โฆษกกลาโหมแถลงยันโยกย้ายทหารไม่มีรับเงิน โวยเสียหาย ขอสื่ออย่าขยายความขัดแย้ง รับเจอตั้งคำถามมีทหารทำไม-บั่นทอนจิตใจ เห็นชอบเป็น ปธ.ร่วมรักษาสันติภาพ มนุษยธรรม ต้านก่อการร้าย ในที่ประชุมกลาโหมอาเซียนปลายปี พร้อมเข้มการข่าวที่เป็นภัยความมั่นคง เข้มชายแดน สถานที่เสี่ยง เล็งใช้ทหารดันประชารัฐ เร่งช่วยเหลือสวนยาง ตามนโยบายรัฐ
วันนี้ (25 ม.ค.) พล.ต.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงภายหลังประชุมสภากลาโหมว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้ขอหน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหม และเหล่าทัพ ยึดถือแนวทางการประเมินผลการปฏิบัติแบบใหม่ที่รัฐบาลกำหนด โดยให้ความสำคัญต่อการกระตุ้นการทำงานของกำลังพลทุกระดับมากขึ้น พิจารณาถึงความเป็นธรรม และขีดความสามารถของกำลังพลอย่างแท้จริง
“อยากขอความร่วมมือสื่อมวลชนเรื่องการนำเสนอข่าวเรื่องการรับเงินรับทองเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายทหาร ขอยืนยันว่าการปรับย้ายทางทหารยึดถือตามสายการบังคับบัญชา และมีคณะกรรมการปรับย้ายในทุกระดับตั้งแต่ระดับกองพล กรม กองทัพ ไปถึงกระทรวงกลาโหม เรายึดถือการประเมินผลการปฏิบัติงาน และความเหมาะสมเป็นสำคัญ การนำเสนอข่าวที่มีการพาดพิงว่ามีการเสียเงินเสียทอง ต้องขอให้ใช้ความระมัดระวัง ผมเชื่อว่าไม่มีผู้บังคับบัญชาทหารไปรับเงินรับทองลูกน้อง ถ้ามีปัญหาเรื่องนี้ต้องแจ้งให้ทราบ ไม่ควรไปพาดพิงผ่านสื่อจะทำให้เกิดความเสียหาย”
พล.ต.คงชีพกล่าวต่อไปว่า ประเทศชาติติดหล่มความขัดแย้งมากว่าสิบปีแล้ว ทรุดและตกต่ำทุกเรื่องเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน เรากำลังอยู่ระหว่างการแก้ปัญหาวิกฤตความขัดแย้งเฉพาะหน้า ขณะเดียวกัน เราก็กำลังอยู่ระหว่างการคลี่คลายความขัดแย้งในระยะยาว การนำเสนอความคิดของบุคคล หรือกลุ่มบุคคลที่จะไปขยายความขัดแย้งของสังคม องค์กร เป็นเรื่องที่อาจจะต้องใช้ความระมัดระวัง อย่างเช่นมีผู้ทรงคุณวุฒิคนหนึ่งมาตั้งคำถามว่ามีทหารไว้ทำไม
“คำถามดังกล่าวค่อนข้างจะบั่นทอนจิตใจ ความรู้สึก และบั่นทอนเกียรติภูมิขององค์กรและประเทศชาติ ทหารมีไว้ปกป้องอธิปไตยและผลประโยชน์ชาติ เขาเหล่านั้นพร้อมอุทิศตนเลือดเนื้อชีวิต ทำหน้าที่เป็นรั้วของชาติ ยามที่ประชาชนวิกฤตเขาเข้าไปถึงทุกพื้นที่ หลายคนอยากถามกลับมาแล้วเขามีรั้วบ้านหรือเปล่า หรือบริษัทมียามหรือไม่ จึงขอความร่วมมือสื่อมวลชนว่าแนวความคิดที่สร้างความขัดแย้งขององค์กรในเวลานี้ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม อย่าทำเป็นสะพานเชื่อมความขัดแย้งสู่สังคม ประเทศชาติกำลังสงบ มั่นคง และกำลังวางรากฐานแก้ไขปัญหาของประเทศชาติ”
พล.ต.คงชีพกล่าวต่อว่า การประชุมสภากลาโหมที่ประชุมเห็นชอบตามข้อเสนอของคณะกรรมการอาเซียนกลาโหมในการเป็นประธานร่วมคณะผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านในในวงรอบ 2560-2562 ซึ่งไทยมีความพร้อม 3 เรื่อง คือ การปฏิบัติการรักษาสันติภาพ การช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและบรรเทาภัยพิบัติ การต่อต้านการก่อการร้าย โดยจะเสนอต่อที่ประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนและรัฐมนตรีกลาโหมปลายปี 2559 ได้พิจารณา หลังจากที่ไทยและรัสเซีย ครบวงรอบเป็นประธานร่วมคณะทำงานผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ในปลายปี 2559 นี้
พล.ต.คงชีพยังกล่าวว่า สืบเนื่องจากสภาพแวดล้อมความมั่นคงของโลกและสถานการณ์ในภูมิภาคมีแนวโน้มก่อเหตุความรุนแรงจากการก่อการร้ายมากขึ้น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้มอบหมายให้หน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหม และเหล่าทัพให้ความสำคัญ และเพิ่มความเข้มข้นของงานด้านการข่าว เพื่อติดตามสถานการณ์และความเชื่อมโยงของกลุ่มต่างๆ ที่มีแนวโน้มเป็นภัยต่อความมั่นคงทั้งในประเทศและภูมิภาคมากขึ้น พร้อมทั้งเข้มงวดตามแนวชายแดน ขณะเดียวกันก็ให้เฝ้าระวังและเตรียมพร้อมสนับสนุนเจ้าหน้าที่ทหารดูแลความปลอดภัยสถานที่หรือพื้นที่เสี่ยงตามความเหมาะสมและความจำเป็นต่อสถานการณ์ โดยตั้งอยู่ในความไม่ประมาท เพิ่มความเข้มงวดในการรักษาความปลอดภัยทั้งในหน่วย และสถานที่สำคัญในความรับผิดชอบ
พล.ต.คงชีพยังกล่าวว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้สั่งการให้หน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหม และเหล่าทัพ สร้างการรับรู้และความเข้าใจกับข้าราชการในหน่วยงาน รวมถึงประชาชนในเรื่องประชารัฐ นอกจากนั้นให้พิจารณาปรับแผนงานการดำเนินงานตามศักยภาพของหน่วยสู่แนวทางการปฏิบัติของประชารัฐที่เป็นรูปธรรม เพื่อให้เกิดพลังการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน เพื่อสร้างความเข้มแข็งของงานด้านความมั่นคงในมิติต่างๆ ควบคู่ไปการลดปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคม
“รองนายกรัฐมนตรียังให้ความสำคัญเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหาให้เกษตรกรชาวสวนยางพารา โดยยึดถือแนวทางรัฐบาลโดยไปสำรวจความต้องการการใช้ผลิตภัณฑ์ยางพาราเพิ่มเติม ใช้ศักยภาพของหน่วยในงานวิจัยพัฒนาและการแปรรูปสู่ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในกิจการทหารรวมถึงการพัฒนาประเทศ รวมถึงสนับสนุนความต้องการของภาคเอกชน โดยคำนึงถึงความต่อเนื่องระยะยาว” พล.ต.คงชีพกล่าว