“ประยุทธ์” ชี้ เศรษฐกิจโลกชะลอตัวกระทบไทย เพราะที่ผ่านมาไม่เคยสร้างความเข้มแข็งให้ตัวเอง เคยชินแต่รอให้รัฐอุดหนุน ย้ำยังไม่เคยสั่งเดินหน้า Single Gateway แค่ให้ไปศึกษา หากละเมิดสิทธิไม่ทำเด็ดขาด ปัดใช้ปิดหูปิดตาประชาชนเพื่อสืบอำนาจ โวยพวกประท้วง F5 ไร้ประโยชน์ แนะสร้างสรรค์หาทางป้องกันภัยคุกคามทางเน็ตดีกว่า บ่นสื่อเลือกข้างโจมตีไม่เลิก วอนสื่อรุ่นใหม่ยึดจรรยาบรรณ
วันนี้ (9 ต.ค.) เมื่อเวลา 20.15 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวในรายการคืนความสุขให้คนในชาติ ออกอากาศทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทยตอนหนึ่ง ถึงแนวนโยบายด้านเศรษฐกิจของรัฐบาล ว่า ขอให้ทุกคนเชื่อมั่นในพื้นฐานเศรษฐกิจไทย ทุกประเทศกำลังเผชิญปัญหาเศรษฐกิจเช่นเดียวกับเรา ต่างชาติเข้าใจและยังมีความเชื่อมั่น ขอให้ทุกคนร่วมแรงร่วมใจกันฟันฝ่าอุปสรรค เพื่อให้เราผ่านพ้นห้วงนี้ไปให้ได้ โดยรัฐบาลมีนโยบายปรับโครงสร้างเศรษฐกิจใหม่ทั้งหมด โดยเพิ่มการค้าขายกับประเทศเพื่อนบ้าน อาเซียน แสวงหาความร่วมมือและตลาดใหม่ ๆ รวมทั้งพัฒนาในรูปของการสร้างนวัตกรรมนำไปสู่การผลิตที่ใช้เทคโนโลยีให้มากขึ้น มีข้อมูลจากหลายภาคส่วนที่ประเมินมาทั้งในไทย และในต่างประเทศ สรุปได้ว่า ปัญหาเศรษฐกิจไทยนั้น ปัจจุบันเกิดจากหลายสาเหตุด้วยกัน เริ่มจากการที่เราพึ่งพาการส่งออกเป็นหลัก แต่ไม่มีสินค้าและนวัตกรรมใหม่ ๆ อีกทั้งยังราคาสูง เนื่องจากต้นทุนการผลิตและค่าแรงเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคนี้ ที่ผลิตสินค้าแบบเดียวกัน
นายกฯกล่าวต่อว่า อีกอย่างหนึ่งคือประเทศไทยยังขาดแบรนด์ที่ได้รับความนิยมสูง จึงต้องเร่งให้มีการสร้างแบรนด์ใหม่ ๆ ที่มีอัตลักษณ์ของความเป็นไทย ที่ไม่มีใครเหมือน เป็นจุดขาย ปัญหาอีกประการหนึ่ง คือ เศรษฐกิจระดับฐานรากยังไม่เข้มแข็ง โดยเฉพาะเกษตรกรและผู้มีรายได้น้อย ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ปัญหาภัยแล้ง ราคาผลผลิตตกต่ำ และนโยบายของภาครัฐที่ผ่าน ๆ มานั้นยังไม่ได้แก้ไข นอกจากนี้ ยังขาดความเชื่อมโยงระหว่างการผลิตภัณฑ์กับการตลาดอุปสงค์อุปทานที่ไม่สมดุลกันด้านวัตถุดิบ ปัจจัยการผลิต การกระจายสินค้าในตลาดชุมชน ในท้องถิ่น ในภูมิภาค และประชาคมโลกด้วย ขณะที่การทุจริตคอร์รัปชันซึ่งทำให้การพัฒนาประเทศที่ผ่านมานั้นถดถอยไปมาก ก็กำลังอยู่ในขั้นตอนกระบวนการยุติธรรม ในส่วนของการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน ที่ผ่านมานั้นก็ยังไม่เอื้ออำนวยต่อการประกอบธุรกิจอื่น ๆ เท่าที่ควร
