“ประยุทธ์” ชี้ยึดตาม กม.แจสโมบายไม่จ่ายค่า 4G แย้มโดนค่าปรับ แจงใช้ ม.44 แก้ปัญหาน้ำ เล็งให้ทุกกระทรวงทำงานสอดคล้องเกิดผลทีเดียว ที่ผ่านมาไม่ต่อเนื่อง รับยังไม่รู้ครึ่งทาง กรธ. ย้ำหวังดี รธน.เดินไม่ได้ผิดชอบกันทั้งหมด ย้อนพรรคใหญ่ไม่ดีพรรคเล็กจะเข้ามายังไง แจงเหล่าทัพนั่ง ส.ว.จะได้ไม่ต้องแยกใช้ ชี้คิดเหมือนคนทั้งโลกก่อนถึงเอากติกามาใช้ ติงคนไทยไม่ค่อยยอมรับผลประโยชน์คนอื่น กร้าวถ้าตนทำอะไรไม่ได้ อย่าคิดว่าวันหน้าทำได้
วันนี้ (22 มี.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์กรณีบริษัท แจส โมบาย บรอดแบนด์ ไม่ชำระเงินค่าใบอนุญาตคลื่น 900 MHz ให้แก่คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ว่าตนทราบแล้ว ให้เป็นเรื่องของกฎหมาย และคงเป็นเรื่องของการประมูลใหม่
“ไม่ต้องสั่งหรอกเรื่องอย่างนี้ ให้ทำตามกฎหมายไป จะไปเอื้อประโยชน์อะไรกับใครไม่ได้อยู่แล้ว และอาจจะต้องมีการลงโทษเรื่องค่าปรับด้วย” นายกฯ กล่าวย้ำ
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงแนวคิดการใช้มาตรา 44 การขับเคลื่อนแผนงานการบริหารน้ำให้สอดคล้องกันว่า ตนต้องการให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงพาณิชย์ ต้นทาง กลางทาง ปลายทาง และต้องบวกกระทรวงศึกษาธิการเข้าไปด้วยในเรื่องการสอนคนและเรื่องการวิจัยและพัฒนาต้องเข้ามาร่วมกลุ่มด้วย เพื่อนำไปสู่การทำแผนงานโครงการที่สอดคล้องกันหมดว่าจะทำอย่างไรประชานจะมีรายได้ความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ถ้าคิดเป็นกิจกรรมแบบนี้ ทั้ง 19 กระทรวงจะมาร่วมกันทุกงาน เพื่อจะได้เกิดผลทีเดียว ถ้าทุกคนแยกกระทรวงกันไปก็จะทำงานในแท่งของตัวเองคนเดียว วันนี้ตนเป็นคนบูรณาการทั้งหมดอยู่แล้วว่าใครจะต้องไปทำอะไร ทุกกระทรวงมีความเกี่ยวข้องเรื่องน้ำ ทั้งงบบาดาล งบขุดบ่อเหมือนกันหมด แต่มากบ้างน้อยบ้าง ดังนั้นต้องกำหนดเป้าหมายให้ชัดเจนเพื่ออะไร เพื่อใครที่ไหนจะได้เกิดประโยชน์สูงสุด เพราะที่ผ่านมาไม่ต่อเนื่อง
พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวถึงข้อเสนอในร่างรัฐธรรมนูญของคสช.ต่อกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ว่า ที่ กรธ.ระบุว่าให้พบกันครึ่งทางนั้น ยังไม่รู้ว่าครึ่งทางไหน และจะยังไม่มีข้อเสนอแนะไปเพิ่มเติม เพราะยังไม่ทราบผลสรุปจะออกมาอย่างไร เอาอย่างนี้แล้วกัน ตนทำไปด้วยความหวังดีต่อประเทศชาติบ้านเมือง ใครจะคิดอย่างไรก็ตามแต่ ถ้ามันออกมาได้ก็น่าจะดี ถ้าออกไม่ได้ก็ต้องรับผิดชอบด้วยกันทั้งหมด ประชาชนด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่าในร่างรัฐธรรมนูญเปิดให้มีพรรคเล็กเข้ามานั้นถูกมองว่าทำให้เหมือนกับไม่ได้รับเสียงสะท้อนจริงจากประชาชน พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า จะทำไม ถ้าพรรคเล็กมา หากพรรคใหญ่ไม่ดีจะมาได้อย่างไร ถ้าพรรคใหญ่เขาดีมันก็ต้องมาได้ คนก็ต้องเลือกพรรคใหญ่ แต่ละพรรคต้องหาคนดีมาให้เขาเลือก ทุกเรื่องเขาตั้งเป็นกลไกมาเฉยๆ มีการคัดกรองตั้งเยอะแยะ จากนี้ก็จะมี ส.ว.ดู ทุกเรื่องต้องทำงานด้วยกัน ไม่ใช่กลัวพรรคเล็กจะเข้ามามาก แล้วที่ผ่านมาได้อะไรไหม มีปัญหาหรือไม่เพราะมีคนพรรคใหญ่มากเกินไป แล้วทำดีหรือไม่ หรือจะเอาแบบนั้นอีกก็ตามใจ ประชาชนก็เลือกกันมาก็แล้วกัน
