มูลนิธิเมาไม่ขับ หวังอุบัติเหตุลดช่วงสงกรานต์ หลังรัฐบาลเข้มมาตรการฟันพวกเมาแล้วขับ

ผู้จัดการมูลนิธิเมาไม่ขับ คาดหวังสงกรานต์ปีนี้อุบัติเหตุลดลง จากการที่รัฐบาลขับเคลื่อนมาตรการเข้มรับมือพวกเมาแล้วขับ ระบุโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ส่งผลต่อการรณรงค์

นายสุรสิทธิ์ ศิลปงาม ผู้จัดการมูลนิธิเมาไม่ขับ กล่าวถึงมาตรการรณรงค์เมาไม่ขับช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ว่า สำหรับมาตรการที่เรามีอยู่นั้นทุกภาคส่วนก็ทำดีอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการตั้งด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์ของตำรวจ การมีด่านชุมชนของประชาชนร่วมกับฝ่ายปกครอง การรณรงค์ให้ประชาชนอย่าละเมิดกฎหมาย ความจริงทำดีอยู่แล้ว อย่างไรก็ตารม ปีนี้มาตรการเสริมที่เราเสนอรัฐบาลถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี คือ 1. กรณีขอให้รัฐบาลสนับสนุนการติดกล้องหน้ารถ ไม่ได้เป็นการบังคับ แต่เป็นการเชิญชวนประชาชนที่มีกำลังทรัพย์ และเป็นไปได้รัฐบาลอาจจะสนับสนุนช่วยลดภาษีของคนที่ติดกล้องหน้ารถ เอาใบเสร็จไปลดหย่อน ซึ่งสงกรานต์นี้อาจจะไม่ทัน แต่อาจจะในระยะยาว เพราะเรามองว่าปัจจุบันเรามีตำรวจในประเทศประมาณ 3 แสนนาย แต่มีตำรวจจราจรประมาณ 9 หมื่นนาย และเทศกาลสงกราน์มีคนเดินทางในประเทศจำนวนมาก ตำรวจกำลัง 9 หมื่นนายดูแลประชาชนได้ไม่ทั่วถึง สิ่งสำคัญเราคิดว่าประชาชนต้องเป็นหูเป็นตา ร่วมมือกับตำรวจ อย่างการติดกล้องสามารถช่วยได้ เช่น แชร์คลิป หรือการส่งคลิปไปให้ตำรวจได้ เชื่อว่าถ้ารถทุกคันติดกล้องหน้ารถ รถข้างหน้าไม่กล้ากระทำความผิด ทุกคนจะระวัง

“อย่างกรณีคดีนายเจนภพ ขับรถชนท้ายนิสิตปริญญาโท มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) หากไม่มีกล้องก็ไม่รู้คดีจะออกมารูปแบบใด หรือกรณีดีเจเก่ง เป็นต้น”

2. เราเสนอสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่ง ผบ.ตร.ขานรับแล้ว ในกรณีที่มีการเกิดอุบัติเหตุที่มีการบาดเจ็บและเสียชีวิต อยากให้ตำรวจมีการตรวจวัดแอลกอฮอล์ผู้ขับขี่ทั้งสองฝ่าย เพราะที่ผ่านมาตำรวจอาจตรวจบ้างไม่ตรวจบ้าง งวดนี้เราจึงเสนอให้มีการตรวจในรถทุกชนิด แต่กรณีที่เฉี่ยวชนมีการตกลงกันได้ก็แยกกันไป เราจะได้รู้สาเหตุว่าปัญหาเกิดจากอะไร จะได้ดำเนินคดีต่อผู้ที่เมาแล้วขับ และ 3. มาตรการยึดรถ 7 วันรัฐบาลทำตั้งแต่ปีใหม่ เราจึงเสนอให้ทำช่วงสงกรานต์ด้วย ทั้งนี้มาตรการที่ทำอยู่แล้ว มาตรการใหม่ และทุกฝ่ายช่วยกัน คิดว่าสงกรานต์ปีนี้ตัวเลขอุบัติเหตุจะลดลง

