xs
xsm
sm
md
lg

“แม้ว” ดิ้นพล่านใช้ตรรกะพิลึก ไม่รับศาลแต่ใช้ศาลป้องสิทธิตัวเองดะ!!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เมืองไทย 360 องศา

จะเรียกว่าเป็นอาการ “ดิ้นพล่าน” ก็ได้ สำหรับ ทักษิณ ชินวัตร ที่ล่าสุดได้มอบหมายให้ทนายความของพรรคเพื่อไทย ยื่นฟ้องอธิบดีกรมการกงศุล กระทรวงการต่างประเทศ ต่อศาลปกครอง ว่าออกคำสั่งมิชอบกรณีสั่งเพิกถอนหนังสือเดินทางทั่วไปของเขาที่ถืออยู่จำนวน 2 เล่ม คือ หนังสือเดินทางเลขที่ U 957411 และ Z 530117 เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2558 ที่ผ่านมา จากข้อกล่าวหาว่าให้สัมภาษณ์มีเนื้อหาที่กระทบต่อความมั่นคงปลอดภัยของประเทศไทย รวมทั้งอยู่ในช่วงสืบสวนหาความผิดเพื่อดำเนินคดีอาญาตาม มาตรา 112 รวมทั้งมาตราอื่นๆ ตามความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 โดยศาลปกครองนัดไต่สวนมูลฟ้องวันที่ 23 ธันวาคมนี้

หากพิจารณาจากคำฟ้องดังกล่าวของทักษิณ ชินวัตร ทำให้ทราบว่าที่ผ่านมาเขาได้มอบหมายให้ฝ่ายกฎหมายที่จ้างเอาไว้ ไปยื่นอุทธรณ์คำสั่งให้ทบทวนมาตั้งแต่วันที่ 30 กรกฎาคม 2558 แต่ไม่เป็นผล เพราะมีการยืนตามคำสั่งเดิม ปรากฏตามหนังสือที่ กต. 0305.23/23593 ลว. ลงวันที่ 9 กันยายน 2558 และอ้างว่า จากการเพิกถอนหนังสือเดินทางดังกล่าวรวมไปถึงการยืนคำสั่งโดยไม่รับอุทธรณ์นั้น สร้างความเดือดร้อนเสียหายกับทักษิณจนนำมาสู่การฟ้องศาลปกครองเป็นลำดับถัดมา

แน่นอนว่านั่นหากเป็นคนไทยทั่วไปก็คงเป็นเรื่องปกติและยอมรับได้ หากต้องการปกป้องสิทธิของตัวเองหากเห็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม หรือเสียประโยชน์ สามารถดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายทุกช่องทาง โดยเฉพาะการพึ่งพาหาความยุติธรรมจากศาล แต่สำหรับทักษิณถือว่าผิดแปลกแตกต่างไปจากคนไทย หรือคนที่ถือสัญชาติไทยคนอื่นๆ เพราะที่ผ่านมาเขาเคยปฏิเสธอำนาจศาล เคยกล่าวโจมตีให้ร้ายศาลมาหลายครั้ง ต่างกรรมต่างวาระ กล่าวหาว่าศาลเป็น “กระบวนการยุติความเป็นธรรม” และหลบหนีคำพิพากษามาตลอด

แต่ที่ผ่านมาหากเมื่อใดก็ตามเขามีความรู้ว่า “เดือดร้อน” อย่างเช่นที่เพิ่งเกิดขึ้นจากกรณีที่อธิบดีกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศสั่งเพิกถอนหนังสือเดินทางของเขาที่มีอยู่ทั้งหมดดังกล่าว หรือถูกกล่าวหาว่าต้องการฟ้องเพื่อ “ปิดปาก” ไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามรวมไปถึงคนไทยคนอื่น เปิดโปงความไม่ชอบมาพากลของเขาได้อีก ก็มีการมอบหมายให้ทนายความไปยื่นฟ้องต่อศาลที่มีขอบข่ายอำนาจนั้นอยู่เสมอ ทั้งศาลอาญา และศาลแพ่ง เช่นคราวนี้ที่มอบหมายให้ทนายความไปฟ้องอธิบดีกรมการกงสุลต่อศาลปกครองกลาง

ดังนั้น สิ่งที่ต้องนำมาพิจารณากันต่อไปก็คือ ในกรณีที่มอบอำนาจให้ทนายความมายื่นฟ้องคนอื่นต่อศาล โดยที่ตนเองไม่เคยมาปรากฏตัว ถือว่าเป็นธรรมกับคนอื่น หรือคนที่ตกเป็นจำเลยหรือไม่ และที่สำคัญจะมีการพิสูจน์ลายมือชื่อได้อย่างไรว่าเป็นของจริงหรือไม่ รวมไปถึงกรณีของทักษิณที่เป็นนักโทษหลบหนีคำสั่งศาล หากลายมือชื่อเป็นของจริง คำถามที่ตามมาก็คือ ทนายความไปพบเจอกับนักโทษที่หลบหนีได้อย่างไร นี่เป็นสารพัดคำถามที่พรั่งพรูมานานแล้ว เป็นคำถามในเชิงที่เป็นตรรกะที่ไม่เป็นธรรมแก่คนอื่น

ขณะเดียวกัน ล่าสุดในคำฟ้องของทักษิณที่มอบหมายให้ทนายความจากพรรคเพื่อไทย ไปฟ้องอธิบดีกรมการกลงศุล ต่อศาลปกครองกลางจากคำสั่งเพิกถอนหนังสือเดินทาง 2 ฉบับของเขา เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โดยอ้างว่าได้รับ “ความเดือดร้อน” แต่ที่ต้องถามกลับไปก็คือ การใช้สิทธิทางกฎหมายที่ไม่เป็นธรรมกับคนอื่นแบบนี้ ทำให้คนอื่นเดือดร้อนหรือไม่ และการฟ้องที่ตัวเองไม่เคยมาปรากฏตัวนั้น เป็นตรรกะแบบไหน และสมควรยอมรับได้หรือไม่!
กำลังโหลดความคิดเห็น