ส่วนที่ให้โควตา ส.ว.มาจากเหล่าทัพ 6 ตำแหน่ง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เป็น ส.ว.เพื่อที่จะดูแลให้ข้อมูล ไม่ได้ให้ไปสั่งใคร ส.ว.และ ส.ส.ทำหน้าที่ภายใต้ระบบรัฐสภา การที่ให้มี 6 คนดังกล่าวเข้าไปเพราะเขาคุมหน่วยทหาร ตำรวจอยู่ เวลารัฐบาลจะใช้อะไรจะได้ไม่ต้องแยกใช้ ถ้าสั่งเรื่องไปก็จะมีการหารือกัน ในเหตุผลไม่เช่นนั้นพอสั่งไปในวันหน้าก็จะมาโทษอีกว่าทำไมทำให้คนนี้ ไม่ทำให้คนโน้น ไปเป็นเครื่องมือให้เขาด้วยซ้ำ ไปกลั่นกรองให้เขาผิดตรงไหน
“กลัวอะไร กลัวพวกนี้จะเอากำลังไปยึด ส.ว.หรืออย่างไร เขามีสมองน่า รัฐบาลทำให้ดีเถอะ ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งสิ้น ที่ทำให้ทั้งหมด ทำให้รัฐบาลใหม่ทั้งนั้น จะแก้ไขจัดระเบียบอะไรต่างๆ ถามว่าผมได้อะไรหรือไม่ ผมอยู่เมื่อถึงเวลาที่ต้องอยู่ จากนั้นใครได้ประโยชน์ ประชาชนใช่ไหม รัฐบาลใหม่ใช่ไหม แล้วมาโจมตีผมซึ่งเป็นคนทำไว้ให้ แล้วเอากลไกประชาธิปไตยโลกเขามา แล้วเราเหมือนโลกคนอื่นเขาหรือเปล่า วันนี้เราเหมือนใครในโลกหรือไม่ คนไทยคิดแบบนี้ ต้องคิดให้เหมือนคนทั้งโลกเขาก่อนถึงจะเอากติกาคนทั้งโลกมาใช่ ค่อยๆ เดินหน้าไปสิ แยกออกหรือยังว่าประเทศประชาธิปไตยแตกต่างจากประเทศสังคมนิยมประชาธิปไตยอย่างไร สหพันธรัฐเป็นอย่างไร ต้องมีพื้นฐานตรงนี้ก่อน มันถึงจะนำมาสู่ว่าไทยอยู่ตรงไหน แบบไหน” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
นายกฯ กล่าวว่า ขอถามว่าเอาของตนไปเปรียบเทียบกับประเทศสังคมนิยมเขาได้ไหม ทำไมเขาเจริญเติบโตเท่านั้นเท่านี้ ทำไมเขาก้าวหน้า เขาลงทุน ซึ่งเขาต้องทำอีไอเอแบบเราทำบ้างไหม เขาถูกต่อต้านเยอะหรือไม่ เคยเห็นไหมบางประเทศอยากจะสร้างถนน เขาชี้เส้นตรงแล้วลุยเลย มีใครค้านเขาได้ มันต่างกันตรงนี้ เขาเรียกว่าการใช้อำนาจมันต่างกัน ความจริงตนมีอำนาจมากกว่าเขาอีกยังทำไม่ได้เลย เพราะคนไทยไม่ค่อยยอมรับผลประโยชน์คนอื่น นอกจากดูตัวเองก่อน นั่นแหละคือสิ่งที่ตนคำนึง คนดีเยอะแต่มีคนชักนำให้เสียหาย จากการที่ตนไปพบชาวบ้าน ประชาชนอยากได้ถนนหนทาง ตนก็บอกให้ไปบอกคนที่ค้าน ถ้าไม่ค้านมากนักก็ทำได้ แล้วเสร็จไปนานแล้ว ตนก็มาลดเวลาให้ ก็หาว่ายกเลิกอีไอเออีก มันทำได้ที่ไหนเข้าใจหรือยัง การสร้างเส้นทางรถไฟ สร้างแบบหลบไปหลบมา เลี่ยงซ้ายเลี้ยวขวาเป็นเลขแปด เพื่อหลบที่คนที่ไม่ให้ทางได้หรือไม่ ถ้าอยากได้ต้องไปช่วยตนตรงนั้น หากอยากให้ของถูกต้องสร้างเส้นทางตรงๆ ไม่ต้องทำสะพานลอดได้หรือไม่ ก็ไม่ได้ แล้วกลับมาว่ารัฐบาลทำไม่ได้
“ถ้าผมทำอะไรไม่ได้ในวันนี้ อย่าคิดว่าวันหน้าจะทำอะไรได้อีกเลย จำคำพูดผมไว้ก็แล้วกัน” นายกฯ กล่าว