“ไม่ใช่เรื่องง่ายนะครับ กับการที่เราอาจจะไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องเหล่านี้มานานหลายปี จนเมื่อเกิดปัญหาเศรษฐกิจโลกชะลอตัว เราก็เกิดความเดือดร้อนไปด้วย เพราะเราไม่สร้างความเข้มแข็งให้ตนเอง รัฐบาลต้องพยายามสร้างความเข้าใจกับเอกชน ประชาสังคม ประชาชน ซึ่งอาจจะเคยชินนะครับ กับการแก้ปัญหาโดยเงินอุดหนุนจากรัฐบาล อาจจะเป็นการรักษาคะแนนนิยม หรือแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปเรื่อย ๆ ส่วนผลสัมฤทธิ์ที่ยั่งยืนนั้น เป็นรูปธรรมได้น้อยมากนะครับ ต้องมีการปรับปรุงกฎหมายให้ทันสมัย เพื่อจะลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเป็นธรรมให้ได้นะครับ เห็นใจพี่น้องประชาชนผู้มีรายได้น้อย” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ด้วยว่า เป็นทั้งวิกฤตและโอกาส ถ้าหากว่าเราไม่เข้มแข็งเพียงพอ ไม่เริ่มกันตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป โอกาสก็จะกลายเป็นวิกฤตทันที จากการที่เราเป็นศูนย์กลางของอาเซียนในปัจจุบัน สิ่งที่รัฐบาลต้องการคือสร้างความร่วมมือระหว่างรัฐ เอกชน ประชาสังคมและประชาชน ที่เดิมอาจจะมีน้อยเกินไปบ้าง เพราะไม่เข้าใจกัน และวิธีการแก้ปัญหาอาจจะไม่เหมือนกับที่เราทำเวลานี้ ก็ต้องขอร้องพ่อแม่พี่น้องทั้งหลายให้เข้าใจสิ่งที่รัฐบาลจะทำต่อไป ก็คือ การสร้างความเข้มแข็งให้กับประเทศในทุกมิติ เพราะมีผลกระทบกับความมีเสถียรภาพ สร้างความมั่นใจไว้เนื้อเชื่อใจกับการลงทุน เราต้องขับเคลื่อนประเทศชาติตามยุทธศาสตร์ประชารัฐ โดยมีรัฐบาล เอกชน ประชาสังคม ประชาชน เดินไปด้วยกัน ร่วมมือกัน เพื่อช่วยกันหาเงินเข้าประเทศ นำมาใช้พัฒนาประเทศบรรเทาความเดือดร้อน ดูแลประชาชนที่มีปัญหา บวกกับการสร้างความเข้มแข็งอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ ในเรื่องของการใช้งบประมาณ รัฐบาลนี้จะพยายามไม่ใช้จ่ายงบประมาณในลักษณะประชานิยม เพราะบางสิ่งอาจเป็นเรื่องที่ดีแต่ก็สร้างปัญหากับงบประมาณของประเทศในอนาคต หากพวกเรายังไม่เข้าใจกัน แล้วก็ยังเรียกร้องให้มีการใช้จ่ายงบประมาณแบบเดิม ๆ ก็จะทำให้บ้านเมืองเราไม่สงบสุขด้วย หลายนโยบายของรัฐบาลนี้ถูกกล่าวว่า เป็นการทำประชานิยมเหมือนกัน แต่คงไม่ใช่ทั้งหมด บางเรื่องนั้นเป็นเรื่องที่ทำไว้แล้ว ก็จำเป็นต้องทำต่อ แต่บางเรื่องที่แก้ไขได้ ก็ต้องแก้ไข รัฐบาลนี้จะพยายามไม่สร้างปัญหากับงบประมาณของประเทศ เพราะไม่ต้องการให้ใครมาชอบผม ชอบรัฐ ต้องการให้ทุกคนเข้าใจรัฐมากกว่า
