นายกรัฐมนตรี ย้ำ ประชาชนต้องไม่ประมาท หลังเหตุก่อการร้าย แนะผสมผสานกัน เจ้าหน้าที่ รปภ. ต้องปรับปรุงคุณภาพตัวเอง และต้องตั้งช่องทางการสื่อสารให้ได้ เผย เห็นบางสถานที่ยังไม่มีเครื่องมือดับเพลิง เตือนอย่าให้เกิดเหตุกับสถานที่ราชการ ด้านโฆษกรัฐบาลแจงที่ประชุมกำชับประชาชนต้องช่วยกันเป็นหูเป็นตา พร้อมแจงลงพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคอีสานพูดถึงนโยบายประชารัฐมาก
วันนี้ (17 พ.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวภายหลังประชุม ครม. ถึงมาตรการดูแลความปลอดภัยตามสถานที่สำคัญ อันสืบเนื่องมาจากเหตุขบวนการรัฐอิสลาม (ไอเอส) ปฏิบัติการสังหารหมู่ในกรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส ว่า เรื่องนี้ประชาชนต้องไม่ประมาท เจ้าหน้าที่รัฐก็ต้องไม่ประมาท เวลาทำโครมครามก็ตื่นตระหนก คนตกใจไม่มีใครมาท่องเที่ยว แต่เมื่อมีเหตุการณ์กลับบอกว่าเจ้าหน้าที่ไม่ดูแล แล้วทำไมไม่ทำให้ผสมผสานกันทั้งเจ้าหน้าที่ รปภ. - เจ้าหน้าที่ของบริษัทรักษาความปลอดภัย ต้องปรับปรุงคุณภาพตัวเอง แล้วต้องให้รู้ว่าไม่ใช่ไปยืนเฝ้ายามเฉย ๆ แต่ต้องเวลามีเรื่องต้องแจ้งใคร เรียกใครมา อย่างเช่น ไฟไหม้ ระยะที่ 1 จะขนย้ายอะไรก่อนมีแผนหรือไม่ ถ้าทุกคนรับผิดชอบพื้นที่ตัวเอง เจ้าหน้าที่ก็พร้อมเข้าไปคลี่คลายสถานการณ์ได้ทันที และต้องตั้งช่องทางการสื่อสารให้ได้ ถ้าตัวเองไม่เข้มแข็งเราจะหวังพึ่งใคร รัฐมีคน เครื่องไม้เครื่องมือพอเพียงไหม ถ้าเราไม่แก้ปัญหาตั้งแต่ต้นเหตุซึ่งมันแก้ได้ ที่ผ่านมาตนเห็นบางสถานที่ยังไม่มีเครื่องมือดับเพลิงเลย รอให้รถดับเพลิงมาก็ไหม้ เคยรู้หรือไม่ว่าจะดับเพลิง อย่างเพลิงจากน้ำมันหรือเพลิง เติมอากาศเข้าไปเดี๋ยวก็ระเบิดอีกโดยตนได้สั่งการไปแล้วว่าอย่าให้เกิดเหตุกับสถานที่ราชการ ถ้าเกิดก็ต้องมีเรื่องสอบสวนกัน แต่เห็นใจว่าแต่ละหน่วยมีงบประมาณจำกัดอย่างไรก็ต้องหาทางออกให้ได้
ด้าน พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า จากการก่อเหตุในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส อะไรที่เป็นมาตรการทางสากลที่เขาขอความร่วมมือจากประเทศต่าง ๆ ในการป้องกันการก่อเหตุร้าย เราก็ให้ความร่วมมือกับนานาประเทศเหมือนกับประเทศอื่น ๆ แต่ประเทศไทยไม่ได้เป็นคู่ขัดแย้งโดยตรง สิ่งหนึ่งที่นายกฯ เน้นย้ำคือ ในช่วงโอกาสต่อ ๆ ไป ทั้งเทศกาลลอยกระทง และกิจกรรมต่าง ๆ มากมายในช่วงท้ายปี เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และภาครัฐ ดำเนินการกันอย่างเต็มที่อยู่แล้ว และเอกชน ประชาชนต้องช่วยกันเป็นหูเป็นตา สอดส่องดูแล สิ่งที่นายกฯเน้นย้ำ ไม่ได้ต้องการให้เกิดความตื่นตระหนก แต่ต้องการให้ทุกคนร่วมมือร่วมใจกัน เพื่อให้มาตรการทั้งหลายเกิดผลสำเร็จ
ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรี ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบ ถึงผลของการลงพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยระบุว่า ในพื้นที่ได้กล่าวถึงนโยบายประชารัฐค่อนข้างมาก ซึ่งนายกฯมั่นใจว่า นโยบายที่ลงไปจากส่วนกลางชัดเจน ไม่คลาดเคลื่อนไปจากที่รัฐบาลกำหนด แต่ขณะเดียวกัน ในระดับแนวระนาบที่ต้องอาศัยข้าราชการในพื้นที่ไปพูดคุย ประสาน ให้คำแนะนำ หรือชี้แจงนั้น ยังมีปัญหา นายกฯจึงสั่งการให้กระทรวงที่เกี่ยวข้อง ร่วมกับกระทรวงมหาดไทย โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัดไปกำกับดูแลเจ้าหน้าที่เหล่านี้ เพื่อให้มีการชี้แจง หรือเสนอแนะประชาชนให้เป็นรูปธรรม