ยึดเครื่องราชฯ-ถอดยศ-ไล่ออก 1 นายทหาร 9 นายตำรวจ ต้องโทษยาเสพติด-ทำผิดวินัยร้ายแรง

ราชกิจจาฯ เผยแพร่ประกาศสำนักนายกฯ 3 ฉบับ ยึดเครื่องราช - ถอดยศ - ไล่ออก 1 นายทหาร - 9 นายตำรวจ เหตุถูกไล่ออกจากราชการ ต้องโทษยาเสพติด กระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง

วันนี้ (7 ม.ค.) มีรายงานว่า เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี 3 ฉบับ ฉบับแรก เรื่อง พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ถอดยศทหาร และเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์

มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ถอด พันโท ตรัยพฤทธิ์ ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา สังกัดกองบัญชาการกองทัพไทย ออกจากยศทหาร ตั้งแต่วันที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๕๖ ซึ่งเป็นวันที่มีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุก เนื่องจากกระทำความผิดต่อพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษความผิดต่อพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ความผิดเกี่ยวกับเอกสารและความผิดต่อพระราชบัญญัติรถยนต์ ทั้งนี้ ตามข้อ ๒ ของระเบียบกระทรวงกลาโหมว่าด้วยผู้ซึ่งไม่สมควรจะดำรงอยู่ในยศทหารและบรรดาศักดิ์ พ.ศ. ๒๕๐๗ และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้เรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นตริตาภรณ์มงกุฎไทย จัตุรถาภรณ์ช้างเผือก จัตุรถาภรณ์มงกุฎไทย และเหรียญราชการชายแดน ที่บุคคลดังกล่าวได้รับพระราชทานตามข้อ ๖ ข้อ ๗ (๒) และ (๔) ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ พ.ศ. ๒๕๔๘

ประกาศ ณ วันที่ ๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๘
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ
รองนายกรัฐมนตรี

ฉบับที่สอง ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีเรื่อง พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ถอดยศตำรวจ

มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ถอดอดีตข้าราชการตำรวจออกจากยศตำรวจ เนื่องจากกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง และถูกลงโทษไล่ออกจากราชการ จำนวน ๒ ราย ดังนี้

๑. ร้อยตำรวจเอก พิชัย ลีมะทวีกูล ตั้งแต่วันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๔๗
๒. ร้อยตำรวจโทหญิง ณิลวรัตน์ ชูใหม่ ตั้งแต่วันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๔๘

ประกาศ ณ วันที่ ๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๘
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ
รองนายกรัฐมนตรี

ฉบับที่สาม ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ถอดยศตำรวจและเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์

มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ถอดอดีตข้าราชการตำรวจออกจากยศตำรวจ ตามข้อ ๑ (๔) ของระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่าด้วยการถอดยศตำรวจพ.ศ. ๒๕๔๗ และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้เรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ที่ได้รับพระราชทานทุกชั้นตรา ตามข้อ ๖ และข้อ ๗ (๔) ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ พ.ศ. ๒๕๔๘ ตั้งแต่วันที่มีคำสั่งลงโทษไล่ออกจากราชการ เนื่องจากกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง และถูกลงโทษไล่ออกจากราชการจำนวน ๗ ราย ดังนี้

๑. พันตำรวจตรี สุภวัฒน์ สุปิยะพาณิชย์ ตั้งแต่วันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๐ และเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นจัตุรถาภรณ์ช้างเผือก

๒. ร้อยตำรวจเอก ณัฏฐ์ ชลนิธิวณิชย์ ตั้งแต่วันที่ ๒๕ มกราคม ๒๕๕๑ และเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นจัตุรถาภรณ์ช้างเผือก จัตุรถาภรณ์มงกุฎไทย เหรียญเงินดิเรกคุณาภรณ์และเหรียญราชการชายแดน

๓. พันตำรวจโท ปัญญาพจน์ ปานทอง ตั้งแต่วันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๕๓ และเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นตริตาภรณ์ช้างเผือก ตริตาภรณ์มงกุฎไทย และจัตุรถาภรณ์มงกุฎไทย

๔. ร้อยตำรวจเอก สมควร บัวไสว ตั้งแต่วันที่ ๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ และเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นจัตุรถาภรณ์ช้างเผือก จัตุรถาภรณ์มงกุฎไทย เหรียญทองช้างเผือก และเหรียญจักรมาลา

๕. ร้อยตำรวจตรี เสรี กาศสกุล ตั้งแต่วันที่ ๓๐ สิงหาคม ๒๕๕๖ และเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นเบญจมาภรณ์มงกุฎไทย เหรียญทองช้างเผือก และเหรียญจักรมาลา

๖. พันตำรวจโท วีรพล วัชราทิตย์ ตั้งแต่วันที่ ๒๙ กันยายน ๒๕๕๗ และเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นตริตาภรณ์ช้างเผือก ตริตาภรณ์มงกุฎไทย จัตุรถาภรณ์ช้างเผือก จัตุรถาภรณ์มงกุฎไทยเบญจมาภรณ์ช้างเผือก และเบญจมาภรณ์มงกุฎไทย

๗. พันตำรวจเอก วุฒิชาติ เลื่อนสุคันธ์ ตั้งแต่วันที่ ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ และเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นทวีติยาภรณ์มงกุฎไทย ตริตาภรณ์ช้างเผือก ตริตาภรณ์มงกุฎไทย จัตุรถาภรณ์ช้างเผือกและจัตุรถาภรณ์มงกุฎไทย