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมา เรามีปัญหาความขัดแย้งการประท้วงอย่างยาวนาน อันนี้มีผลกระทบกับการค้าการลงทุนของประเทศ แล้วก็ความสงบสุข ความมั่นคงของประเทศ ความมีเสถียรภาพทางการเมือง เพราะฉะนั้นการประท้วง หรือชุมนุมเรียกร้องใด ๆ ก็ขอให้ทุกคนได้คำนึงถึงกฎหมายที่มีอยู่ คำนึงถึงความเดือดร้อนของประชาชนที่ไม่เกี่ยวข้อง ทุกวันนี้เราต้องการความมีเสถียรภาพ ต้องการความสงบสุข ขอให้ทุกคนได้เข้าใจถึงปัญหาในอดีตที่ผ่านมาบ้าง อาจจะมีคนบางกลุ่มที่ยังคิดว่า คสช. และรัฐบาลนี้เข้ามาเพื่อจะแสวงหาอำนาจ และจะสืบทอดอำนาจ ก็พูดกันอยู่ทุกวัน ขอให้เลิกคิด เพราะอาจมีคนบางคนที่อาจจะไม่มีคุณธรรม จริยธรรม คิดแต่เพียงอย่างเดียวว่า จะปลุกปั่น บิดเบือนข้อเท็จจริง สร้างแต่ความเข้าใจผิด ให้กับประชาชน, เกษตรกร, ต่างประเทศ, องค์กรระหว่างประเทศได้อย่างไร โดยไม่ได้ดูความบกพร่อง หรือความผิดพลาดของตนเอง ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา รัฐบาลนี้เข้ามาแก้ไขปัญหาสะสมเหล่านั้นทั้งหมด เพื่อให้บ้านเมืองกลับมาสงบเรียบร้อย ให้ทุกคนเคารพกฎกติกา เราก็จะอยู่กันอย่างมีเกียรติ มีความสุข ไม่รบกวนซึ่งกันและกัน หากยังมีการให้ร้ายกันตลอดเวลา แล้วก็มีการใช้คำว่าประชาธิปไตยตลอด ทั้ง ๆ ที่บางอย่างนั้นเป็นการกระทำผิดกฎหมาย โดยอ้างว่าทำเพื่อประชาชน โดยไม่คำนึงถึงความรับผิดชอบ หรือความเสียหายที่เกิดขึ้น
“ขอให้ทุกคนระมัดระวังการเสพสื่อ ในเรื่องของการรับฟัง การชี้แจง หรือการชักจูง ไปในทางที่ไม่ถูกต้องนะครับ ขอให้มีความร่วมมือกันในการสื่อสารออกไปนะครับ ในสิ่งที่ดีๆ มีสื่อที่ดี ๆ จำนวนมาก บางอย่างก็เป็นเรื่องของการวิพากษ์วิจารณ์ในเชิงสร้างสรรค์ ผมรับได้หมด เว้นแต่พูดในเรื่องที่ไม่จริง ไม่อยากให้ประชาชนเสพสื่อทุกสื่อแล้วไม่คิด ไม่ใช้สติในการพิจารณาใคร่ครวญ บางอย่างชัดเจน สื่อบางสื่อบางสำนักไม่เป็นกลาง เลือกข้างชัดเจน ท่านก็ย้อนกลับไปดูในช่วงที่ผ่านมานั้นทำอะไรบ้าง ผมก็ไม่อยากจะกล่าวให้ใครเสียหาย เพียงแต่ว่าท่านต้องฟังผมบ้าง” หัวหน้า คสช. ระบุ
พล.อ.ประยุทธ์ ยังได้ชี้แจงเรื่อง Single Gateway ด้วยว่า ขออนุญาตเรียนอีกครั้งเดียว ว่าเป็นเพียงการหารือกันเท่านั้น แต่มีการนำมาเผยแพร่กันในเฉพาะในส่วนที่ไม่ใช่ใจความสำคัญ สิ่งที่ตนพูดคือ ต้องเคารพในสิทธิมนุษยชน ต้องเป็นไปตามกฎหมาย ถ้าทำได้ก็ไปหารือกันมา แต่ถ้าไม่เป็นไปตามกฎหมาย ไปละเมิดสิทธิมนุษยชน ก็ทำไม่ได้อยู่แล้ว ยังไม่ได้สั่งอะไรทั้งสิ้น เราคิดแต่เพียงว่า เราจะป้องกัน และสร้างความปลอดภัยในประเทศของเราได้อย่างไร ไม่ได้ห่วงว่าจะมีไว้เพื่อปิดปากประชาชน เพื่อจะรักษาอำนาจต่อไป ไม่เคยคิดอย่างนั้นเลย ปัญหาของเราคือภัยคุกคามทางอินเตอร์เน็ตต้องไปช่วยคิดวิธีแก้ไขมา โดยเฉพาะในเรื่องของการเป็นผู้ดูแล เว็บไซต์ อาจจะต้องรับผิดชอบมากขึ้นในการที่จะกลั่นกรองทุกอย่างที่ผ่านมาจากต่างประเทศ
