“ไพบูลย์” ประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกระบวนการยุติธรรม เพื่อเร่งรัดคดีที่ค้างอยู่ในกระบวนการยุติธรรมตามคำสั่งนายกฯ เบื้องต้นมอบ ป.ป.ท. ดูคดีทุจริต ส่วนดีเอสไอ - สตช.ดูคดีทั่วไปและคดีสำคัญ
วันนี้ (5 เม.ย.) เวลา 17.00 น. กระทรวงยุติธรรม พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยภายหลังการประชุมความคืบหน้าตามคำสั่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อเร่งรัดคดีที่ค้างอยู่ในกระบวนการยุติธรรม กล่าวว่า หน่วยงานที่มาร่วมประชุมวันนี้มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกระบวนการยุติธรรม ได้แก่ ศาลยุติธรรม สำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมสอบสวนคดีพิเศษ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบการทุจริต มี สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และกลุ่มคดีทั่วไปที่สำคัญซึ่งอยู่ในความสนใจของประชาชน โดยมีอัยการสูงสุด มาร่วมด้วย
สำหรับกลุ่มคดีที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตมอบหมายให้ สตง. ป.ป.ช. ป.ป.ท. ปปง. เป็นผู้รวบรวมข้อมูล เพราะหน่วยงานเหล่านี้ร่วมกันบูรณาการทำงานในนามศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) อยู่แล้ว
ส่วนกลุ่มคดีที่สองให้อธิบดีดีเอสไอ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติร่วมกัน เพราะคดีเริ่มต้นจะมาจาก 2 หน่วยงานนี้ ขณะที่ศาลยุติธรรมทางอัยการจะแบ่งกลุ่มคดีในลักษณะนี้ ดังนั้น ในวันนี้จึงมาร่วมหารือเพื่อจัดระบบ และหลังจากนี้ จะได้มีการสรุปข้อมูลกันอีกครั้ง โดยมีอธิบดีดีเอสไอเป็นเลขาคณะทำงานทั้ง 3 กลุ่ม และทุกกลุ่มจะส่งข้อมูลมาให้ภายในสิ้นเดือนเมษายนนี้
อย่างไรก็ตาม ในวันนี้มีการถกประเด็นเรื่องการแบ่งกลุ่มคดีใดอยู่ในกลุ่มคดีทุจริต กลุ่มคดีสำคัญ และคดีทั่วไปที่อยู่ในความสนใจของประชาชน เบื้องต้นมอบให้ ป.ป.ท. ไปดูคดีทุจริต ส่วน ดีเอสไอ และ สตช. ให้ไปดูคดีทั่วไปและคดีสำคัญ ก่อนนำมาสรุปว่ามีข้อติดขัดใดในการดำเนินงานเพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาตามที่นายกฯต้องการสะสางปัญหาทั้งระบบกระบวนการยุติธรรม เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาความเหลื่อมล้ำและน่าเชื่อถือในกระบวนการยุติธรรม
