โฆษกกลาโหม เผยที่ประชุม รมต.กลาโหมอาเซียน ไม่เป็นทางการ เห็นพ้องภัยคุกคามภูมิภาคมีเรื่อง ภัยพิบัติ ก่อการร้าย อาชญากร ยาเสพติด ค้ามนุษย์ และไซเบอร์ หวังเชื่อใจระหว่างกัน ขับเคลื่อนความร่วมมือด้านความมั่นคงอย่างเป็นรูปธรรม ชี้ สหรัฐฯ และ จีน มีบทบาทสำคัญพัฒนา จ่อร่วมจัดตั้งกองกำลังอาเซียน สนองภัยพิบัติร่วม ชมไทยริเริ่มตั้งศูนย์แพทย์ทหาร ก่อนลงนามร่วมจัดตั้งกลไกฮัลโหลสายตรงระหว่างรัฐมนตรี
วันนี้ (3 พ.ย.) พล.ต.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมคณะ ได้เข้าร่วมประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ (ADMM Retreat) ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ สหพันธรัฐมาเลเซีย มีสาระสำคัญของการประชุมดังนี้ รัฐมนตรีกลาโหมของสมาชิกอาเซียน ได้แลกเปลี่ยนทัศนะประเด็นความมั่นคงของภูมิภาคร่วมกัน โดยมองว่าภัยคุกคามที่สำคัญของภูมิภาคที่จำเป็นต้องร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด ประกอบด้วย ภัยพิบัติทางธรรมชาติ ภัยจากการก่อการร้าย และกลุ่มหัวรุนแรง อาชญากรข้ามชาติ ยาเสพติด การค้ามนุษย์ และภัยคุกคามจากไซเบอร์
โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า พัฒนาการของการประชุม เป็นกลไกที่สำคัญในการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกันและขับเคลื่อนผลักดันความร่วมมือด้านความมั่นคงของภูมิภาคที่เป็นรูปธรรมอย่างเด่นชัด ทั้งความร่วมมือทางทะเล การแพทย์ทหาร การรักษาสันติภาพ การต่อต้านการก่อการร้าย การปฏิบัติการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม การช่วยเหลือมนุษยธรรมและการบรรเทาภัยพิบัติ การบูรณาการทำงานร่วมกันที่จะตอบสนองภัยคุกคามในอนาคต มีความจำเป็นต้องยืดหยุ่นต่อสถานการณ์ และให้ความสำคัญกับปัญหาการค้ามนุษย์ การแก้ปัญหายาเสพติด รวมทั้งการแก้ปัญหาการก่อการร้ายและกลุ่มนิยมความรุนแรงมากขึ้น เน้นบทบาทการมีส่วนร่วมของภาคประชาสังคมมากขึ้น โดยจำเป็นต้องให้ความรู้และพัฒนาคนรุ่นใหม่เพื่อทำงานร่วมกันในอนาคต
โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า ปัญหาทะเลจีนใต้ มีความสำคัญต่อความมั่นคงของภูมิภาคอาเซียน ที่ต้องคงไว้ซึ่งเสรีในการเดินเรือและการเดินอากาศของทุกประเทศ โดยจำเป็นต้องส่งเสริมบรรยากาศของความไว้เนื้อเชื่อเพื่อพัฒนาปฏิญญาว่าด้วยแนวปฏิบัติของภาคีในทะเลจีนใต้ (Declaration on the Conduct) ที่ลงนามร่วมกันไว้แล้วเมื่อปี 45 สู่การจัดทำแนวปฏิบัติในทะเลจีนใต้ (Code of Conduct) ด้วยกรอบเวลาที่กำหนดร่วมกันต่อไป อาเซียนยังเห็นร่วมกันว่า สหรัฐฯ และจีน เป็นประเทศที่มีบทบาทที่สำคัญในการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพของอาเซียน การประชุม รมว.กห.อาเซียน กับประเทศคู่เจรจาทั้งสองประเทศอย่างไม่เป็นทางการ จึงมีความสำคัญ เพื่อรักษาดุลยภาพ ผลประโยชน์และความมั่นคงของภูมิภาค นอกจากนั้น ยังเห็นร่วมกันที่จะร่วมมือกันจัดตั้งกองกำลังของอาเซียน ในการตอบสนองต่อการบรรเทาภัยพิบัติร่วมกัน พร้อมทั้งขอบคุณและชื่นชมไทยในความริเริ่มจัดตั้งศูนย์แพทย์ทหารอาเซียน และกำหนดให้มีการฝึกร่วมด้านการแพทย์ทหารและด้านการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและบรรเทาภัยพิบัติในปี 59 ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อภูมิภาคอาเซียนในภาพรวม
โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า พล.อ.ประวิตร ได้ใช้โอกาสนี้กล่าวขอบคุณที่ประชุม ที่สนับสนุนและให้ความร่วมมือในการจัดตั้งศูนย์แพทย์ทหารและการฝึกร่วมกันในปี 59 ที่จะเกิดขึ้น พร้อมทั้งกล่าวว่า ความมีเสถียรภาพ สันติภาพ และความมั่นคงของภูมิภาค เกิดจากรูปแบบและกลไกความร่วมมือด้านความมั่นคงที่แน่นแฟ้น ทั้งการประชุม รมว.กห.อาเซียน การประชุม ผู้บัญชาการทหารสูงสุดอย่างไม่เป็นทางการ และการประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพที่ผ่านมา ประเทศไทยสนับสนุนการเสริมสร้างความร่วมมือของฝ่ายทหารควบคู่กับการสร้างความมั่นคงกับภาคส่วนอื่น ๆ ของภูมิภาค ขณะเดียวกัน รัฐบาลไทยให้ความสำคัญต่อการรักษาความมั่นคง และความมีเสถียรภาพของประเทศ การพัฒนาศักยภาพและขีดความสามารถร่วมกันของสมาชิกอาเซียนจะเป็นกลไกสำคัญที่ตอบสนองต่อความท้าทายด้านความมั่นคงของภูมิภาคร่วมกันอย่างมีเสถียรภาพ
โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า หลังจากนั้น ที่ประชุมได้ลงนาม Direct Communication Links ร่วมกัน เพื่อจัดตั้งกลไกการติดต่อสื่อสารสายตรงของ รมว.กห. ทุกประเทศสมาชิกร่วมกัน สำหรับการประสานงานติดต่อตรงระหว่างกัน ในการลดปัญหาที่อาจขยายตัวจากความเข้าใจผิดจนกระทบต่อผลประโยชน์ของภูมิภาคในภาพรวม