“ประวิตร” เผยใช้ ม.44 ตั้ง กก.ที่ปรึกษาแก้ไฟใต้ทำให้เกิดความรวดเร็ว ไม่ใช่เรื่องงาน กอ.รมน.-ศอ.บต. รับแผนละเอียดยิบมุ่งดับไฟใต้ให้ได้ รับต้องคุยอดีต ส.ส.แจกขันแดง ชี้สื่อว่าแบ่งฝ่ายชัดอย่าไปทำ ยกคำนายกฯ แจกโอ่งดีกว่า พร้อมสอบ 21 คนไทยมีชื่อติดโผฟอกเงินสื่อ ตปท. ปัดตกใจ ยังไม่คุยนายกฯ ลั่น 6 ทหารซ้อมทหารเกณฑ์ตายจริงโทษหนัก ออกทันที ย้ำทำแบบนี้ไม่ได้ ย้อนไม่ต้องห่วงเกณฑ์ทหาร
วันนี้ (5 เม.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณีคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ฉบับที่ 14/2559 มาตรา 44 ให้มีการตั้งคณะกรรมการที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ 60 คนว่า กำลังพิจารณาอยู่จะมีใครบ้าง ส่วนเหตุผลที่มีการออกคำสั่งดังกล่าว ไม่ใช่เป็นเรื่องการทำงานระหว่างกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) กับศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) แต่ต้องการให้เกิดความรวดเร็ว เพราะรอมานานแล้ว ทางกองทัพภาคที่ 4 จะเป็นผู้เสนอ คงต้องรอดูว่าจะมีใคร ถือเป็นการให้ทุกฝ่ายร่วมมือกันเพื่อแก้ไขปัญหา
เมื่อถามว่ามาตรการเร่งด่วน 6 เดือนจากนี้ในการดับไฟใต้จะมีอย่างไรบ้าง พล.อ.ประวิตรกล่าวย้อนว่า “ละเอียดยิบเลย มันเยอะแยะไปหมด จะไปตอบได้อย่างไร เขาก็มีแผนงานอยู่ ยังไงต้องทำแน่ เพราะเป็นเรื่องรัฐ ประชารัฐ ประชาชน กับรัฐบาลจะต้องร่วมกัน เพื่อให้เกิดความร่วมมือร่วมใจทุกฝ่าย ที่จะต้องดับไฟใต้ให้ได้ คิดว่าจะต้องพยายามทำให้ได้”
พล.อ.ประวิตรกล่าวถึงกรณีทหารเตรียมเรียก ส.ส.พรรคเพื่อไทยจังหวัดน่าน ที่แจกขันแดงไปเข้าค่ายอบรมเป็นชุดแรกว่า กำลังพิจารณาอยู่ ยังไม่ได้คิดเลย คงต้องมาคุยกันก่อนว่าทำไปทำไม ยังไง ถ้าหวังดีต่อส่วนรวมก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าทำแล้วสร้างความแตกแยกไม่น่าจะให้เกิด ก็จะอธิบายให้ฟัง เพราะเหลือเวลาอีก1ปีเศษจะมีการเลือกตั้งแล้ว ในเดือนสิงหาคมจะมีการทำประชามติแล้วไปสนใจเรื่องนี้ดีกว่า
“กรณีขันแดงจะเป็นการแสดงเชิงสัญลักษณ์หรือไม่ ผมไม่รู้จะมองยังไง คงมองว่านี่แหละเป็นพวกนี้ อย่างนี้ แบบนี้ แบ่งฝ่ายชัดเจน ซึ่งมันไม่ค่อยดี ผมว่าอย่าไปทำมันเลย” รองนายกฯ และรมว.กลาโหมกล่าว
เมื่อถามว่า นอกจากจังหวัดเชียงใหม่ และน่านแล้วมีพื้นที่อื่นอีกหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ถ้าจับได้แล้วจะบอก ไม่ต้องห่วง เพราะมีการรายงานมาหมด
เมื่อถามว่า ถ้าแจกเพื่อสนับสนุนคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ทำได้หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า “แบบที่นายกรัฐมนตรีว่า แจกโอ่งดีกว่า บรรจุน้ำเยอะๆ มันจะได้ไปใช้นานๆ ขันแปปเดียวก็หมดแล้ว” ผู้สื่อข่าวซักต่อว่า ถ้าแจกเป็นโอ่งอยากจะตั้งชื่อหรือไม่ว่าเป็นโอ่งอะไร พล.อ.ประวิตรย้อนว่า “คุณชื่ออะไร ผมจะตั้งชื่อคุณเดี๋ยวนี้”
