โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผย รัฐบาลให้ความสำคัญคนพิการ ฝากขอบคุณสถานประกอบการทุกแห่งที่รับคนพิการเข้าทำงาน และกำชับหน่วยงานภาครัฐรับคนพิการเข้าทำงาน หรือให้สัมปทานภายในปีงบประมาณ 2561 ชี้ สัดส่วนจ้างงานห่างจากผลสัมฤทธิ์
เมื่อวันที่ 3 ธ.ค. พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลตระหนักถึงความสำคัญของคนพิการ จัดให้มีการช่วยเหลือและพัฒนาคนพิการในหลายมิติอย่างเป็นระบบ ทั้งการกำหนดให้สถานประกอบการที่มีผู้ปฏิบัติงานตั้งแต่ 100 คนขึ้นไป รับคนพิการเข้าทำงานที่เหมาะสม หรือให้สัมปทานในสัดส่วนร้อยละ 1 ของแรงงาน การศึกษาและการฝึกอาชีพเพื่อพัฒนาศักยภาพคนพิการทั่วประเทศ การส่งเสริมและดูแลด้านสาธารณสุข ที่อยู่อาศัย การฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการ การส่งเสริมด้านกีฬา ตลอดจนการปรับปรุงระบบฐานข้อมูลคนพิการ เพื่อให้สามารถวางแผนการดำเนินงานสนับสนุนช่วยเหลือได้อย่างตรงเป้าหมาย ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้มอบหมายให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นเจ้าภาพในการจัดงานวันคนพิการสากลขึ้น เพื่อแสดงศักยภาพของคนพิการและผลงานการวิจัยพัฒนาวัสดุอุปกรณ์เพื่อคนพิการด้วย
“นายกรัฐมนตรีติดตามการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง และฝากขอบคุณสถานประกอบการทุกแห่งที่รับคนพิการเข้าทำงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานประกอบการเอกชนที่ปฏิบัติตามกฎหมายแล้วมากกว่าร้อยละ 80 และนายกฯ ยังได้กำชับผู้ที่เกี่ยวข้องให้เร่งรัดหน่วยงานภาครัฐที่มีทั้งหมด 290 หน่วยงาน รับคนพิการเข้าทำงาน หรือให้สัมปทานตามที่กฎหมายกำหนดภายในปีงบประมาณ 2561 ซึ่ง ณ ขณะนี้แม้หน่วยงานภาครัฐจะไปแล้ว 218 หน่วยงาน แต่ยังมีอัตราคนพิการเข้าทำงานเพียง 1,456 คน คิดเป็นร้อยละ 13.32 จากจำนวนคนพิการที่ต้องจ้างทั้งหมด 10,929 คน นับเป็นสัดส่วนที่ยังห่างจากผลสัมฤทธิ์ที่ตั้งไว้” พล.ต.สรรเสริญ กล่าว
พล.ต.สรรเสริญ กล่าวว่า ในด้านการจัดสิ่งอำนวยความสะดวกในสถานที่ราชการและสถานที่สาธารณะต่าง ๆ เพื่อให้คนพิการสามารถดำเนินชีวิตได้ตามปกติ เช่น ทางลาด ลิฟต์ ห้องน้ำ ที่จอดรถ ป้ายสัญญาณต่าง ๆ รถสาธารณะ ที่เอื้อต่อคนพิการก็ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากทุกภาคส่วน สำหรับโครงการพัฒนาศักยภาพนักร้องและนักดนตรีตาบอดในที่สาธารณะนั้นได้ดำเนินการไปแล้ว 250 คน จากเป้าหมาย 800 คนในระยะเวลา 3 ปี และได้รับการสนับสนุนจากค่ายเพลงให้เป็นศิลปินแล้ว 5 คน นอกจากนี้ ยังมีความคืบหน้าเรื่องการเพิ่มเบี้ยยังชีพคนพิการเป็น 800 บาทต่อเดือน และดำเนินการปรับปรุงที่พักอาศัยให้คนพิการไปแล้ว 2,448 หลังอีกด้วย
“นายกฯ เน้นให้การดูแลช่วยเหลือและสนับสนุนคนพิการให้ได้รับการพัฒนาศักยภาพ สามารถออกมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ จึงขอให้พี่น้องประชาชนเข้าใจ ให้กำลังใจ เชื่อมั่นว่า คนพิการมีทักษะความสามารถในการปฏิบัติงาน และให้โอกาสคนพิการเข้าทำงานเพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ที่สำคัญคือคนพิการเองก็ต้องมั่นใจในความสามารถ และเปิดโอกาสให้ตนเอง โดยไม่มองว่าความพิการเป็นอุปสรรคในชีวิต ซึ่งนายกฯ ย้ำเสมอว่าคนพิการมีศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์และเสมอภาคกับบุคคลทั่วไป สามารถยืนหยัดได้ด้วยความสามารถของตนเอง ประสบความสำเร็จได้อย่างงดงาม และเป็นพลังสำคัญในการร่วมขับเคลื่อนและพัฒนาประเทศของเรา” พล.ต.สรรเสริญ กล่าว