“เราไม่มีนโยบาย หรือแนวคิดที่จะละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของใครเลย วันนี้ถึงเราจะเข้ามาแบบนี้ เราก็รู้ว่าเราควรจะต้องทำอย่างไร ก็ขอให้ทุกคนเข้าใจ ถ้าท่านไม่ห่วงลูกหลานของท่านก็แล้วแต่ แต่ผมห่วงแทนท่าน คนที่ออกมาต่อต้าน ผมอาจจะใช้คำว่าท่านอาจจะไม่เข้าใจ ท่านอาจจะถูกบิดเบือนโดยคนไม่กี่คน เพราะฉะนั้นคนที่ไม่เห็นด้วย ก็ไปช่วยกันคิดออกมาในทางสร้างสรรค์ เสนอทางแก้ปัญหาสังคม สร้างการรับรู้ รวมพลัง รณรงค์เชิญชวนคนในสังคมให้ตระหนักถึงผลเสียของการใช้เทคโนโลยีในทางที่ผิด ไม่ใช่หลาย ๆ คนก็อาจจะบ่น แล้วกด F5 มาถล่มเว็บอะไรเหล่านี้มันไม่เกิดประโยชน์อะไรเลยนะ ทำให้คนอื่นเขาเดือดร้อนด้วย เพราะงั้นอย่าไปส่งเสริม อย่าไปร่วมมือ ผมประกาศไปแล้วว่า ผมไม่ได้ดำเนินการอะไรทั้งสิ้น จะทำไปทำไม ผมไม่เข้าใจ คนที่เขาเดือดร้อนอีกเท่าไร ถ้ามาเป็นแสน ผมก็รู้นะ แต่คนที่เขาเดือดร้อนอีกเท่าไร กี่ล้านคนที่เขาต้องทำการค้า การลงทุน ผมว่าประท้วงแบบนี้มันก็เหมือนเดิม ประท้วงมาก ๆ ความรุนแรงเกิดขึ้น มันก็แก้ไขอะไรไม่ได้ทั้งสิ้น มันก็บานปลายไปทุกที เรื่องนี้ก็เหมือนกัน ท่านช่วยผมคิด” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อไปถึงบทบาทของสื่อมวลชนด้วยว่า ขอร้องไม่รู้กี่ครั้งแล้ว ทั้งไทยและต่างประเทศ ถ้าอ่าน ถ้าฟังแล้ว คิดก่อนว่าจะเชื่อดีหรือไม่เชื่อดี สอบถามตนบ้างก็ได้ หรือให้สำนักโฆษกได้ชี้แจง เพราะบางคน บางราย หรือคอลัมนิสต์บางท่าน ก็ยังเลือกข้างเหมือนเดิม ประชาชนก็แตกแยกเหมือนเดิม วันนี้ก็ยังทำอยู่ พอพูดอะไรไปค้านได้ทุกเรื่องไป ทั้ง ๆ ที่เป็นเรื่องที่ดี ๆ ก็ไปโยงอย่างเดียวว่าเป็นรัฐบาลที่ไม่เป็นประชาธิปไตย ขอให้น้องๆผู้สื่อข่าวรุ่นใหม่ๆหรือคอลัมนิสต์ใหม่ ๆ นี่ ให้มีจรรยาบรรณ เป็นสื่อที่ดี เป็นอนาคตของชาติ เพราะท่านเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศชาติด้วย รัฐบาลทำส่วนหนึ่ง ประชาชนทำส่วน แต่สื่อนี่เป็นคนสร้างความเข้าใจ สร้างความเชื่อมโยง ความขัดแย้ง ท่านต้องเคารพในสิทธิของผู้อื่นด้วย ไม่ใช่เรียกร้องวิพากษ์วิจารณ์ในสิ่งที่มันไม่ใช่สถานการณ์ข้อเท็จจริง แล้ววันนี้ทุกคนก็รู้อยู่ เราอยู่ในสถานการณ์ไหน แล้วท่านก็ยังเรียกร้องเรื่องเดิม
คำต่อคำ : รายการ “คืนความสุขคนในชาติ” วันที่ 9 ตุลาคม 2558
สวัสดีครับ พ่อแม่พี่น้องชาวไทยที่รักทุกท่าน ในช่วงวันที่ 13 - 21 ตุลาคม 2558 จะเป็นเทศกาลถือศีลกินเจนะครับ เป็นการเริ่มต้นประจำปีนี้ สำหรับวัตถุประสงค์ของการกินเจทุกท่านทราบอยู่แล้วว่า มีหลากหลายกันไป ตั้งแต่กินเพื่อการทำบุญ กินเพื่อเว้นกรรม ไปจนถึงกินเพื่อสุขภาพ แต่การปฏิบัติตนระหว่างเทศกาลนี้ไม่ใช่แค่เรื่องรับประทานนะครับ ที่สำคัญต้องรักษาศีล 5 รักษาจิตใจให้บริสุทธิ์ รักษาอารมณ์ทำบุญทำทาน และปฏิบัติตามหลักธรรมทางศาสนาพร้อมกันไปด้วย
