“บิ๊กตู่” เผยใช้ ม.44 ปรับโครงสร้าง ศธ.ให้เกิดการบูรณาการ ปฏิรูป เหตุอำนาจกระจัดกระจาย อ้างครู 4-5 แสนพอใจ มีปัญหาอยู่ 2 พันคนที่ยึดติดกติกาเดิม แจงโครงการชอปช่วยชาติรอบสองยังไม่ได้เข้า ครม. พ้อทำก็หาว่าให้เป็นหนี้-ไม่ทำก็บ่น ปัดถกตั้งอธิบดีทางหลวง สั่งติดตามงบประมาณโครงการใหญ่ วอนเอ็นจีโอคำนึงถึงการพัฒนาประเทศมากกว่าเรื่องของตัวเอง รับเป็นหวัดนิดหน่อย
วันนี้ (22 มี.ค.) ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีคำสั่ง คสช. อาศัยความในมาตรา 44 ให้มีการปรับโครงสร้างกระทรวงศึกษาธิการว่า เป็นการปรับโครงสร้างให้เกิดการบูรณาการที่ผ่านมาเคยชี้แจงแล้วว่าอำนาจค่อนข้างกระจัดกระจายจนไม่มีอำนาจในการปฏิรูป การออกคำสั่งเพื่อปรับปรุงครั้งนี้เพื่อให้เกิดการปฏิรูป และในช่วงนี้จึงมีความจำเป็นที่จะออกกฎหมายในมาตรา 44 ไม่ใช่ไปออกเพื่อจะให้การศึกษามันดีขึ้น แต่มอบหมายให้รัฐมนตรีมีเอกภาพในการทำงาน แล้วจะมีคณะกรรมการขับเคลื่อนปฏิรูปการศึกษาประกอบด้วย ปลัดกระทรวง และ 5 แท่งงานซึ่งจะอยู่ในนี้ทั้งหมดก็จะมีการเสนอแนวทางในการปฏิบัติทั้งในส่วนของประถม มัธยม อาชีวะ และอุดมศึกษา ซึ่งเดิมมีการแยกแท่งงานทั้งหมด พอนโยบายรัฐบาลออกไปก็ไม่สอดคล้องกัน วันนี้จึงต้องมาขับเคลื่อนด้วยการปฏิรูป ต่อไปเมื่อเรียบร้อยแล้วทุกคนมีความพึงพอใจยอมรับในกติกาก็จะได้เดินไปในทางเดียวกัน
“ที่พูดทั้งหมดคือในส่วนของกระทรวงศึกษาธิการเพียงอย่างเดียว ผมมีความคิดว่าจะต้องมีการขับเคลื่อนในกิจกรรมเดียวกัน ถ้าทุกคนแยกกันทำงาน เอาแต่แผนงานของตัวเอง วันข้างหน้าก็คงไปไม่ได้ วันนี้ผมบูรณาการทั้งหมดอยู่แล้วว่าใครจะต้องไปทำตรงไหนอย่างไร ต้องคิดถึงประโยชน์สูงสุด ในส่วนของการศึกษาเองปัจจุบันก็ยังไม่สอดคล้องกัน จึงไม่สามารถผลิตคนให้ตรงต่อความต้องการของประเทศได้ ประชาชนในท้องถิ่นก็ไม่เกิดกระบวนการในการปฏิรูปเกิดความขัดแย้งเช่นนี้ต่อไป สิ่งสำคัญที่สุดคือการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ผมจึงให้ความสำคัญต่อกระทรวงศึกษาฯ แต่ไม่สามารถทำงานคนเดียวได้ จึงต้องร่วมมือกับกระทรวงมหาดไทย เพราะกระทรวงศึกษาฯ ลงไปถึงส่วนท้องถิ่นทั้งเรื่องของโรงเรียน การแต่งตั้งอย่างผู้อำนวยการโรงเรียน รัฐมนตรีก็ไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องเลยมันไม่ได้ ต้องลงไปดูว่าถูกต้องชอบธรรมหรือไม่ ไม่เช่นนั้นอำนาจจะลงไปข้างล่างทั้งหมดก็จะเหมือนเดิมอย่างที่เป็นมา จึงมาลองปรับใหม่ว่าจะดีขึ้นหรือไม่ เพราะที่ตรวจสอบครู 4-5 แสนคนพอใจกับคำสั่งดังกล่าว จะมีเพียงที่มีปัญหาอยู่บ้าง 2 พันกว่าคนที่เป็นผู้บริหารและยังติดอยู่กับกติกาเดิม ซึ่งพวกนี้น่าเป็นห่วงถ้ายังไม่แก้ไข และไม่ทำให้ พ.