เกาะกระแส
00 พูดตรงๆว่ายังตื่นเต้นกับข้อความในสารจากใจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคสช. ที่ส่งถึงประชาชนเมื่อวันก่อน เพราะเท่ากับว่า รัฐบาลและคสช.ได้เปิดศึกชน"ระบอบทักษิณ" อย่างเต็มตัว ชัดเจนไม่อ้อมค้อมกันอีกต่อไป เป็นการระบุตรงตัวกันไปเลยว่า ที่ผ่านมามีคนกลุ่มนี้เท่านั้นที่สร้างความแตกแยก ทำลายสถาบันฯ ตอนที่เป็นรัฐบาลก็ทุจริต ขาดธรรมาภิบาล ขณะเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ ก็ยืนยันในหลักการว่า จะไม่นิรโทษหรือปรองดองกับคนที่ทำผิดกม. หรือคนที่หลบหนีคดี ไม่ว่าคนๆนั้น จะหลบหนีอยู่ในประเทศ หรือนอกประเทศ
00 ในสารดังกล่าว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังได้ให้กรอบ และแนวทางรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่เน้นเรื่องการถ่วงดุล การป้องกันทุจริต ซึ่งหลังจากมีการกล่าวถึงเรื่อง"เผด็จการรัฐสภา" เรื่องสิทธิเสรีภาพเกินขอบเขต ทำให้มั่นใจว่า เรื่องดังกล่าวจะต้องมีวิธีการบรรจุอยู่ในรธน.ฉบับใหม่ และเชื่อมือ มีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการยกร่างฯ ที่ถือว่าเป็นมืออาชีพ จะให้เลี้ยวไปทางไหนก็ได้ทังนั้น
00 ข้อความในสารจากใจดังกล่าว รวมไปถึงแนวทางในการยกร่างรธน. มองออกได้ทันทีว่า ต้องเป็นภัยกับ ทักษิณ ชินวัตร และเครือข่ายโดยตรง ทั้งตัวเนื้อหาที่คาดเดาว่า ต้องจำกัดขีดเส้นห้ามนักการเมืองที่เคยต้องคดีทุจริตลงสนามการเมืองตลอดชีวิต อีกทั้งเมื่อพิจารณาจาก มาตรา 35 ในรธน.ชั่วคราวปี 57 ที่เป็นกรอบโรดแมป ที่ต้องเดินตามเคร่งครัดก็มีระบุถึงเรื่องดังกล่าวชัดเจน เดินออกนอกกรอบไม่ได้ มันก็ยิ่งชัด เลี่ยงไม่ได้ ยิ่งได้ยินเสียง มีชัย ฤชุพันธุ์ ยกตัวอย่างกรณีที่นักศึกษาทุจริตในห้องสอบยังถูกตัดสิทธิ์เข้ามหาวิทยาลัยตลอดชีวิต ซึ่งทำไมห้ามนักการเมืองห้ามลงสนามตลอดชีวิตแบบนั้นบ้างไม่ได้ แต่แน่นอนว่านักการเมืองที่โกง ที่ทำลายความมั่นคงล้วนเป็นพวกไหน มันก็ชัดอยู่แล้ว !!
00 เรื่อง"กองกำลังทราบฝ่าย" นี่ก็ถือว่าเป็นครั้งแรก แม้ว่าจะไม่ได้ระบุตรงๆว่า "ฝ่ายไหน" คือฝ่ายไหน แต่สำหรับคนที่ติดตามสถานการณ์มาอย่างต่อเนื่องก็คงรับรู้มาตั้งนานแล้วว่า คนพวกนี้เป็นพวกไหนและใครฝึกมา ใครติดอาวุธมา เพียงแต่ว่าที่ผ่านมาพยายาม "บิดเบือน"ไม่ยอมพูดความจริงกัน รู้ทั้งรู้ว่าคนพวกนี้เคยแอบหลังมวลชนคนเสื้อแดงลอบทำร้ายเจ้าหน้าที่ ที่แยกคอกวัว เมื่อวันที่ 10 เมษาฯ 53 ก่อความรุนแรงมาอย่างต่อเนื่อง และหากจำกันได้ ก่อนหน้านี้เมื่อราวปีก่อน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เคยระบุเอาไว้แล้วว่า มีหลักฐานภาพถ่ายเหตุการณ์ "ในวัดปทุมฯ" ว่าเป็นฝีมือใคร แต่ก็เงียบหายไป จนมาถึงวันนี้ที่มีการพูดกันตรงๆว่า "กองกำลังทราบฝ่าย" หนุนฝ่ายไหน !!