ทั้งนี้ ผู้จัดการกองทุนฯ ยอมรับว่า การโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในปัจจุบันมีผลกระทบต่อการรณรงค์แต่ต้องแยกกัน เราไม่ได้ต่อต้านการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ถ้าคุณกินเหล้าแล้วไม่ขับรถเราถือว่าบรรลุวัตถุประสงค์แล้ว หน่วยงานไหนรณรงค์ให้คนไม่ดื่มเหล้าได้แล้วทำได้ ถือว่าอันนั้นเป็นอานิสงส์ เป็นประโยชน์ต่อมูลนิธิเราด้วย แต่ถ้ารณรงค์แล้วยังมีคนดื่มอยู่ สงกรานต์ยังดื่มอยู่ เราก็จะรับไม้ต่อบอกดื่มไม่เป็นไร แต่ขออย่าไปขับรถ ขับรถมีความผิด เพราะจะให้มูลนิธิเราไปบอกคนอย่าดื่มเหล้าเลย ดื่มแล้วเป็นบาป ไม่ใช่วัตถุประสงค์ของมูลนิธิ เพราะมูลนิธิตั้งมาเมาไม่ขับ ต้องการลดอุบัติเหตุ เราก็เอาในส่วนของเมาไม่ขับ ส่วนการรณรงค์ไม่ให้ดื่มเหล้าเลยเพื่อลดทุกปัญหา ลดเรื่องสุขภาพด้วย ถ้าทำได้เราก็ขอบคุณ เป็นการแยกหน้าที่กันทำงาน ดังนั้น สงกรานต์ปีนี้ขอให้ทุกคนถ้าดื่มเหล้าแล้วอย่าขับรถออกมา หากคนไม่เชื่อจะโดนตำรวจจับ ยึดรถ 7 วัน ส่งดำเนินคดีหากแอลกอฮอล์เกินกำหนด

ผู้สื่อข่าวถามถึงการณรงค์ของมูลนิธิกับตัวเลขอุบัติเหตุ และในเรื่องการโฆษณาดูขัดแย้งกัน ดังนั้นจะมีการหาแนวทางร่วมกันอย่างไร เพื่อให้อุบัติเหตุเป็นศูนย์ นายสุรสิทธิ์กล่าวว่า เรื่องการรณรงค์ การโฆษณา และควบคุมเรื่องเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นเรื่องของกระทรวงสาธารณสุขซึ่งเป็นหน่วยงานที่ควบคุมเรื่องเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ส่วนมูลนิธิเราดูเรื่องเมาแล้วขับ หากใครเมาแล้วขับเจอเรา แต่เราก็มีการประสานงานร่วมกันอยู่แล้ว เป็นภาคีเครือข่าย

ส่วนถ้าสงกรานต์ปีนี้ตัวเลขสูงขึ้นจะถือว่าการรณงค์ลดอุบัติเหตุไม่สัมฤทธิผลหรือไม่ นายสุรสิทธิ์ระบุว่า ถ้าตัวเลขการตายไม่ลดลง หรือเพิ่มขึ้น เราก็ต้องมาถามตัวเราเองว่าบกพร่องตรงไหน ถ้าตัวเลขปีนี้ออกมาลดลงเราให้เครดิตทุกคน แต่ถ้าเพิ่มขึ้นเราจะไม่ไปโทษคนอื่น แต่เราต้องทำงานต่อไป เพราะทุกคนก็พยายามทำอย่างเต็มที่ แต่ปัญหามันอยู่ตรงไหน บางทีมีหลายๆ เรื่องที่เราไม่รู้ ที่มันซุกซ่อนอยู่ เช่น ตัวเลขคนตายสูงขึ้น อาจเป็นเพราะบางทีตำรวจต้องการใช้กฎหมายแบบนี้ แต่อย่างในหมู่บ้านมีเด็กดื่มเหล้าออกมาจากงานบุญ 300 คัน ขับรถออกมาในตัวเมือง แต่มีตำรวจในด่านแค่ 4 คน จับคน 300 คนได้หรือไม่ ต้องขอกำลังเสริมมา แต่ขณะนี้ก็มีกำนัน ผู้ใหญ่บ้านมาช่วยเสริมเป็นด่านชุมชน ก็เป็นการขอความร่วมมือกันในหมู่บ้าน ดังนั้น เราก็หวังว่าปีนี้น่าจะดี อย่างไรก็ตามอยากให้ทุกภาคส่วนเข้ามาช่วยกันเพื่อให้ลดจำนวนอุบัติเหตุจากการเมาแล้วขับอย่าเป็นรูปธรรม