ศาลปกครองกลางไต่สวนคดีเคเบิลทีวีฟ้อง กสทช.ออกกฎมัสต์แครีปรับวันละ 2 หมื่นหากไม่นำช่องดิจิตอล-สาธารณะไปรวม ชี้ไม่ชอบด้วย กม. ไม่เป็นธรรม โวยทีวีดิจิตอลเป็นคู่แข่งแต่กลับต้องไปหนุน เสี่ยงเลิกกิจการ ย้อนแต่ก่อนไม่ระบุแบบนี้ ฉะไปตกลงกับทีวีดิจิตอลแล้วทำไม่ได้เลยบีบเคเบิลแทน กสทช.แจงยึดตามกฎ ทำไม่ได้ต้องทำหนังสือแจ้ง รับกำลังสอบข้อเท็จจริงติดตั้งเคเบิล ยังไม่บังคับใช้ทางปกครอง
วันนี้ (1 ก.ย.) ศาลปกครองกลางออกนั่งบัลลังก์ไต่สวนคดีที่บริษัท ซุปเปอร์เชง ปทุมธานี และผู้ประกอบการเคเบิลทีวีท้องถิ่นทั่วประเทศรวม 97 ราย และสมาคมการค้าผู้ประกอบการเคเบิลทวีและพวกรวม 20 ราย ยื่นฟ้องสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กับพวกรวม 3 รายเพื่อขอให้เพิกถอนมติ กสทช.เมื่อวันที่ 3 มิ.ย. 58 ที่กำหนดแนวปฏิบัติในการเผยแพร่บริการโทรทัศน์ที่เป็นการทั่วไป (มัสต์แครี่)สำหรับผู้ให้บริการโครงการข่ายโทรทัศน์เคเบิลทีวี โดยให้ผู้ประกอบการเคเบิลทีวีต้องนำช่องทีวีดิจิตอล 24 ช่อง และช่องสาธารณะ 12 ช่องไปรวมอยู่ในช่องรายการของเคเบิลทีวีแต่ละสถานีอย่างครบถ้วนและเรียงช่องตามหมายเลขที่ กสทช.กำหนดภายใน 15 วัน หากไม่ดำเนินการก็จะมีการปรับวันละ 2 หมื่นบาท ซึ่งมีตัวแทนผู้ประกอบการพร้อมทนายผู้รับมอบอำนาจเข้าให้ถ้อยคำ ขณะที่ฝ่าย กสทช.มีนายสมบัติ ลีลาพตะ รักษาการรองเลขาธิการสำนักงาน กสทช.เข้าไปไต่สวน
หลังไต่สวนนาน 3 ชั่วโมง นายนวมงคล คูสกุล ทนายความผู้รับมอบอำนาจจากผู้ประกอบการเคเบิ้ลทีวี 97 ราย กล่าวว่า ได้ชี้แจงให้ศาลเห็นว่ามติ กสทช.ดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่เป็นธรรมกับผู้ประกอบการ ไม่ก่อให้เกิดการแข่งขันอย่างเสรีตามนโยบายของ กสทช. เพราะถ้าดำเนินการตามมติ ผู้ประกอบการต้องเสียค่าใช้จ่ายในการพัฒนาโครงข่ายสถานีละ 3-5 ล้านบาท แต่กลับได้สิ่งที่ไม่สมเหตุสมผล เพราะทีวีดิจิตอลถือเป็นคู่แข่งทางธุรกิจของผู้ประกอบการเคเบิลทีวี ขณะที่โครงข่ายเคเบิลทีวีเป็นโครงข่ายที่ผู้ประกอบการลงทุนสร้างกันเอง แต่กลับต้องมาสนับสนุนคู่แข่งโดยที่ไมได้รับค่าตอบแทนในการใช้โครงข่ายเลย อีกทั้งเคเบิลเป็นระบบบอกรับสมาชิก หากบังคับให้ต้องนำช่องดิจิตอลทั้งหมดมาไว้ในช่องรายการเคเบิลทีวีด้วยต่อไปก็จะไม่มีใครมาเป็นสมาชิก สุดท้ายผู้ประกอบการเคเบิ้ลก็ต้องเลิกกิจการไป
“ที่ผ่านมาตอนปี 55 ที่ กสทช.ออกกฎมัสต์แครี ครั้งแรกก็ระบุให้เป็นสิทธิของผู้ประกอบการเคเบิลทีวีจะเลือกนำบางช่องดิจิตอลมาไว้ในช่องรายการของเคเบิลได้ แต่วันนี้ก็กลับมาบอกว่ามีอำนาจที่จะออกมติ 3 มิ.ย. ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะตอนเปิดประมูลไปตกลงไว้กับทีวีดิจิตอลอย่างไร จนแต่ละช่องมายื่นประมูลราคาสูง แล้วสุดท้ายกสทช.ก็ทำให้เขาไมได้ จนต้องมาบังคับผู้ประกอบการเคเบิลทีวีให้ต้องช่วยทีวีดิจิตอลโดยที่ช่องเคเบิลไม่เคยได้รับมาตราช่วยเหลือเยียวยาจาก กสทช.เหมือนกับช่องดิจิตอลเลยด้วยซ้ำ”
นายสมบัติ ลีลาพตะ รักษาการรองเลขาธิการ กสทช.กล่าวว่า กรณีนี้หากผู้ประกอบการเคเบิลทีวีที่ไม่สามารถปฏิบัติตามกฎมัสต์แครีได้ จะต้องทำหนังสือ และระบุเหตุผลมาที่ กสทช.เพื่อให้พิจารณาขอยกเว้น แต่ถ้ายินดีทำปฏิบัติตามจะต้องนำทุกช่องดิจิตอลไปออกอากาศโดยไม่มีการยกเว้น หรือเลือกช่องใดช่องหนึ่ง ล่าสุดบอร์ด กสท.ได้มอบหมายให้สำนักงาน กสทช.ไปตรวจสอบขั้นตอนและข้อเท็จจริงของกระบวนการติดตั้งโครงข่ายเคเบิลทีวีเพื่อรองรับช่องดิจิตอล เพื่อนำมารายงานต่อบอร์ด กสท. คาดว่าจะได้ข้อสรุปในเดือนกันยายนนี้ และ กสทช.ยังไม่ได้บังคับใช้ทางปกครองกับเคเบิลดาวเทียม
ส่วนกรณีที่ ก่อนหน้านี้ กสทช.เคยมีมติให้เคเบิลทีวีสามารถเลือกนำช่องทีวีดิจิตอลมาออกอากาศได้ แต่ล่าสุดเมื่อมีปัญหากับผู้ประกอบการทีวีดิจิตอล กลับบังคับให้นำทุกช่องทีวีดิจิตอลมาออกอากาศ โดยที่ กสทช.ไม่ได้ออกมาตรการเยียวยาให้ผู้ประกอบการเคเบิลทีวีนั้น รักษาการรองเลขาธิการ กสทช.ยืนยันว่า ไม่เกี่ยวข้องกัน เพราะ กสทช.ยึดตามประกาศมัสต์แครี