00 การระบุแบบนี้มองได้หลายแบบ ทางหนึ่งอาจเหลืออด ที่ยังเห็นการเคลื่อนไหวของคนพวกนี้ไม่ยอมหยุด หรืออีกทางหนึ่งเห็นว่า ถึงเวลาแล้วที่ต้อง"จัดการให้สิ้นซาก" เพราะคนพวกนี้ เครือข่ายพวกนี้ ล้วนเป็นภัยกับความมั่นคง เป็นภัยต่อรัฐบาล และขัดขวางความสงบในบ้านเมือง จำเป็นต้องพูดความจริงให้ชาวบ้านได้ "ตาสว่าง" มากกว่านี้หรือเปล่า !!
00 ได้เห็นเหตุการณ์จลาจลที่ สภ.ถลาง ภูเก็ต เมื่อสองวันก่อน ที่มีการบุกเผาทำลายรถยนต์ และทรัพย์สินทางราชการ มีผู้บาดเจ็บกันหลายราย แม้ว่าต้องสอบสวนทวนความ หาคนทำผิดกฎหมายมาลงโทษกันต่อไปก็ตาม แต่สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากวัยรุ่นเสียชีวิตสองราย จนบานปลายใหญ่โต มองแวบแรกก็เข้าใจได้ทันที ส่วนสำคัญที่สุดก็คือ "ความไม่ชอบตำรวจ" ความระแวงตำรวจ หรือหากจับความรู้สึกตรงๆ ก็คือ "ความเกลียดตำรวจ" นั่นแหละ นี่ต้องยอมรับความจริง ถึงความรู้สึกสะสมมานาน ซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องสี ว่าจะเป็นสีใด เพียงแต่ว่าที่ผ่านมาเรารับรู้กันถึง "ตำรวจมะเขือเทศ" ที่รับใช้และมีผลประโยชน์ร่วมกับ "ระบอบทักษิณ" แต่เชื่อเถอะว่า ความรู้สึกร่วมพวกเขาก็ยังไม่ไว้ใจตำรวจอยู่ดี ซึ่งด้วยระบบที่เป็นอยู่นี่ต่างหากที่ทำให้เป็น ซึ่งต่อให้ทหารมาทำหน้าที่ตำรวจในระบบปัจจุบัน มันก็ถูก"เกลียดชัง" ไม่ต่างกัน ดังนั้นการ "ปฏิรูปตำรวจ" จึงเป็นหนทางที่จำเป็น และเร่งด่วนที่สุด !!
00 ที่จริงก็ไม่ได้ซับซ้อนอะไร การปฏิรูปตำรวจมีหลายคนที่ศึกษาเอาไว้แล้ว ซึ่งเชื่อว่าเข้าท่าเกือบทั้งสิ้น นั่นคือระบบการกระจายอำนาจ ไม่ใช่กระจุกตัวอยู่กับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเพียงคนเดียว และทำอย่างไรให้เป็น "อิสระ" ปลอดจากการเมือง ให้ตำรวจมีสวัสดิการดี ไม่ต้องมียศตำแหน่งมากมาย ก็ลองไปคิดกันแล้วกัน เพียงแต่ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะกล้าดำเนินการ "หัก" เรื่องแบบนี้อีกหรือเปล่า และการที่ ผบ.ตร. คนปัจจุบัน คือ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา และคนก่อนคือ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ที่ต้องการทำให้ "ชาวบ้านรักตำรวจ" นั้นมันเป็นไปไม่ได้หรอก หรือถ้าทำได้ แต่ มันไม่มีหลักประกันอะไร หากโครงสร้างยังเป็นแบบนี้ เมื่อหัวขบวนเปลี่ยน กลายเป็น"คนชั่ว" เป็นทาสนักการเมืองมันชั่ว ชาวบ้านพึ่งพาไม่ได้อีกนั่นแหละ !!