ทีมโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เล็งสอบพฤติกรรมกลุ่มนักศึกษาชูป้ายในงานปาฐกถาร่างรัฐธรรมนูญ รอทหารในพื้นที่รายงานข้อมูล พิจารณาเข้าข่ายต้องจับส่งอบรมเช่นเดียวกับ ส.ส. เพื่อไทย แจกขันแดงหรือไม่ แจงหลักสูตรอบรมเป็นไปตามหลักประชาธิปไตย มุ่งเน้นสร้างพลเมืองให้มีความรับผิดชอบ นำมาจากหลักสูตรไทยอาสาป้องกันชาติ
วันนี้ (5 เม.ย.) ที่กองบัญชาการกองทัพบก เมื่อเวลา 15.00 น. พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมด้วย พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษก คสช. ร่วมกันแถลงข่าวถึงกรณีที่ได้มีกลุ่มนักเรียนโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา นำโดยนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน แกนนำกลุ่มการศึกษาเพื่อความเป็นไท พร้อมด้วยนายสิรวิญช์ เสรีธิวัฒน์ หรือฉายา จ่านิว นักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แกนนำกลุ่มนักศึกษาประชาธิปไตยศึกษา ได้ชูป้ายข้อความที่ระบุว่า “ร่างรัฐธรรมนูญอย่าทำร้ายเยาวชน” ระหว่างที่ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ กำลังปาฐกถาเรื่อง “กรอบแนวคิดในการร่างรัฐธรรมนูญของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ” ที่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต
โดย พ.อ.วินธัย กล่าวว่า หากมีกลุ่มบุคคลใดมีพฤติกรรมไม่เป็นไปตามกฎหมาย ทางเจ้าหน้าที่พยายามบังคับใช้กฎหมายให้มีประสิทธิภาพ ส่วนกรณีนี้จะเข้าข่ายกระทำความผิดที่จะต้องเข้าหลักสูตรอบรมหรือไม่นั้น ต้องรอการประสานข้อมูลกับหน่วยทหารในพื้นที่ที่รับผิดชอบเพื่อขอข้อมูลดังกล่าว ขณะเดียวกัน กรณีที่เจ้าหน้าที่ทหารยึดขันแดงของอดีต ส.ส. พรรคเพื่อไทย จ.น่าน นั้นว่าจะเข้าข่ายได้รับการอบรมหรือไม่ ตนชี้แจงว่าตอนนี้ยังไม่มีรายละเอียด ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่จะดูที่พฤติกรรม และเจตนาของบุคคลนั้น ๆ หากมีพฤติกรรมที่ไม่เสริมสร้างความสามัคคี และสร้างความขัดแย้ง รวมทั้งให้ร้ายบุคคลอื่นโดยที่ไม่มีข้อมูลชัดเจน โดยเจ้าหน้าที่กำลังพิจารณาอีกทีว่าเข้าข่ายรับการอบรมหรือไม่
พ.อ.วินธัย กล่าวต่อว่า กรณีการแจกขันแดงนั้น ตนมองว่า สีแดงในอดีตเคยเป็นสัญลักษณ์ของความขัดแย้งในวงกว้าง และเป็นปัญหาที่ผ่านมา อีกทั้งการจัดกิจกรรมที่สวมเสื้อสีแดงที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่อาจมองเป็นพฤติกรรมที่ยั่วยุ แต่บางสังคมมองว่าเป็นการแสดงสัญลักษณ์ทางการเมืองที่ปลุกเร้ามวลชน เมื่อถามว่าต่อไปนี้ขันสีแดงจะใช้ได้หรือไม่ พ.อ.วินธัย กล่าวว่า ต้องดูที่เจตนา และการกระทำ หากใช้ขันสีแดงไว้รดน้ำต้นไม่ก็ไม่เป็นอะไร อย่างไรก็ตาม คงไม่มีใครบอกว่าใช้ขันแล้วเป็นสิ่งที่ผิด
ด้าน พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ กล่าวว่า สำหรับความคืบหน้าของหลักสูตรนั้นเป็นการเตรียมการของการให้ความรู้ แลกเปลี่ยนทัศนคติอย่างเป็นระบบมากยิ่งขึ้น ส่วนรายละเอียดของเนื้อหาจะเป็นอย่างไรนั้นต้องขึ้นอยู่กับผู้เข้ารับการอบรม โดยหลักสูตรดังกล่าวเป็นพื้นฐานของระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เพื่อให้เป็นพลเมืองที่มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ ซึ่งหลักสูตรนี้คล้ายหลักสูตรทหารโดยทั่วไป โดยมีกรมกิจการพลเรือนทหารบกเป็นผู้รับผิดชอบต่อกลุ่มมวลชน อย่างที่เราเคยมีการอบรม ไทยอาสาป้องกันชาติ (ทส.ปช.) ในเรื่องการเทิดทูนสถาบัน ความรักสามัคคี และหน้าที่พลเมือง เป็นพื้นฐานของการอบรม กลุ่มนี้ก็ลักษณะใกล้เคียงกัน ทั้งนี้ ขอย้ำว่า หลักสูตรดังกล่าวเน้นการพูดคุย แลกเปลี่ยนความรู้ รับฟังความคิดเห็นกันและกัน พร้อมทั้งให้ข้อมูล และแนวทางต่าง ๆ รวมทั้งความรู้เพิ่มเติมหลาย ๆ เรื่องที่เกี่ยวข้องในสิ่งที่ผู้เข้ารับการอบรมอยากรู้ อีกทั้งเรื่องที่เราควรรู้ร่วมกัน เป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ในสภาวะแวดล้อมที่เหมาะสมตามมาตรฐานเดียวกันในทุกพื้นที่ โดยเจ้าหน้าที่จะพิจารณาในการจัดคอร์สตามความเหมาะสมของกลุ่มที่เข้ามา
สำหรับรูปแบบการอบรมนั้นขึ้นอยู่กับกลุ่มผู้เข้ารับการอบรม ทั้งนี้ คิดว่า ผู้เข้ารับการอบรมไม่ได้มีแนวคิดสุดโต่ง แต่มีแนวความคิดที่หลากหลาย โดยเราใช้ช่องทางที่ถูกต้องในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น อย่างไรก็ตาม หากอยู่ในพื้นที่ที่เหมาะสมก็สามารถทำความเข้าใจร่วมกัน และเป็นระบบได้อย่างดี ซึ่งทุก ๆ พื้นที่จะดำเนินการในลักษณะดังกล่าวเหมือนกัน เพื่อมุ่งให้ผู้เข้ารับการอบรมมีแนวทางให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติ แต่ขอย้ำว่า เราไม่ได้บังคับให้มีความคิดเห็นเหมือนรัฐบาล และ คสช. เพียงแต่ขอให้มีความคิดเห็นทางการเมืองเชิงสร้างสรรค์เท่านั้น
“เราไม่ได้ตั้งเป้าจะมีคนเข้ามาอบรมมากน้อยแค่ไหน อยากให้เป็นไปตามธรรมชาติ อีกทั้งไม่ได้มุ่งเน้นเป้าหมายว่าจะเป็นกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่จะดูที่มุมมอง ดูที่เจตนา และพิจารณาพฤติกรรมการแสดงออกเป็นองค์ประกอบหลัก โดยมีเจ้าหน้าที่ตามหน่วยกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) ในพื้นที่นั้น ๆ และเจ้าหน้าที่ส่วนกลางร่วมกันพิจารณา และหารือ พร้อมทั้งรายงานไปยังฝ่ายอำนวยการรับทราบ” รองโฆษก คสช. กล่าว