นายกรัฐมนตรี เมินทูตสหรัฐฯ วิจารณ์โทษจำคุกคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ระบุ กฎหมายหมิ่นประมาททุกประเทศมีหมด แต่ที่มีมาตรา 112 เพราะสถาบันฟ้องร้องใครไม่ได้ ส่วนพวกที่ไปร้องสิทธิมนุษยชนก็พวกทำผิดแล้วโวยวาย บอกช่างเขา มะกันตัดสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร ถามเมื่อก่อนค้ามนุษย์มีเยอะ แก้ปัญหากันเต็มที่ ที่ผ่านมาไม่เคยเสียหายเลยหรือ ยันกำลังช่วยเรือถูกโจรสลัดโซมาเลียจับตัวเรียกค่าไถ่
วันนี้ (27 พ.ย.) ที่สำนักงบประมาณ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า ครั้งที่ 1/2559 กรณีที่ นายกลิน ที. เดวีส์ เอกอัครราชทูตอเมริกาประจำประเทศไทย ที่วิพากษ์วิจารณ์ถึงบทลงโทษจำคุกแก่ผู้หมิ่นประมาทสถาบันพระมหากษัตริย์ ในงานเสวนาสมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศในกรุงเทพฯ ที่ผ่านมา ว่า “ก็เรื่องของเขา ก็เห็นส่งคนมาเจรจาการค้าขายกับผมอยู่ เมื่อวันที่ 26 พ.ย. ที่ผ่านมา ประเทศอังกฤษ และสหภาพยุโรป (อียู) ก็มา ผมก็ถามเขาว่าผมทำดีอย่างนี้ท่านจะว่าอย่างไร เขาก็บอกว่า ดี ๆ แต่พอผมถามเขาอีกว่ารัฐบาลประชาธิปไตยทำให้เขาแบบนี้ได้ไหม เขาก็เงียบ ผมทำให้เพราะผมทำกติกาให้มันชัดเจนขึ้น ทั้งเรื่องการค้าการลงทุนที่ 20 ปี ไม่เคยทำมา นี่แหละผมทำหรือเปล่า ก็ลองชั่งน้ำหนักดูว่าการที่ผมเข้ามาแบบนี้ กับไอ้การประชาธิปไตยเลือกตั้ง ๆ ทุกวัน ซึ่งยังไม่ถึงเวลา ตามโรดแมปก็มีอยู่ ก็มาเร่งกันนักหนา”
เมื่อถามว่า ได้มีการอธิบายให้ต่างชาติเข้าใจเรื่องกฎหมายมาตรา 112 หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า “ผมก็พูดแต่เขาไม่เข้าใจ พอใส่กันเรื่อย ๆ ก็กลายเป็นมารังแกกัน รังแกว่าพวกนี้ใช้กับฝั่งตรงข้ามมันก็เป็นกฎหมาย คือ กฎหมายหมิ่นประมาททุกประเทศมีหมด แต่นี่เพื่อสถาบัน เพราะสถาบันฟ้องร้องใครไม่ได้ เวลาใครหมิ่นท่าน ท่านฟ้องได้ไหมเล่า ดังนั้น ทำไมถึงต้องมีมาตรา 112 ก็เพื่อปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ เพราะพระองค์ท่านฟ้องใครไม่ได้ สื่อก็ไปอธิบายคนเขาแบบนี้สิ หน้าที่ของคนไทยที่เราจะต้องปกป้องพระองค์ท่าน ก็ต้องมีการออกกฎหมายเพื่อปกป้องพระองค์ท่าน ปัญหาคือใครจะใช้ประโยชน์อะไรมันเรื่องของคน เข้าใจหรือเปล่า ถามว่าพวกที่ไปร้องสิทธิมนุษยชนมันทำความผิดหรือเปล่าตามกฎหมายมันเขียนไว้หรือเปล่า ก็เขียนทั้งนั้น แต่กูจะทำ แล้วก็ไปฟ้องสิทธิมนุษยชน มันใช่ไหมเล่า กฎหมาย กฎอัยการศึก มาตรา 44 มึงทำความผิดหรือเปล่า เขาเขียนไว้หรือเปล่ากฎหมาย ในเมื่อมันเป็นกฎหมายพิเศษช่วงนี้ก็ต้องปฎิบัติตาม แล้วมาบอกว่าจะต้องไม่ปิดกั้น ก็ผมไม่เคยปิดกั้นนี่ จะพูดอะไรก็พูดไป แต่ถ้าพูดด่ารัฐบาลไม่ได้ ทำไม ไม่มีกติกากันบ้างล่ะ ใช่ไหม”
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ถ้าผมเข้ามาแล้วมันมีประชาธิปไตยทั้งหมด 150 เปอร์เซ็นต์ เดิมมัน 150 เปอร์เซ็นต์ ไม่ต้องร้อยหรอก เพราะมันทำอะไรก็ได้ กฎหมายไม่สนใจแล้วเราจะทำอะไร จะปฏิรูปกันอย่างไร ทุกคนอยากปฏิรูปแต่ไม่อยากมีกฎหมาย ไม่เคารพกฎหมายแล้วจะปฏิรูปได้ไหม เอาประชาธิปไตยปฏิรูปก็เชิญไปเถอะ เชิญ เชิญไปทำกันแล้วกัน”