พล.อ.ประวิตรกล่าวถึงกรณีสำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองมิวนิก ประเทศเยอรมนี ได้เผยแพร่สำเนาเอกสารลับปานามา 11.5 ล้านฉบับ จากบุคคลใช้ชื่อว่า “จอห์น โด” เป็นข้อมูลการเปิดโปงการทำงานอย่างละเอียดในแบบรายวันของบริษัท “มอสสัค ฟอนเซกา” ที่เป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านกฎหมาย และการลงทุนในปานามา ระหว่างปี 2520-2558 แล้วยังพบ 21 คนไทยมีส่วนพัวพันฟอกเงิน และเลี่ยงภาษีว่า กำลังตรวจสอบอยู่ว่ามีใครบ้าง เรื่องนี้สำหรับการชี้แจงต่อสังคมโลก ต้องดำเนินการอยู่แล้ว แต่ต้องถามผู้ที่เผยแพร่ดูก่อน ถ้าไม่มีข้อมูลแล้วไปตอบโต้มันไม่ได้ ต้องให้คนที่มีส่วนในรายชื่อแก้ตัวด้วย
เมื่อถามว่า เห็นรายชื่อคนไทย 21 รายแล้วตกใจหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ตกใจอะไร ไม่ใช่มีชื่อตน ตนไม่เกี่ยว เมื่อถามว่าข้อมูลที่เปิดเผยนี้ทางประเทศไทยมีข้อมูลอยู่แล้วก่อนหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า ในส่วนที่ดูแลเรื่องนี้อาจจะมี แต่ไม่ได้ผ่านตน ตนไม่รู้ เพราะเป็นเรื่องของการเงิน เมื่อถามว่า ได้หารือเรื่องนี้กับนายกรัฐมนตรีหรือยัง พล.อ.ประวิตรตอบว่า ยังไม่ได้คุยกัน
พล.อ.ประวิตรกล่าวถึงกรณีนายทหารยศร้อยตรี และนายสิบ 6 ราย ซ้อมทรมานพลทหารจนถึงขั้นเสียชีวิตว่า ยังไม่ได้รับรายงาน เพราะจะต้องรายงานขึ้นมาตามลำดับขั้น จะเป็นเรื่องสุดวิสัยหรืออย่างไร ต้องตั้งคณะกรรมการขึ้นมา แต่สำหรับเรื่องนี้ต้องสอบสวน ถ้ากระทำผิดจริงต้องถูกลงโทษทางวินัยอย่างหนัก คงไม่ได้อยู่รับราชการแล้ว ส่วนจะเชื่อมโยงไปถึงความจำเป็นในการเข้ารับการเกณฑ์ทหารเพื่อตอบสนองนโยบายด้านความมั่นคงนั้น เขาก็มีแผนงาน ตามกฎหมายได้ระบุด้วยว่าชายไทยทุกคนเมื่ออายุครบ 21 ปีจะต้องเกณฑ์ทหาร ที่มาจับใบแดงถือเป็นความต้องการมากน้อยแค่ไหน มีกำหนดอยู่แล้วตามแต่ละหน่วย ไม่ใช่อยากจะทำก็ทำ
เมื่อถามว่า นอกจากความผิดทางวินัยแล้ว หากเป็นความผิดทางอาญาจะต้องดำเนินการอย่างไร พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ทางทหาร และตำรวจจะร่วมกัน ตามกฎหมายที่มี จะมาทำแบบนี้ไม่ได้ ตนไม่ปล่อยไว้ ถ้าผิดกฎหมายต้องออกทันที แต่มันก็ต้องมีคนที่คิดดีและไม่ดี เผอเรอไป ตำรวจก็เหมือนกัน มีความผิดตนก็ต้องเอาย้ายออกทันที แต่ว่าตำรวจก็มีคนดีเยอะ บางทีนำเหตุการณ์เดียวไปโจมตีทั้งหมดทั่วประเทศ คนอื่นๆ ที่เขาทำงานจะเสียใจ ต้องระมัดระวัง
เมื่อถามว่า มีบางคนมองว่าไม่ต้องการให้มีการเกณฑ์ทหารเกิดขึ้น พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า “มันทำอย่างนั้นได้มั้ย” พร้อมกับย้อนถามผู้สื่อข่าวว่า คุณเกณฑ์ทหารมั้ย ผู้สื่อข่าวจึงตอบว่าเรียนนักศึกษาวิชาทหาร เมื่อถามว่าในอนาคตจะให้เป็นระบบสมัครใจหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า เป็นเรื่องของกฎหมาย ถ้ายังไม่แก้ก็ต้องดำเนินการแบบนี้ไป เราทำตามกฎหมายและความจำเป็นของกองทัพที่ก็ไม่ได้ต้องการทั้งหมด ทุกอย่างมีกติกาความชัดเจนอยู่แล้ว ไม่ต้องห่วง ทำมาเป็นเวลานานแล้ว
