คำสั่งศาล ปค. ยกคำขอไม่ระงับกฎมัสต์แครี่ ตามที่ผู้ประกอบเคเบิลท้องถิ่นฟ้อง เหตุกสทช. ยังอยู่แค่ระหว่างสำรวจผลกระทบและยังไม่มีการดำเนินการบังคับใช้ตามมาตรการ
วันนี้ (30 ต.ค.) ศาลปกครองกลาง มีคำสั่งยกคำขอทุเลาการบังคับใช้มติคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เมื่อวันที่ 3 มิ.ย. 58 ที่กำหนดให้ผู้ให้บริการโครงข่ายโทรทัศน์ระบบเคเบิลทุกรายต้องเผยแพร่บริการโทรทัศน์ที่เป็นการทั่วไปประเภทบริการสาธารณะและประเภทกิจการทางธุรกิจของผู้ประกอบกิจการดิจิตอลทีวีทั้งหมดทุกช่องจำนวน 24 ช่องให้ครบถ้วน และทีวีบริการสาธารณะจำนวน 12 ช่อง รวม 36 ช่อง โดยต้องออกอากาศเรียงตามลำดับหมายเลขช่องอย่างต่อเนื่อง หรือกฎ “มัสต์แครี่” ภายใน 15 วัน นับแต่วันได้รับแจ้ง หากฝ่าฝืนต้องชำระค่าปรับทางปกครองในอัตราวันละไม่เกิน 2 หมื่นบาท หรือถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาต ตามที่บริษัท ซุปเปอร์เช็ง ปทุมธานี จำกัด และพวกรวม 97 ราย ซึ่งเป็นผู้ประกอบกิจการเคเบิลทีวีท้องถิ่น ได้ยื่นฟ้องคดีขอเพิกถอนคำสั่งดังกล่าว และระหว่างการพิจารณาคดีได้ขอให้ศาลสั่งระงับใช้มติดังกล่าวไว้ก่อนจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาถึงที่สุด
โดยเหตุที่ศาลมีมติยกคำขอทุเลาการบังคับใช้มติ กสทช. ดังกล่าว เนื่องจากในการไต่สวนคู่กรณี ได้ข้อมูลว่า ปัจจุบัน กสทช. ยังไม่ได้ใช้มาตรการทางปกครองกับฝ่ายผู้ถูกฟ้องคดีทั้ง 97 ราย โดยอยู่ระหว่างการตรวจสอบผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการปฏิบัติตามมติของ กสทช. และหากผู้ฟ้องคดีรายใดมีปัญหาในการดำเนินการตามมติดังกล่าวก็สามารถแจ้งขอยกเว้นการปฏิบัติตามมติ กสทช. ได้ กรณีจึงยังไม่เป็นเหตุสมควรที่ศาลจะไปสั่งระงับการใช้มติดังกล่าวเพื่อไม่ให้ กสทช. ปรับ หรือพักใช้ หรือเพิกถอนใบอนุญาตการประกอบกิจการเคเบิลทีวีของผู้ฟ้องคดี
