นายกรัฐมนตรีนั่งหัวโต๊ะประชุม ครม. ยังใช้เบนซ์กันกระสุนส่วนตัวคันเดิม ด้าน ศธ.ดึง “ประยุทธ์” พรีเซ็นเตอร์เปิดตลาดนั่งข้างทำเนียบฯ ตามแนวคิด “การศึกษาสร้างชาติ ตลาดคลองผดุงฯ...สร้างสุข” ระหว่าง 1-24 เมษาฯ นี้ ขณะที่ “บิ๊กตู่” แกล้งอ่านหนังสือสอนประชาธิปไตย ต้องไม่มีความขัดแย้ง ไม่ทุจริต ขี้โกง เคารพกฎหมาย บ่นบางพวกปรับทัศนคติแล้วยังไม่ยอม ระบุเมตตาแล้วความจริงสั่งติดคุกได้
ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 09.00 น. วันนี้ (29 มี.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยก่อนการประชุม ครม. พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นำคณะเข้าพบนายกรัฐมนตรีเพื่อประชาสัมพันธ์การจัดงาน “การศึกษาสร้างชาติ ตลาดคลองผดุงฯ...สร้างสุข” ซึ่งจะจัดขึ้นบริเวณตลาดคลองผดุงกรุงเกษม ข้างทำเนียบรัฐบาล ระหว่างวันที่ 1-24 เมษายนนี้ในเวลาประมาณ 10.00-19.00 น. ภายใต้วัตถุประสงค์ของการจัดงานด้วยการจำหน่ายสินค้าซึ่งเกิดจากผลงานของนักเรียนนักศึกษา ภาคีเครือข่ายภาคประชาชน และจำหน่ายสินค้าราคาถูก
สำหรับนักเรียนนักศึกษาและอุปกรณ์การเรียนโดยรูปแบบการจัดงาน ได้แบ่งออก 3 ช่วง ช่วงแรกระหว่างวันที่ 1-11 เมษายน จำหน่ายผลิตภัณฑ์ซึ่งผลิตและจัดทำโดยนักเรียน นักศึกษาและประชาชนในราคาย่อมเยา ช่วงที่ 2 ระหว่างวันที่ 12-15 เมษายนจัดงานเทศกาลสงกรานต์ประกอบด้วย สรงน้ำพระพุทธรูป รดน้ำดำหัวผู้อาวุโส การร้องเพลงฉ่อยลอยลำในคลองผดุงกรุงเกษม การประกวดร้องเพลงผู้สูงอายุ รวมทั้งการประกวดเทพีสงกรานต์อีกด้วย และช่วงที่ 3 ระหว่างวันที่ 16-24 เมษายนจัดงาน “Back to School” ประกอบด้วย ชุดนักเรียนระดับอนุบาล-ระดับมัธยมศึกษา อุปกรณ์การศึกษา เช่น ดินสอ ปากกา ไม้บรรทัด และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ กระทรวงศึกษาธิการโดยความร่วมมือของสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีได้เปิดบูทจำหน่ายสินค้าตามโครงการพระราชดำริ สินค้าจาก อ.ต.ก.คุณภาพดี ราคาย่อมเยา ร้านค้าสวัสดิการเพื่อประประชาชนและ สินค้าประชารัฐด้วย ตลอดจนมีบริการต่างๆ เพื่อประชาชน เช่น ซ่อมสร้างเพื่อชุมชน โดยสำนักงานคณะกรรมการอาชีวศึกษา นวดแพทย์แผนไทย และบริการตัดผมเพื่อประชาชน อีกทั้งยังมีกิจกรรมสาระบันเทิงอื่นๆ เช่น การแสดงดนตรี และการละเล่นพื้นบ้านของนักเรียน นักศึกษา รวมทั้งการแสดงผลงานทางด้านวิทยาศาสตร์ของนักเรียนและนักศึกษาด้วย
ทั้งนี้ ตัวแทนนักเรียนอาชีวะจากวิทยาลัยศิลปหัตกรรมกรุงเทพฯ ได้นำเครื่องสแกนรูปเท้า “ฟุตสแกนเนอร์” เพื่อใช้เป็นโมเดลวัดขนาดแผ่นยางรองรองเท้าเพื่อสุขภาพจากแนวคิดของนักเรียน ซึ่งตัวแทนนักเรียนขอให้นายกฯ ประชาสัมพันธ์เครื่องสแกนรูปเท้า โดยการทดลองสแกนเท้า แต่นายกฯ ไม่สามารถถอดรองเท้าเองได้ พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการจึงได้เข้ามาช่วยถอดรองเท้าให้ ซึ่งผลการสแกนเท้า นายกฯ มีรูปเท้าที่ปกติ ถือว่าเป็นคนที่มีสุขภาพเท้าดี