ร.บ.มีความชัดเจน อนาคตข้างหน้าก็จะแยกเป็นแท่งลงมาแบบเดิม เงินก็จะแยกเป็นแท่งๆ โดยมีรัฐมนตรีช่วยมาดูแลกันคนละสายคนละแท่งแล้วมันจะเกิดงานได้อย่างไร ปัญหาของบ้านเราคือการบูรณาการที่เกิดไม่ได้อย่างแท้จริง” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงโครงการชอปช่วยชาติรอบสอง ลดภาษีสูงสุด 15,000 บาทว่า ขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังดำเนินการอยู่ยังไม่ได้นำเข้าสู่ที่ประขุมคณะรัฐมนตรี “แต่พอทำโครงการนี้ ชอปเสร็จมีการใช้จ่ายก็มาโทษรัฐบาลอีก หาว่าส่งเสริมให้ไปใช้จ่ายจนเป็นหนี้เป็นสิน แต่พอไม่ทำให้ก็กล่าวหาว่าไม่สนใจ แล้วจะทำอย่างไรดีวะเนี่ย พอพูดคำว่าชอปช่วยชาติก็หาเรื่องอีก เหมือนกับพอมีวันหยุดราชการเพิ่มก็บอกว่าทำให้มีคนตายเพิ่ม อย่าลืมว่ามาตรา 44 ห้ามคนตายไม่ได้นะ ถ้ามันอยากจะตายละก็”
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวปฏิเสธว่าในที่ประชุม ครม.วันนี้ไม่ได้มีการพิจารณาแต่งตั้งอธิบดีกรมทางหลวงแต่อย่างใด
พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวว่า ที่ประชุม ครม.วันนี้มีการพิจาณาหลายโครงการที่ได้ผ่านการพิจารณาวาระแรกไปแล้ว โดยรัฐบาลย้ำให้ติดตามงบประมาณซึ่งมีความก้าวหน้าตามลำดับ และต้องเข้าใจว่าโครงการการลงทุนขนาดใหญ่นั้นมีปัญหา เช่น การทำเส้นทาง ถนน โครงการน้ำ เมื่อไม่สามารถเริ่มโครงการได้เพราะติดขัด EIA, EHIA ส่งผลให้งบประมาณเดินหน้าไม่ได้ โดยเรื่องเหล่านี้มีผลต่อความเชื่อมั่นในประเทศ ดังนั้นไม่ควรยกเลิกโครงการ แต่ต้องหารือเพื่อหาทางออกร่วมกัน
“ทุกคนต้องยอมรับว่าถ้าสร้างในพื้นที่ที่ตัวเองมีส่วนได้ส่วนเสีย ต้องคำนึงว่าถ้าไม่มีเลยกับการมีบางส่วนแล้วมาให้ความร่วมมือบ้าง จะเกิดประโยชน์ต่อตัวเองและคนอื่นด้วยหรือไม่ ดังนั้นต้องสร้างค่านิยมใหม่ โครงการใหญ่ทำไม่ได้เพราะติด EIA, EHIA ก็ไปทำเล็กๆ อันไหนทำไม่ได้ก็ไม่ต้องทำ ถ้าประชาชนในพื้นที่ไม่ได้ประโยชน์ก็ช่วยไม่ได้ เพราะไม่มาช่วยกันดู เช่น ไฟฟ้า ถ้าทุกคนอยากให้มีพลังงานทดแทน ก็ต้องช่วยกัน ผมอยากดูแลทุกคน ถ้าไม่ร่วมมือกันเลยก็เป็นแบบนี้ พวกเอ็นจีโอก็ต้องเข้าใจ อย่าคิดแต่เรื่องของตนโดยไม่สนใจประเทศว่าจะพัฒนาไปอย่างไร มันไปไม่ได้หรอก” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดการให้สัมภาษณ์ พล.อ.ประยุทธ์มีอาการเหนื่อยเหมือนคนเป็นไข้ ผู้สื่อข่าวถามว่า นายกรัฐมนตรีไม่สบายหรือเปล่า นายกรัฐมนตรีกล่าวยอมรับว่า เป็นหวัดนิดหน่อย กินยาแล้ว ทั้งนี้เมื่อผู้สื่อข่าวอวยพรขอให้เดินทางไปร่วมประชุมที่ประเทศจีนโดยสวัสดิภาพ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวติดตลกว่า “ไปเครื่องบิน”