากกรรมการกลายเป็นผู้เลือกข้างแล้ว
“ผมกลัวเหมือนที่ท่านกลัว กลัวบ้านเมืองวุ่นวายขัดแย้ง เป็นสิ่งที่ประเทศไทยไม่ต้องการ จะเห็นได้ว่าแม้ผมไม่เห็นด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญแต่ก็ยังไม่ตอบว่าจะรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญเพราะห่วงเรื่องความวุ่นวาย ดังนั้นเมื่อเรามีเจตนาเดียวกันและท่านเคยทำงานกับผมน่าจะรู้ว่าผมทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวมหรือไม่ จึงอยากให้เอาเวลาไปต่อสู้กับคนที่คิดไม่ดีกับบ้านเมืองด้วยการช่วยกันขบคิดว่าทางออกควรจะเป็นอย่างไร เพราะถ้าบ้านเมืองวุ่นวายการเมืองและประเทศไทยก็เดินหน้าไม่ได้”
นายอภิสิทธิ์ ยืนยันด้วยว่าการแสดงความเห็นยึดหลักกฎหมาย ไม่ก้าวร้าว หยาบคาย บิดเบือน ข่มขู่ หรือปลุกระดม จึงขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายเคารพแนวทางแบบนี้ และขอให้กรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญระบุให้ชัดเจนด้วยว่า หากคำถามพ่วงผ่านการทำประชามติจะกำหนดกรอบในการแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างไร เพื่อไม่ให้เกิดข้อถกเถียงหรือตีความในภายหลัง
ส่วนที่นายกรัฐมนตรีระบุว่าเป็นอำนาจของตัวเองในการกำหนดทางออกกรณีร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านประชามตินั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนเข้าใจในเรื่องอำนาจ แต่คิดว่าผู้มีอำนาจควรคิดถึงประชาชนเจ้าของประเทศไม่มีใครบังคับนายกฯได้ว่าจะบอกอะไรกับประชาชน แต่สิ่งที่ประชาชนควรรู้ผู้มีอำนาจก็ควรให้ประชาชนรู้ เมื่อจะทำประชามติให้ประชาชนรู้ให้มากที่สุดไม่ดีกว่าหรือ เพราะเสียทั้งงบประมาณและกำลังคนเพื่อให้ได้ความมั่นใจว่าประชาชนต้องการอะไร แต่ถ้าต้องไปใช้สิทธิบนความไม่รู้ ความคาดการณ์ ความกลัวหรือความหวังย่อมไม่เป็นผลดี ตนจึงเรียกร้องให้มีการเปิดเผยทุกอย่างให้ได้มากที่สุดเพื่อประโยชน์ของคนทั้งประเทศ
“ผมอยากถามว่าหากเปิดเผยแล้วจะเสียหายอย่างไร อยากให้นายกฯใจเย็นๆ อากาศร้อนก็ร้อนด้วยกันทุกคน แต่อยากจะเห็นนายกฯ ที่มีภาระหนักมากอยู่แล้วว่าไม่อยากให้เครียด เพราะจะทำให้ประชาชนเครียดไปด้วย นายกฯไม่สามารถทำให้ทุกคนเห็นด้วยกับท่านได้ จึงอยากให้แสดงความเข้าใจ เคารพความเห็นสุจริต โดยเอาเวลาไปต่อสู้กับคนที่คิดไม่ดีกับบ้านเมืองดีกว่า ท่านต้องใช้อำนาจให้เป็นแบบอย่างกับรัฐบาลที่จะมาจากการเลือกตั้ง เพราะถ้ามีการใช้อำนาจกับคนที่เห็นสุจริต วันหน้าจะมีคนอ้างประชาชนแล้วทำแบบนั้นบ้าง บ้านเมืองไม่ยิ่งอยู่ในวังวนของความขัดแย้งหรือ ขอให้แยกแยะคนสุจริตและเคารพความเห็นแตกต่าง ไม่เช่นนั้นบ้านเมืองเดินไปข้างหน้าไม่ได้ โดย คสช.และรัฐบาลไม่ควรทำตัวเป็นคู่ขัดแย้ง”
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า หากนายกรัฐมนตรีไม่บอกว่าจะทำอย่างไรตน ก็จะตื๊อต่อไปคือขอให้พิจารณาให้ดีว่าจะดีหรือไม่ที่ประชาชนจะรู้ข้อมูลมากที่สุด อยากให้คิดว่าผู้มีอำนาจควรใช้อำนาจเพื่อให้ประชาชนได้ข้อมูลที่รอบด้าน เพื่อจะได้ตัดสินใจบนเหตุผลมากที่สุดหรือไม่อย่าปฏิเสธสิทธิประชาชนและบทบาทของการเมืองที่จะทำสิ่งที่ดีให้ประชาชน และอยากให้เข้าใจว่าการแสดงความเห็นโดยสุจริตจะใช้อำนาจบังคับไม่ได้ ยืนยันว่า ตนแสดงความเห็นพื้นฐานความตั้งใจที่ดีและสุจริต ถ้าจะดำเนินการตนก็พร้อมพิสูจน์
“ผมเชื่อว่านายกญมีความตั้งใจดีต่อบ้านเมือง มีความจริงจังแต่ความตั้งใจดีถ้าวิธีการไม่เหมาะสมก็จะเกิดปัญหาได้ และอย่ามองว่าคนที่เห็นไม่ตรงกับนายกฯ คือปฏิปักษ์แต่ขอให้มองเป็นกัลยาณมิตรบ้าง เพราะนายกญ เองก็มีประชาชนสนับสนุนจำนวนมาก ดังนั้นหากใจเย็นและทำอะไรให้รอบด้านมากขึ้นจะเห็นทางออกกว้างขวางกว่านี้ ประเทศยังเดินอยู่บนความเสี่ยงการเปิดให้เดินได้หลายทางดีกว่าบีบให้ต้องเดินไปคนละทาง”