ผู้บัญชาการทหารบกเล็งฟ้องพวกกุข่าวทหารซ้อม 4 ผู้ต้องหาปาบึ้มศาลอาญา ยันไม่มีการทำร้ายใคร ใช้กฎอัยการศึกตามกรอบ ไม่ละเมิดสิทธิใคร ส่วนการจับตัว “เอนก ซานฟรานฯ” ผู้ว่าจ้างปาระเบิด ให้ ยธ.-บัวแก้วเร่งประสานขอตัวจากสหรัฐฯ แล้ว
พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กล่าวถึงกรณีศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้ต้องหา 4 รายคดีขว้างระเบิดศาลอาญา รัชดาภิเษก ถูกเจ้าหน้าที่ทรมานระหว่างสอบสวนว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้นโยบายว่าเรื่องใดที่เกี่ยวกับความรุนแรงสามารถใช้กฎหมายพิเศษได้ แต่ใช้เท่าที่จำเป็น และ กรณีใดที่ไม่จำเป็นก็ไม่ใช้ ส่วนกรณีที่ใช้ก็จะอยู่ในกรอบ ไม่ได้มีการละเมิดสิทธิมนุษยชน เพราะเป็นสิ่งไม่ถูกต้อง และเป็นสิ่งที่ผิด ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่มีความเข้าใจในอำนาจ และขอบเขตที่จะต้องดำเนินการว่ามีแค่ไหนและจะไม่ละเมิดสิทธิมนุษยชน จะไม่มีการปฏิบัติเรื่องการทำร้ายร่างกายอย่างแน่นอน
พล.อ.อุดมเดชกล่าวอีกว่า กองทัพบกจึงต้องชี้แจงและยินดีให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยยืนยันว่าไม่ได้ทำเช่นนั้น ส่วนในเรื่องการใช้กฎหมายขอทำความเข้าใจและเข้าใจกับประชาชนว่ากองทัพบกมีความจำเป็นในการดูแลความสงบในภาพของ คสช. ตามนโยบายของรัฐบาล ทุกคนจึงควรให้ความร่วมมือกันเพื่อให้พื้นที่ต่างๆ เกิดความสงบเรียบร้อย ไม่เกิดเหตุรุนแรง โดยไม่ให้ผู้ประสงค์ไม่ดีออกไปก่อเหตุระเบิดตามจุดต่างๆ จนสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชาชน ขอให้เข้าใจเจ้าหน้าที่ที่ต้องใช้กฎหมาย
“ผมเรียนว่าถ้ายังมีการไปบิดเบือนเช่นนี้ ไปบอกว่าตัวเองถูกทำร้าย กองทัพบกคงมีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินการทางด้านกฎหมาย จริงๆ เราไม่อยากดำเนินการ เพราะไม่ได้เห็นใครเป็นศัตรูทั้งสิ้น ใครกระทำผิดก็ต้องได้รับการสอบสวนและลงโทษ ใครที่ทำดีก็ต้องช่วยกันให้กำลังใจ ในสิ่งเหล่านี้ถ้าจะมีการก้าวล่วงกองทัพบกที่ไม่เป็นความจริง ก็คงพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป”
ส่วนการดำเนินการนำผู้ที่เกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าวที่อยู่ในต่างประเทศ โดยเฉพาะนายมนูญ ชัยชนะ หรือนายเอนก ซานฟราน มีแนวโน้มที่จะได้ตัวมาดำเนินคดีหรือไม่ พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า มีการซัดทอดและข้อมูลที่ชัดเจนซึ่งเกี่ยวพันกับเหตุรุนแรงที่ผ่านมา ขณะนี้ทางการมีความพยายามให้ผู้กระทำผิดมาเข้าสู่การดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยดำเนินการทั้งในส่วนของกระทรวงยุติธรรม กระทรวงการต่างประเทศ
ทั้งนี้ ขอย้ำว่าให้เห็นใจเจ้าหน้าที่รัฐในการดูแลรักษาความสงบ และเห็นไปในทิศทางเดียวกันเพื่อให้สถานการณ์เกิดความสงบเรียบร้อย ให้กระบวนการในการสร้างความสำเร็จในเรื่องของประชาธิปไตย ที่รัฐบาลกำหนดไว้เดินไปตามขั้นตอน โดยประมาณเดือน ก.ย. 58 รัฐธรรมนูญจะเรียบร้อย หลังจากนั้นจะเป็นกระบวนการไปสู่การเลือกตั้งตามขั้นตอนซึ่งมีระยะเวลาตามกรอบ
ส่วนความเป็นไปได้ในการผ่านคลายกฎอัยการศึกในช่วงที่ร่างรัฐธรรมนูญเสร็จแล้วนั้น พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้บอกแล้วว่า มีความจำเป็นเท่านั้นที่จะใช้กฎหมายพิเศษ โดยเฉพาะประเด็นที่เกี่ยวกับความรุนแรง ทั้งนี้ ในกลุ่มที่มีความเห็นต่างอย่าไปคิดว่าเราจะไม่ใช้กฎหมายพิเศษกับท่าน จึงพยายามก่อความไม่เรียบร้อยขึ้นมา ขอร้องว่าอย่าทำเช่นนั้น และขอให้ไปช่องทางแสดงความคิดเห็นที่รัฐบาลได้เปิดไว้ และอยู่ในกรอบที่ถูกต้อง ประเทศชาติจะได้เกิดความสงบเรียบร้อย