สำหรับในพื้นที่ส่วนกลางและส่วนภูมิภาค จะมีการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ในห้วงเทศกาลนี้ ทั้งนี้รัฐบาลก็ต้องขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนให้ช่วยกันสอดส่องดูแล ร่วมกับเจ้าหน้าที่รัฐในเรื่องของความปลอดภัยด้วยนะครับ สัปดาห์นี้ผมมีเรื่องเรียนให้ทราบดังต่อไปนี้
เรื่องเศรษฐกิจ รัฐบาลมีนโยบายปรับโครงสร้างใหม่ทั้งหมด เพิ่มการค้าขายกับประเทศเพื่อนบ้าน อาเซียน หาตลาดใหม่ ๆ แสวงหาความร่วมมือ ด้านการเกษตร เลี้ยงสัตว์ ปลูกพืช และเริ่มพัฒนาในรูปของการสร้างนวัตกรรมนะครับ แล้วไปสู่การผลิตให้ได้ด้วย มีการใช้เทคโนโลยีให้มากขึ้น สร้างความเข้มแข็งให้กับทุกภาคส่วน ผมเรียนว่าเรื่องเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องง่ายนะครับ กับการที่เราอาจจะไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องเหล่านี้มานานหลายปี จนเมื่อเกิดปัญหาเศรษฐกิจโลกชะลอตัว เราเกิดความเดือดร้อนไปด้วย เพราะเราไม่สร้างความเข้มแข็งให้ตนเอง ขอให้ทุกคนเชื่อมั่นในพื้นฐานเศรษฐกิจไทย ทุกประเทศกำลังเผชิญกับปัญหาเศรษฐกิจเช่นเดียวกับเรา บางประเทศก็มากกว่า ต่างชาติเข้าใจเรา และยังมีความเชื่อมั่น ขอให้ทุกคนร่วมแรงร่วมใจกัน ฟันฝ่าอุปสรรค เพื่อให้เราผ่านพ้นพวกนี้ไปให้ได้นะครับ
สำหรับเรื่องเศรษฐกิจนี้ เช่นเดียวกันมีข้อมูลจากหลายภาคส่วนที่ประเมินมาทั้งในไทย และในต่างประเทศ ทั้งรัฐและเอกชน สืบได้ว่าปัญหาเศรษฐกิจไทยนั้นปัจจุบันเกิดจากหลายสาเหตุด้วยกัน เริ่มจากที่เราพึ่งพาการส่งออกเป็นหลัก แต่ไม่มีสินค้าและนวัตกรรมใหม่ๆ สินค้าราคาสูง และเนื่องจากต้นทุนการผลิต ค่าแรงเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคนี้ ที่ผลิตสินค้าแบบเดียวกัน ทำให้สินค้าเรามีราคาสูงกว่าประเทศเพื่อนบ้าน อีกอย่างหนึ่งคือประเทศไทยยังขาดแบรนด์ที่จะได้รับความนิยมสูง จึงต้องเร่งให้มีการสร้าง แบรนด์ใหม่ ๆ ที่มีอัตลักษณ์ของความเป็นไทย ที่ไม่มีใครเหมือน เป็นจุดขายนะครับ
อีกประการหนึ่งคือเศรษฐกิจระดับฐานรากยังไม่เข้มแข็ง โดยเฉพาะเกษตรกรและผู้มีรายได้น้อย ที่รับผลกระทบจากเศรษฐกิจชะลอตัว ปัญหาภัยแล้ง ราคาผลผลิตตกต่ำ และนโยบายภาครัฐที่ผ่าน ๆ มานั้น ยังไม่ได้แก้ไขเรื่องระบบภาษีที่อาจจะมีความซับซ้อน มีขั้นตอนกฎระเบียบของทางราชการบางส่วนที่ล้าสมัย ยุ่งยาก เป็นอุปสรรคต่อการประกอบธุรกิจ รวมทั้งสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ที่ให้กับนักลงทุนวันนี้ ต้องมีการแข่งขันจำนวนมาก จำเป็นต้องมีการปรับปรุงเพื่อให้ประเทศไทยสามารถแข่งขันกับประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคนี้ได้