ทั้งนี้ ทางตัวแทนนักเรียนจะนำรูปเท้าที่ได้จากการสแกนมาผลิตเป็นแผ่นรองเท้าขนาดเบอร์ 42 นิ้ว มอบให้นายกฯ ไว้ใช้ และในเวลา 10.30 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะลงมาวัดขนาดเท้าเพื่อทำแผ่นรองรองเท้าด้วยเช่นกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงหนึ่งของการเยี่ยมชมการจัดงาน “การศึกษาสร้างชาติ ตลาดคลองผดุงฯ...สร้างสุข” พล.อ.ประยุทธ์ได้แนะนำให้ครูผู้สอนไปต่อยอดให้นักเรียน นักศึกษา ในการสร้างงานฝีมือเพื่อให้เกิดความแตกต่าง เพื่อจะได้ไม่เสียเวลากับการทำสิ่งซ้ำๆ และขอให้ไปสอนให้เกิดความเข้าใจเรื่องการเขียน ไม่ใช่อะไรก็มีคำตอบให้เลือก เด็กจะได้คิดเป็น วันนี้รัฐบาลโดย คสช.ได้ออกมาตรา 44 เพื่อใช้ในการปฏิรูปการศึกษาไปแล้วต้องทำได้ ใครไม่ทำให้บอกมาวันนี้เราต้องปฏิรูป อย่าลืมว่าวันนี้ประชาชนมีความคาดหวังที่ตะให้ทุกอย่างมีการปรับปรุงและพัฒนารวม ทั้งหยิบหนังสือประกอบการเรียน “กระสอบเพื่อนรัก” พร้อมกล่าวว่า ทุกคนต้องช่วยกันทำงาน ใครที่ทำผิดกฎหมายก็ต้องถูกดำเนินการ และขอให้ไปบอกพ่อแม่ ผู้ปกครองว่าอย่าโกง และต้องปฏิบัติตามกฎหมาย หากเราเป็นคนดีก็จะภาคภูมิใจและมีความสุข หนังสือเล่มนี้ดีมาก ในเรื่องการสร้างความเป็นประชาธิปไตยที่เป็นสากลจะต้องไม่มีความขัดแย้ง กฎหมายต้องมีความเป็นธรรม ไม่เลือกปฏิบัติ วันนี้รัฐบาลและ คสช.ก็พยายามทำกันอย่างเต็มที่แล้ว
“เมื่อวานนี้ผมในฐานะนายกรัฐมนตรีก็ต้องสั่งทุกอย่าง แม้แต่ห้ามพริตตี้แต่งตัวโป๊ รวมทั้งการรื้อคดีต่างๆ นายกฯ ต้องสั่งเองเกือบทั้งหมด เพราะมันปล่อยปละละเลยมานาน นี่จึงจะเรียกว่าประชาธิปไตยที่ถูกต้อง และการจะไปเลือกตั้ง ประชาชนต้องมีส่วนร่วม รวมทั้งการออกเสียงประชามติ ทุกคนมีสิทธิ ก็ขอให้ออกไปเลือกตั้งกันทุกคน ส่วนจะผ่านหรือไม่ผ่านก็อยู่ที่ทุกคน ถ้าเห็นว่าดีก็ผ่าน ถ้าไม่พอใจก็ไม่ต้องผ่าน เพราะทุกคนคือประชาชน ฉันต้องฟังเสียงประชาขนแบบนี้ มีอำนาจก็ไม่อยากใช้”
จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้หยิบหนังสือแบบเรียน “วรรณคดีวิจักษ์” พร้อมแกล้งอ่านหน้าปกหนังสือว่า ความเป็นประชาธิปไตยที่ยั่งยืน อ่านกันหรือยัง เข้าใจกันหรือยัง จากนั้นนายกรัฐมนตรีทำทีเปิดหนังสือและอ่านเนื้อหาซึ่งแตกต่างจากเนื้อหาในหนังสือ แต่เป็นการพูดขึ้นว่าประชาธิปไตยต้องไม่มีความขัดแย้ง ไม่ทุจริต ไม่ขี้โกง ต้องเคารพกฎหมาย ไม่ใช่ทำผิดแล้วก็ไปอ้างสิ่งต่างๆ ว่าไม่รับกฎหมาย ไม่รู้ว่ารัฐบาลบริหารอะไร ออกมาพูด ปรับทัศนคติก็แล้วก็ยังไม่ยอม นี่ถือว่ามีเมตตาแล้ว ปกติต้องดำเนินคดี ต้องติดคุกไปแล้ว ขี้เกียจจะพูด
อย่างไรก็ตาม ช่วงที่นายกรัฐมนตรีได้ชมเรื่องการเรียนการสอนศิลปะมวยไทย นายกรัฐมนตรีได้สวมนวมและซ้อมต่อย โดยบอกนักเรียนว่าห้ามต่อยสวนมา ตอนหนุ่มๆ ตนชอบชกมวยมาก เพราะเป็นกีฬาของลูกผู้ชาย แต่ระหว่างที่โชว์การเตะต่อย พล.อ.ประยุทธ์ถึงกับมีการเซเล็กน้อย และกล่าวว่าตนแก่แล้ว ไม่เหมือนตอนหนุ่มๆ ตอนนี้ใช้กำลังไม่ได้แล้ว ใช้กฎหมายอย่างเดียว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (สลน.) ได้ทำสัญญาซื้อรถเบนซ์ รุ่น S600 Guard sedan long จำนวน 4 คัน จากบริษัท เมอร์เซเดสเบนซ์ จำกัด วงเงิน 78 ล้านบาท ซึ่งเป็นรถกันกระสุน คันละ 19.5 ล้าน รวมประมาณ 80 ล้านบาท โดย 2 คันแรกเพื่อใช้ในการรับรองแขกวีไอพีต่างประเทศ และเป็นรถประจำตำแหน่งใหม่ให้แก่นายกรัฐมนตรี จำนวน 2 คัน วันเดียวกันนี้นายกฯ ยังคงใช้รถเบนซ์กันกระสุนส่วนตัวสีดำ ทะเบียน ญค 1881 กรุงเทพมหานคร คันเดิมที่เคยใช้ประจำ