เกาะกระแส
00 การออกมาพูดในทำนองเบรกคนเสื้อแดงไม่ให้ออกมาในวันที่ 1 พ.ย.ของ ทั่นประธานใหญ่ จตุพร พรหมพันธุ์ โดยอ้างว่าเป็นแผนทำลายเพื่อจะ"เชือด"อย่างเป็นทางการ แถมยังกล่าวหาอีกในทำนองว่าคนที่ออกมาล้วนเป็นพวก"แดงเทียม"ไปทางนั้นเสียอีก ขณะที่แกนนำอีกบางพวก ไม่ว่าจะเป็น เหวง โตจิราการ วรชัย เหมะ ก็ล้วนยุยงให้ออกมา แต่เมื่อสวนทางกันแบบนี้มันก็มองเป็นอย่างอื่นไม่ได้นอกจากนี่คือรายการ "ชิงดีชิงเด่น" ซึ่งหากใช้คำพูดให้สุภาพที่สุด แต่มีความหมายเดียวกันก็คือเป็นการแย่งกันหาทางยืนอยู่แถวหน้าของบรรดา"ลูกน้อง"
00 เพราะต้องไม่ลืมว่าคนพวกนี้ที่มีวันนี้ก็เพราะการเข้าไป"รับใช้"กันสุดชีวิต เพื่อได้มาซึ่งสถานะในปัจจุบัน บางคนได้รับรางวัลเป็นถึงรัฐมนตรี มีตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งหาไม่ได้ที่อื่น บางคนเกิดหรือมีภูมิลำเนาในภาคใต้ แต่ไม่เคยลงสมัคร สส.ในบ้านของตัวเอง ไม่ได้รับความศรัทธาในวงกว้าง สรุปให้เข้าใจกันก็คือบรรดาแกนนำคนเสื้อแดงเท่าที่เห็นกันอยู่ล้วนมีที่มาในระนาบเดียวกันแล้วหากใช้คำสุภาพเรียกขานเปรียบเทียบก็คือพวกเขาล้วนเป็น"ลูกน้อง"ระดับชั้นปลายแถว ไม่ใช่ระดับชั้นใกล้ชิด ดังนั้นหากเรียกร้องหาความสำคัญก็ต้องมีรายการ"ม็อบ" และตามมาด้วย"ค่าใช้จ่าย" และคราวนี้หากสังเกตคนที่ปลุกม็อบคนเสื้อแดงก็ไม่ได้ออกมาจากปากของแกนนำอย่าง จตุพร พรหมพันธุ์ ซึ่งเป็นประธานนปช.หรือ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แต่มาจากคนอื่น คำถามที่ตามมาก็คือหากมีการม็อบเสื้อแดงออกมาจริงใครจะเป็นคนอำนวยความสะดวก และใครเป็นคน"รับงาน"ซึ่งต้องมีค่าใช้จ่ายเสมอ ปัญหามันอยู่ตรงนี้แหละ !!
00 ขณะเดียวกันอีกมุมหนึ่งรายการแบบนี้มันเป็นเรื่อง"ซีเรียส"สำหรับ คสช.ล่าสุดก็มีเสียงเตือนออกมาดังๆจาก "พี่ใหญ่"พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคงและรมว.กลาโหมว่า"อย่าทำ"และส่งเสียงเข้มว่าหากมีรายการแบบนี้ "แกนนำต้องรับผิดชอบ" ซึ่งแม้ว่าจะไม่มีคำอธิบายออกมาให้ชัดเจน แต่ในสถานการณ์"พิเศษ"แบบนี้ มันน่าหวาดเสียวเหมือนกัน เพราะมันไม่ใช่มีผลเฉพาะเรื่องของคดีติดตัวเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการ"อายัดทรัพย์สิน" ห้ามทำธุรกรรมทางการเงิน อย่างหลังนี่สิยุ่งแน่ รายการแบบนี้มันอาจทำให้บรรดาพวกที่ถูก"หมายหัว"เอาไว้ต้องรีบชิ่งเอาไว้ก่อนหรือเปล่า !!
00 แน่นอนว่าใครก็ตามที่สัมผัสกัยมวลชนอย่างแท้จริงก็ต้องรับรู้ถึงบรรยากาศว่ามันเป็นใจแค่ไหน เชื่อว่าเวลานี้บรรดาแกนนำแดงหลายคนคงจะรับรู้กันดี รับรองว่ามันถดถอย ไม่เหมือนเดิม อีกทั้งการระดมมวลชนออกมาชนกับกระบวนการยุติธรรม มันก็ยิ่งตลก และยิ่งตกเป็น"เบี้ยล่าง"ขาดความชอบธรรม ยิ่งนานยิ่งน่าหัวร่อ ยิ่งฝ่ายรัฐบาลและ คสช.ยืนยันว่าการดำเนินคดีกับทั้ง ทักษิณ ชินวัตร และ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ล้วนเป็นไปตามขั้นตอนตามกฎหมาย ไม่ทำนี่สิจะโดนข้อหาละเว้น อย่างคดีที่จะออกคำสั่งทางการปกครองบังคับทางแพ่งกับ ยิ่งลักษณ์ กรณีเกิดความเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าวนั้น ก็ได้รับการยืนยันจาก รองนายกฯฝ่ายกฎหมาย วิษณุ เครืองาม ว่าเพื่อป้องกันคดีหมดอายุความในสองปี จึงต้องทำตามกฎหมาย และที่ผ่านมาตามกระบวนการก็เปิดโอกาสให้มีการชี้แจงตามขั้นตอนอยู่แล้ว อีกทั้งหากมีการโต้แย้งคดีก็จะไปสู่ศาลปกครองอยู่ดี
00 ขณะเดียวกันเมื่อพิจารณาจากรูปมวยของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช.ในเวลานี้ที่เก็บตัวเงียบ สงบปากสงบคำ ไม่ยอมพูดให้"พลาด"จนอาจตกเป็นเหยื่อนำไปขยายความให้บานปลายแบบ"น้ำผึ้งหยดเดียว"มันก็ไม่มีเงื่อนไขเพิ่มขึ้นมา ดังนั้นเมื่อพิจารณาจากบรรยากาศ และเงื่อนไขแล้วมันไม่เป็นใจ ทำยาก อีกทั้งอาจเป็นรายการ"แย่งกันเอาใจนาย"มันก็เลย"ไม่เป็นขบวน"อย่างที่เห็นนั่นแหละ !!