เรื่องต่อไปคือ การขาดความเชื่อมโยงระหว่างผลิตภัณฑ์กับการตลาด ดีมานด์ ซัปพลายนะครับ ซึ่งไม่สมดุลกันทั้งด้านวัตถุดิบ ปัจจัยการผลิต การกระจายสินค้าในชุมชนในท้องถิ่น ภูมิภาค ในกลุ่มประชาคมโลกด้วยนะครับ เรื่องการทุจริตคอร์รัปชันนั้น ที่ผ่านมา มีหลายคดีที่กำลังอยู่ในขั้นตอนกระบวนการยุติธรรม ซึ่งทำให้การพัฒนาประเทศที่ผ่านมานั้นถดถอยไปมาก เรื่องระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน ที่ผ่านมานั้น ยังไม่เอื้ออำนวยต่อการประกอบธุรกิจอื่น ๆ เท่าที่ควร นอกเหนือจากการให้บริการประชาชนเพียงอย่างเดียว อย่าลืมว่า เราต้องบทำเกี่ยวกับเรื่องอุตสาหกรรมด้วย การลงทุนด้วย
เรื่องต่อไป คือ มาตรการกีดกันทางการค้าในปัจจุบัน มีข้อตกลงการค้ามากมาย มีการรวมกลุ่มเป็นเศรษฐกิจเดียวของประชาคมโลกแต่ละประชาคม มีกลุ่มประเทศ มีการเจรจาข้อตกลงทางการค้าใหม่ ๆ ซึ่งทำให้อำนาจการต่อรองและราคาสินค้าถดถอยลง ที่ผ่านมา ภาครัฐนี้ทำหลายอย่าง และแก้ไขปัญหาที่เป็นการเมืองมากเกินไป วิสัยทัศน์ไม่ยั่งยืน และการปฏิบัติที่ไม่เป็นรูปธรรมเท่าที่ควร ต้องแก้ใหม่ทั้งหมด แล้วที่ตรวจสอบบางอย่างไม่เป็นไปตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ คือ ทำเหมือนกัน แต่ไม่ครบ และวัดผลสัมฤทธิ์ไม่ได้ และหาความเป็นรูปธรรมได้น้อย และบางเรื่องนะครับ ผมไม่ได้ว่าทุกเรื่องนะ บางเรื่อง มีตั้ง 11 แผนมาแล้วนะครับ วันนี้กำลังเกิดแผนที่ 12 อยู่
อีกเรื่องคือ เรื่องความขัดแย้ง ความรุนแรงที่ยาวนาน ทุกท่านทราบดีอยู่แล้ว เรื่องงบประมาณประจำปีของประเทศนั้น ส่วนใหญ่ ถ้าเรายังปล่อยไว้ต่อไป มันยังบานปลายไปเรื่อย ๆ เกิดปัญหา ซ้ำซ้อน หนักขึ้นไปเรื่อย ๆ แล้วเราจะอยู่กันยังไงละครับ แล้วเราเตรียมมาตรการป้องกันล่วงหน้าด้วย อนาคต ถ้าโลกเปลี่ยนแปลง อากาศเปลี่ยนแปลง ฝนไม่ตกเลย ไม่ตกบ้านเราเลย มีความแห้งแล้ง มันต้องเตรียมไว้ล่วงหน้า ขุดลอกคูคลอง
ฝนตกน้อย น้ำก็ยังไม่มี ก็ได้แต่หวัง ฤดูต่อไป ฝนจะตกมากขึ้น หรือดีเปรสชั่น พายุอะไรเข้ามา หวังไต้ฝุ่นเข้าส่วนใหญ่ก็มา ทั้งน้ำ ทั้งลม แล้วเกิดความเดือดร้อนกับประชาชนด้วยนะครับ ทำให้น้ำท่วมบ้างอะไรบ้าง ที่ท่วมก็ท่วม ที่แล้งก็แล้ง วันนี้ต้องคิดเรื่องนี้แล้ว ถ้าทุกคนยังมุ่งหวังแต่เพียงว่า แก้ปัญหาคร่าว ๆ ไปละกัน ผมว่าปัญหามันจะเกิดขึ้นต่อเนื่อง ต่อไปผมให้ระมัดระวัง เดือนพฤศจิกายนไปจนถึงเดือนเมษายน ปีหน้าไปด้วยนะครับว่า มันจะเป็นอย่างไร สถานการณ์ในช่วงนี้ มันจะเป็นตัวชี้วัดว่า สถานการณ์น้ำมันจะเป็นอย่างไร ในปี 59 ต่อไปด้วยนะครับ และฝนฤดูหน้ามันจะเป็นอย่างไร