ส่วนกรณีที่ประเทศสหรัฐอเมริกาเตรียมตัดสิทธิพิเศษทางการค้ากับไทยฝ่าฝืนมาตรฐานของระบบสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (GSP) ซึ่งอนุญาตให้มีการส่งออกสินค้าบางประเภทไปยังสหรัฐฯได้โดยไม่ต้องเสียภาษี โดยมาตรฐานดังกล่าวรวมถึงเรื่องสภาพการทำงานที่ยอมรับได้ และเรื่องการบังคับใช้แรงงาน นายกฯ กล่าวกลับทันทีว่า “ก็ช่างเขาสิ ช่างเขา ก็ช่างเขาเป็นไรเล่า แล้วทำไมจะไปสู้อะไรกับเขาเล่า”
“แล้วแต่ก่อนไม่มีหรือ แต่ก่อนก็มีเยอะ เยอะยิ่งกว่านี้อีก ก็วันนี้เรากำลังทำอยู่ทั้งหมดทั้งเรื่องแก้ไขปัญหาค้ามนุษย์ไอยูยู ใครทำมาล่ะ มีใครทำไหม จดทะเบียนแรงงานมีไหม ขายของผิดกฎหมายทุกที่มีใครทำมาไหม ไปบอกเขาให้ผมสิ ส่วนสหรัฐฯ ก็เรื่องของเขา เพราะกระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) ก็ทำอยู่แล้ว มีแนวทางอยู่แล้วไม่ต้องไปสั่งของหรอก มี กต. เขาก็มีอยู่ สถานทูตก็มีอยู่ แต่เขาจะฟังหรือเปล่าก็เรื่องของเขา ทำไมล่ะ ก็เราจะต้องปฏิรูปประเทศไง แล้วเขาประโยชน์หรือไม่ ผมถามหน่อยเขาได้หรือเปล่าที่เราทำอยู่ ไม่อยากได้ก็แล้วแต่ผมก็ไปหาคนอื่นทำด้วย” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
เมื่อถามว่า มั่นใจหรือไม่การแก้ไขปัญหาแรงงานไทยทำเต็มที่แล้ว นายกฯ กล่าวว่า เต็มที่ แต่จะได้ 100 เปอร์เซ็นต์ ร่วมมือกันไหมเล่า ประชารัฐนะร่วมไหม ปัญหาก็เยอะอยู่แล้ว ยังจะเพิ่มปัญหาขึ้นมาอีก แล้วผมไม่ทำใครจะทำ ปัญหานี้มันเกิดขึ้นเมื่อวานหรือไง หรือเกิดเมื่อวันที่ 22 พ.ย. 2557 หรืออย่างไร จะถามไอ้เรื่องแบบนี้อยู่ได้ ที่ผ่านมา ไม่เคยเสียหายเลยหรือ ผมบอกแล้วไงอะไรที่มันผิดก็ต้องยอมรับแล้วบอกเขาสิว่ามันคือปัญหาของเรา แล้วท่านมาพูดแบบนี้สิว่ารัฐบาลประชาธิปไตยมันไม่ได้ทำ พูดได้ไหม กล้าพูดไหม
ส่วนกรณีเรือประมงสัญชาติไทยที่ถูกโจรสลัดโซมาเลียจับตัวเรียกค่าไถ่เมื่อวันที่ 24 พ.ย. ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า กำลังดำเนินการอยู่ เพราะก็ถือว่าน่านน้ำบริเวณนั้นเป็นน่าน้ำที่อันตราย แล้วก็ไม่ได้ตั้งใจจะปล้นไทย เพราะเขาปล้นทุกลำ ปล้นใครได้ก็ปล้น แล้วเป็นไงกองเรือเราพร้อมไหม เรือผิวน้ำมีไหม เวลาเขาเชิญไปตั้งกองเรือไปไม่ได้หรอก เพราะเรือเราก็อย่างว่า แต่ทหารเรือเราก็อดทน แล้ววันนี้ความขัดแย้งมันเกิดขึ้นสูง ทรัพยากรทางทะเลก็มีปัญหา การสู้รบทั้งทางบก ทางทะเลการก่อหวอดไปเรื่อย ๆ วันหน้าก็เอาเรือละมาด หรือไม่ก็ดำน้ำใส่ถุงพลาสติกไป เราต้องสร้างความเชื่อมโยงทั้ง ความมั่นคงการค้า เศรษฐกิจ การลงทุน มาต้องต่อกันทั้งหมด ทุกอย่างมันเริ่มจากความมั่นคง เพราะไม่เริ่มจากความมั่นคงก็ไม่มีความปลอดภัย และมาตรการป้องกัน ใครจะลงทุนกับเรา ทั้งทางบก ทางทะเล เส้นทางการเดินเรือ อะไรก็ไม่ได้ทั้งหมด พูดแต่ทุจริต ๆ อยู่นั่นแหละ ก็ถ้าอะไรที่เขาทำแบบจีทูจี รัฐบาลต่อรัฐบาล
เมื่อถามว่า เรือละมาด คือ เรือชนิดใด นายกฯ กล่าวว่า “เรือละมาด ก็คือ เรือพายลำเล็ก ๆ ที่พระพายบิณฑบาตทางเรือ เพราะผมเคยพายเรือเล็กข้ามฝั่ง เพราะบ้านผมอยู่ริมคลอง ไปโรงเรียนก็คว่ำทุกวัน ไม่ใช่ผมพายคว่ำนะ แต่เรือมันคลื่นแรง พวกเรือหางยาว แล้วเรือละมาดมันพายยาก เพราะลำเล็ก ๆ แคบ ๆ แล้วก็มีเรือเอี้ยมจุ้น เรือจ้าง เรือแจว เรือสําปั้น เยอะแยะไปหมดนั่นแหละ”