รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เผยกองทัพให้เลขาฯ คสช.รวมชื่อผู้มีอิทธิพลทั้งหมด ยอมรับมีทั้งทหาร-ตำรวจเกี่ยว จ่อทำข้อตกลงระหว่างคนที่ไม่อยากทำผิดกับเจ้าหน้าที่ เน้นคนที่ไม่สามารถเอาผิดทางกฎหมายได้ ส่วนใครที่มีหลักฐานก็ต้องจัดการเด็ดขาด ไม่สนใจ “พะจุณณ์” ยื่นค้านฟ้องผิด พ.ร.บ.คอมพ์ บอกถ้าไม่มีอะไรก็จบ เผยคนกันเองอาจคุยกันได้ สื่อพบเจ้าตัวเปลี่ยนระบบ รปภ.กลาโหมใหม่ ให้ประตูหน้าเข้าได้แค่ระดับบิ๊ก ระบุต้องระวังหลังหลายชาติมีบึ้ม
วันนี้ (11 มี.ค.) ที่กระทรวงกลาโหม เมื่อเวลา 10.00 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ระบุได้รวบรวมรายชื่อกลุ่มผู้มีอิทธิพลแล้วนั้นว่า ไม่ใช่เพียงแค่ตำรวจเท่านั้น ยังมีอีกหลายคนทั้งในส่วนของเหล่าทัพ โดยพล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผบ.ทบ.ในฐานะเลขาธิการ คสช.จะเป็นผู้รวบรวมรายชื่อทั้งหมด เราตั้งใจทำให้ดีที่สุด ขอให้มั่นใจและไม่ต้องเป็นห่วง ทั้งนี้ยอมรับว่ามีกำลังพลทั้งในส่วนของทหารและตำรวจเข้าไปยุ่งเกี่ยว อย่างไรก็ตาม เราได้มีการทำบันทึกข้อตกลง หรือเอ็มโอยูระหว่างคนที่ไม่อยากจะให้ทำผิดอีกต่อไปกับเจ้าหน้าที่ ซึ่งการทำเอ็มโอยูจะครอบคลุมทั้งหมด ไม่ใช่เฉพาะในส่วนของทหาร โดยคนที่จะเข้ามาทำเอ็มโอยูจะพิจารณาว่าการกระทำเข้าข่ายที่จะเอาผิดทางกฎหมายได้หรือไม่ หากไม่สามารถเอาผิดทางกฎหมายได้ก็จะมาลงเอ็มโอยู เพื่อไม่ให้กลับไปยุ่งเกี่ยวอีก ส่วนคนที่มีหลักฐานและพบว่าทำผิดจริงก็ต้องดำเนินการอย่างเด็ดขาดตามระเบียบวินัย
“ถ้าผิดก็ว่าไปตามผิด ไม่มีเซ็นเอ็มโอยู แต่คนที่เขาเลิกแล้วก็ต้องมาเซ็นเอ็มโอยู” พล.อ.ประวิตรกล่าว
เมื่อถามถึงกรณีที่ พล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) และอดีตหัวหน้าสำนักงานมูลนิธิรัฐบุรุษ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน บก.ปอท. เพื่อชี้แจงความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่ได้ดูและไม่ได้สนใจ ไม่ห่วงว่าจะเกิดความขัดแย้งระหว่างตำรวจกับ พล.ร.อ.พะจุณณ์ ทุกอย่างต้องดำเนินการตามขั้นตอนซึ่งทางตำรวจก็ดำเนินการไป และทาง พล.ร.อ.พะจุณณ์ก็ให้ข้อมูล ถ้าไม่มีอะไรก็จบ อย่างไรก็ตาม ตนถือว่าเป็นคนกันเองอาจจะมีการพูดคุยกันได้ก็ให้ทางตำรวจดำเนินการต่อไป พิจารณาในเรื่องของเจตนาหรือไม่
ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตรได้จัดระเบียบมาตรการรักษาความปลอดภัยรอบพื้นที่กระทรวงกลาโหมใหม่ โดยเพิ่มความเข้มงวดมากขึ้น ภายหลังจากเดินทางไปดูงานที่สหพันธรัฐรัสเซีย โดยมาตรการรักษาความปลอดภัยของกระทรวงในเบื้องต้นขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการทดลองการใช้งานและศึกษาข้อดีและข้อเสีย โดยมีการกำหนดการเข้าออกประตูด้านหน้ากระทรวงซึ่งจะเปิดให้เฉพาะนายทหารระดับสูงที่มีอัตราจอมพลขึ้นไป ได้แก่ พล.อ.ประวิตร พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.ร.อ.อนุทัย รัตตะรังสี รองปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รองปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.อ.ศิวเกียรติ์ ชเยมะ รองปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.พอพล มณีรินทร์ รองปลัดกระทรวงกลาโหม และแขกบ้านแขกเมืองในฐานะแขกของกระทรวงกลาโหมเข้าและออกได้เท่านั้น ในส่วนของกำลังพล ข้าราชการ ลูกจ้างของกระทรวงกลาโหมจะต้องไปเข้าและออกทางประตูด้านหลังเท่านั้น
โดย พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า จะมีการจัดมาตรการรักษาความปลอดภัยทั้งหมดในทุกพื้นที่ ไม่ใช่เฉพาะในส่วนของกระทรวงกลาโหมเพียงกระทรวงเดียว แต่จะดำเนินการทุกกระทรวงซึ่งตนได้เน้นย้ำในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีไปแล้วเนื่องจากเราต้องระมัดระวังเพราะที่ผ่านมาหลายประเทศยังเกิดเหตุระเบิด