ล่าสุด ได้รับทราบจากประธานกรรมการมูลนิธิอุทกพัฒน์ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีรับสั่งให้จัดเตรียมแหล่งน้ำ และทำแก้มลิงในโครงการพระราชดำริทั่วประเทศ รวมทั้งการที่มูลนิธิอุทกพัฒน์ ร่วมกับกองทัพบก ในการแก้ปัญหาเพื่อป้องกันปัญหา อุทกภัย และภัยแล้ง และการจัดการทรัพยากรน้ำ ซึ่งนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณยิ่งแก่พสกนิกร ชาวไทย สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงห่วงใยราษฎรอยู่เสมอ ในขณะเดียวกัน อาจจะมีคนที่มาบิดเบือน ปลุกปั่นไม่ให้ทุกคนยอมรับความจริงว่าน้ำมันน้อย แล้วแต่นะครับ สภาพอากาศโลกเปลี่ยนแปลงมีทั้งโลกเป็นปัญหาทั้งโลก รัฐบาลไม่สามารถหาน้ำที่ไหนมาได้ เราสร้างที่เก็บกักน้ำไว้เยอะพอสมควร สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ท่านสร้างไว้เยอะมาก วันนี้ก็ทำเพิ่มอีกเยอะตามแนวพระราชดำริด้วยนะครับ แต่น้ำมันไม่มา ก็เก็บกักน้ำได้น้อยเท่านั้นเอง ก็ช่วยกันแล้วกัน รักษาป่า แล้วใช้น้ำอย่างประหยัด ใช้ตามคำแนะนำของราชการ ของรัฐบาล วันนี้ฝนตกน้อย หรือฝนตกใต้เขื่อน เราได้พยายามแก้ปัญหาทั้งเร่งด่วน ระยะสั้น ระยะยาว
วันนี้ ครม. ได้อนุมัติโครงการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ได้กำหนดแนวทางขึ้นมา 8 มาตรการ 55 โครงการ เป็นเงินหลายหมื่นล้านบาท เป็นการบูรณาการงานของทุกกระทรวง ซึ่งประกอบไปด้วย การขุดแหล่งน้ำเพิ่มเติม การขุดลอกคูคลอง การขุดน้ำบาดาล การจ้างงาน การลดต้นทุนการผลิต การปรับเปลี่ยนการปลูกพืช สนับสนุนน้ำดื่มสะอาดให้กับโรงเรียนทั่วประเทศ ขยายเวลาปฏิบัติการฝนหลวง ทุกอย่างต้องใช้งบประมาณทั้งสิ้นเลย เพราะว่าเราทำเองไม่ได้ทั้งหมด คงต้องมีเอกชนอะไรต่าง ๆ มาร่วมในการปฏิบัติงานด้วยนะครับ โดยใช้งบประมาณที่ทำให้โปร่งใส สุจริตเท่านั้นเองนะครับ
ผมเป็นห่วงเหมือนกันว่า วันหน้ารัฐบาลที่มาแล้วจะทำต่อไปหรือไม่ ผมคงแล้วแต่ท่าน อย่างที่บอกแล้วว่า ไม่อยากจะบังคับใครอยู่แล้ว ผมทำหน้าที่ของผมให้ดีที่สุด เพราะงั้นวันนี้อยากให้พวกท่านที่จะต้องเข้าไปสู่การเลือกตั้ง ออกมาพูด ออกมาอธิบายสังคมซิว่า ท่านจะทำยังไงเมื่อท่านเป็นรัฐบาล ผมขอย้ำนะครับให้ท่านพูดเรื่องนี้แล้วกัน แล้วท่านหาว่าผมมามอมเมาประชาชนใช้สื่อรัฐอะไรต่าง ๆ ผมมัวเมาตรงไหน ผมไม่เข้าใจ ผมทำให้ประชาชนนั้นมีความรู้ เรียนรู้จากข้อเท็จจริง แล้วจะร่วมมือกันอย่างไร
ในเรื่องของการสร้างความเข้มแข็งทางภาคการเกษตรนะครับ ผมได้อ่านหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจในสัปดาห์ที่ผ่านมา เห็นข่าวที่ส่งเสริมสิ่งดี ๆ ของเด็กรุ่นใหม่ในภูมิภาค ที่รักถิ่นฐาน รักการเกษตร อย่างกลุ่ม 5 พระกาฬ อีสานเหนือ คนรุ่นใหม่ หัวใจรักควาย ที่ทำให้หลาย ๆ กลุ่มเข้าใจว่า การเลี้ยงควายในแดนอีสานนั้น ไม่ได้เป็นเรื่องที่ล้าสมัย แถมยังสร้างรายได้เพิ่มเติม เป็นทั้งอาหารด้วย เป็นทั้งแรงงานด้วยในการทำไร่ทำนาของเราในอดีตที่ผ่านมานะครับ และเป็นการสร้างรายได้ให้กับครอบครัวชาวไร่ชาวนามาเป็นจำนวนมากอีกด้วย เช่นเดียวกันนะครับโครงการดี ๆ ที่ร่วมกันระหว่างภาครัฐ มหาวิทยาลัย องค์กรเอกชน และประชาสังคมถึงเกือบ 20 องค์กร ในการที่จะร่วมมือกันสร้างความเข้มแข็งให้ท้องถิ่น และภูมิภาค
