นัดพบศาลปกครองไต่สวนคดีขอคุ้มครองชั่วคราวระงับยึดแบงก์การันตี 1.7 พันล้าน กรณีชักดาบใบอนุญาตทีวีดิจิตอล “ติ๋ม ทีวีพูล” มาเอง บอก กสทช. ทำผิด ต้องรับผิดชอบ ยืนยันทีวีพูลไม่จ่ายเพราะยกเลิกไปแล้ว “สุภิญญา” บอกถ้าศาลสั่งคุ้มครอง ไม่เป็นธรรมกับรายอื่น แถมถูกฟ้องมาตรา 157 แถมอยู่ดี ๆ นึกจะขอยกเลิกก็ไม่ได้ ต้องได้รับความเห็นชอบ และต้องรับผิดชอบภาระหนี้
วันนี้ (23 ก.พ.) ศาลปกครองกลางออกนั่งบัลลังก์ไต่สวนคดี ที่บริษัท ไทยทีวี จำกัด ฟ้องคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ต่อศาลปกครองกลาง ขอให้คุ้มครองชั่วคราวกรณีที่ กสทช. มีคำสั่งขอเรียกเก็บหลักทรัพย์ค้ำประกัน (แบงก์การันตี) ที่ไทยทีวีทำไว้กับธนาคารกรุงเทพ มูลค่ากว่า 1,700 ล้านบาท โดยมี นางพันธุ์ทิพา ศกุณต์ไชย หรือ “ติ๋ม ทีวีพูล” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยทีวี และ น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ กรรรมการ กสทช. เป็นตัวแทนผู้ฟ้องคดีและผู้ถูกฟ้องคดีเข้าให้ถ้อยคำ
หลังการไต่สวนนาน 2 ชั่วโมงเศษ นางพันธุ์ทิพา กล่าวว่า ทางไทยทีวีได้ชี้แจงถึงความเดือดร้อนเสียหายที่เกิดจาก กสทช. ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ทั้งเรื่องการแจกคูปองทีวีดิจิตอล หลักเกณฑ์การเผยแพร่กิจการโทรทัศน์ที่ให้บริการเป็นการทั่วไป (มัสต์ แครี) รวมทั้งเรื่องสัญญาณที่ยังไม่มีคุณภาพ และเมื่อวันที่ 25 พ.ค. 2558 ไทยทีวี ได้ขอยกเลิกใบอนุญาตประกอบการทีวีดิจิตอล จึงเห็นว่าไทยทีวีไม่มีสิทธิ์ในงวดสอง หรืองวดต่อไป
“เพราะ กสทช. เป็นฝ่ายทำผิด จึงต้องเป็นผู้รับผิดชอบ ไม่ใช่ให้ไทยทีวีเป็นผู้รับผิดชอบ ยืนยันว่า ไทยทีวีจะไม่จ่ายเงินดังกล่าวให้ กสทช. เพราะยกเลิกใบประกอบการไปแล้ว หลังจากนี้ ต้องรอว่าศาลจะมีคำสั่งเป็นอย่างไร ซึ่งเรายืนยันไว้แล้ว เราเกิดความเดือดร้อนเสียหายจาก กสทช. ไม่ดำเนินการตามกฎหมาย และเชื่อมั่นในความยุติธรรมของศาล” นางพันธุ์ทิพา กล่าว
ด้าน น.ส.สุภิญญา กล่าวภายหลังว่า เราได้ให้ถ้อยคำต่อศาลว่าหากศาลสั่งคุ้มครองชั่วคราวในกรณีนี้ ก็จะทำให้เกิดความเสียหายต่อหน่วยงานรัฐ ทั้งเรื่องการบริหารงานของ กสทช. และเรื่องการบังคับใช้กฎหมาย รวมทั้งเรื่องความไม่เป็นธรรมกับผู้ประกอบการรายอื่น เพราะเงินในงวดที่สองผู้ประกอบการรายอื่นจ่ายหมดแล้ว เหลือเพียงไทยทีวีเท่านั้น หาก กสทช. ไม่มีคำสั่งขอเรียกเก็บแบงก์การันตี ที่ไทยทีวีทำไว้กับธนาคารกรุงเทพ จะเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ได้ นอกจากนี้ จะส่งผลกระทบต่อการเก็บเงินแผ่นดิน รวมทั้งการประมูลคลื่น 900 ที่กำลังดำเนินการอยู่ อาจทำให้เกิดพฤติกรรมการประมูลในราคาสูง แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถจ่ายเงินได้
อย่างไรก็ตาม การที่ไทยทีวีระบุว่าได้ขอยกเลิกใบอนุญาตประกอบการนั้น ตามกฎหมายจะต้องได้รับความเห็นชอบจาก กสทช. เพราะถือเป็นการบริการสาธารณะที่กระทบคนส่วนใหญ่ ไม่ใช่อยากยกเลิกแล้วยกเลิกได้เลย และแม้จะบอกว่ายกเลิกไปแล้ว แต่ไทยทีวีต้องรับผิดชอบภาระหนี้ตามเงื่อนไขที่ทำไว้กับ กสทช. อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่ศาลยังไม่มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว เมื่อถึงกำหนดวันที่ 13 มี.ค. ยังคงส่งหนังสือเรียกเก็บเงินไปที่ไทยทีวี หากยังไม่มีการดำเนินการใน 30 วัน กสทช. ต้องไปธนาคารกรุงเทพ แต่ไม่รู้ว่า ไทยทีวี กับธนาคารกรุงเทพ มีการทำสัญญากันอย่างไรบ้าง
ทั้งนี้ ต้องรอฟังคำสั่งศาลจากกรณีดังกล่าว ว่าจะมีการคุ้มครองชั่วคราวหรือไม่ ซึ่งศาลคงต้องชั่งน้ำหนักถึงความเสียหายของรัฐ และความเสียหายของเอกชน แต่หากศาลมีคำสั่งออกมาอย่างไร กสทช. พร้อมน้อมรับและปฏิบัติตาม