ประกาศ ณ วันที่ ๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๘
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ
รองนายกรัฐมนตรี

ผู้สื่อข่าว MGR Online รายงานเพิ่มเติมว่า จากการตรวจสอบบุคคลที่มัประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีฉบับดังกล่าวส่วนหนึ่ง พบว่า ร.ต.อ.พิชัย ลีมะทวีกูล อดีตรองสารวัตรป้องกันปราบปราม สน.บางบอน ถูกตำรวจกองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ (191) จับกุมโดยการล่อซื้อยาบ้าที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งย่านท่าพระ พร้อมของกลางยาบ้า 80 เม็ด ก่อนค้นในแฟลตตำรวจพบยาบ้าอีก 30 เม็ด และขยายผลจับกุมนางพรทิพย์ ลีมะทวีกูล ภรรยาพร้อมยาบ้า 13,000 เม็ด เมื่อวันที่ 12 มี.ค. 2547 โดยก่อนหน้านี้ถูกช่วยราชการที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 9 เนื่องจากมีพฤติกรรมรีดไถ และอยู่ระหว่างการเสนอโยกย้ายออกนอกพื้นที่

พ.ต.ท.สุภวัฒน์ สุปิยะพาณิชย์ นั้น เป็นอดีตสารวัตรธุรการ สถานีตำรวจภูธรวังทรายพูน จ.พิจิตร ถูกออกจากราชการตามคำสั่งกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 ที่ 403/2550 ลงวันที่ 20 พ.ย. 2550 ไล่ออกจากราชการ เนื่องจากตอนเป็นรองสารวัตรสอบสวน สถานีตำรวจภูธรท่าตะโก จ.นครสวรรค์ ละทิ้งหน้าที่ราชการไปเกินกว่า 15 วัน ต่อมา พ.ต.ต.ศุภวัฒน์ ยื่นอุทธรณ์คำสั่งไล่ออกต่อ ก.ตร. อนุกรรมการข้าราชการตำรวจอุทธรณ์ทำการแทน ก.ตร. ในการประชุมวันที่ 12 ก.พ. 2552 ยกอุทธรณ์ทางวินัยถือว่าสิ้นสุด ก่อนที่จะพบว่าได้สวมเครื่องแบบตำรวจเต็มยศ ขึ้นเวทีปราศรัยการชุมนุมขับไล่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อปี 2556

ร.ต.อ.ณัฏฐ์ ชลนิธิวณิชย์ อดีตผู้บังคับหมวด 426 กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 42 (ตชด.42) จ.นครศรีธรรมราช ช่วยราชการ ตชด. 41จ.ชุมพร ถูกจับกุมเมื่อวันที่ 20 ก.พ. 2551„หลังต้องคดีร้ายแรงหลายคดี ทั้งก่อเหตุร่วมกับพวกขอค้นตัวและทรัพย์สินสุภาพสตรีรายหนึ่ง โดยอ้างว่าตรวจค้นยาเสพติด แล้วเอาเงินสดไป 9,000 บาท พร้อมหน่วงเหนี่ยวกักขัง และข่มขืนกระทำชำเรา รวมทั้งก่อเหตุเรียกรับสินบนจากผู้เสียหายซึ่งถูกแจ้งข้อหามียาเสพติดไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยวตำรวจหน่วยปราบปรามยาเสพติด 4 นายเพื่อยัดข้อหาค้ายาเสพติด ก่อนทำร้ายร่างกายและเรียกค่าไถ่ 2 ล้านบาท โดยปัจจุบันถูกจองจำอยู่ในเรือนจำกลางบางขวาง

ร.ต.อ.สมควร บัวไสว อดีตรองสารวัตรสืบสวนสอบสวน สถานีตำรวจภูธรสะเดา จ.สงขลา ถูกตำรวจสถานีตำรวจภูธรชุมพร จับกุมเมื่อวันที่ 2 ก.พ. 2556 ขณะตั้งด่านตรวจบ้านพละ ถนนเพชรเกษม อ.ปะทิว หลังตรวจค้นรถตู้โตโยต้า สีขาว ที่ประตูทั้งสองข้างติดตราโล่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ บนหลังคามีสัญญาณไฟไซเรน โดยแสดงท่าทางพิรุธ และไม่มีเอกสารทางราชการนำรถหลวงออกมาใช้ราชการนอกพื้นที่ พบงาช้างขนาดกว่า 1 เมตร รวม 20 กิ่ง (10 คู่) อ้างว่าลักลอบขนงาช้างมาจากชายแดนไทย - มาเลเซีย ด้าน จ.สงขลา เพื่อไปส่งให้นายทุนในพื้นที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์

พ.ต.อ.วุฒิชาติ เลื่อนสุคันธ์ อดีตผู้กำกับการ 4 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค เป็นตำรวจหนึ่งในเครือข่าย พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ที่ถูกจับกุมในข้อหาเป็นเจ้าพนักงานจูงใจให้ผู้อื่นมอบผลประโยชน์ เป็นเจ้าพนักงานเรียกรับผลประโยชน์ เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เรียกรับเงินหรือทรัพย์สิน เก็บรวบรวมส่งส่วยรายเดือนให้ พล.ต.ต.โกวิทย์ วงศ์รุ่งโรจน์ อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ที่มีร่วมกับ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ มีพฤติกรรมเรียกร้องเงินหรือทรัพย์สิน เปิดบ่อน แอบอ้างเบื้องสูง.