ผมอยากให้เกษตรกรเพิ่มการเลี้ยงสัตว์ในประเทศของเราให้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นวัว ควาย แพะ แกะอื่น ๆ ด้วย เพราะน้ำเราน้อยลงในอนาคตเราอาจจะต้องทำการเลี้ยงสัตว์ให้มากขึ้น ใช้น้ำน้อยลง ปลูกพืชที่ใช้น้ำน้อยลง โดยต้องดูทั้ง Demand Supply การตลาดด้วยนะครับ อาจจะทำให้รายได้สูงขึ้นกว่าทำการเกษตรอย่างเดียว
เพราะฉะนั้นเราอาจจะต้องทำทั้งเกษตรกรรม และปศุสัตว์ด้วยนะครับ ผมเห็นข่าววันนั้นเร็ว ๆ ในทีวี ที่อำเภอศรีเชียงใหม่ มีการผลิตเนื้อที่เรียกว่า เนื้อวากิว แบบที่ประเทศญี่ปุ่นทำนะครับ คือเอาวัวมาขุนมีวิธีการเลี้ยงอะไรต่าง ๆ ให้มีไขมันแทรกตามเนื้อ ก็ใกล้เคียงกับต่างประเทศที่มีราคาสูง วันนี้เห็นบอกว่า ขายได้ตัวละแสน สองแสน ลองติดตามดู รู้สึกจะที่ศรีเชียงใหม่
อีกอันหนึ่งคือ โครงการคนกล้าคืนถิ่น ได้มีการรวมกลุ่มประชาชน คนหนุ่มสาวรุ่นใหม่กว่า 700 คน เข้าร่วมโครงการกลับคืนสู่ถิ่นในรุ่นที่ 1 เพื่อนำความรู้ด้านการเกษตร ภายใต้แนวพระราชดำริเกษตรผสมผสาน และปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ไปสร้างความเข้มแข็งในชุมชน ผ่านการกระจายความรู้ เป็นพี่เลี้ยงให้กับเกษตรกรในท้องถิ่นทั่วประเทศ ด้วยการช่วยเหลือเกื้อกูลแบบพี่สู่น้อง สอนให้เกษตรกรรู้จักการดำรงชีวิตแบบพอเพียง เริ่มจากสิ่งง่ายๆ ที่มี ไม่ใช่ไปเริ่มในสิ่งที่ไม่มีโดยร้องขอจากรัฐ ซึ่งรัฐก็มีให้ไม่ได้ มันต้องดูแลที่เราก่อนให้สามารถมีกินมีใช้อย่างพอเพียง ช่วยเหลือตัวเอง รัฐจะมาเสริมให้ในส่วนที่ขาด ถ้าไม่ช่วยตัวเองเลยแล้วรับอย่างเดียวมันไม่ได้ทั้งหมด คนตั้งหลาย 10 ล้าน เช่น การปลูกพืชผักสวนครัว รั้วกินได้ของเดิมเรามีอยู่แล้วนะครับ วันนี้ถ้าเราลดรายจ่ายของเราเอง ทำบัญชีครัวเรือน สามารถดูได้ว่าเราใช้เงินจำเป็นหรือไม่จำเป็น เขาเรียกมีภูมิคุ้มกัน ตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงด้วยนะครับ การทำปุ๋ยอินทรีย์ที่มีคุณภาพ ที่เป็นปุ๋ยเฉพาะพื้นที่ตามความต้องการมีการสำรวจดิน และมาเอาปุ๋ยมาผสมเอง อันนี้ทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้น ต้นทุนลดลง ขายได้มันก็ส่วนต่าง ๆ มากขึ้น ในเรื่องการเลี้ยงสัตว์ การปลูกป่า รักษาต้นน้ำ การนำทรัพยากรธรรมชาติมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด สิ่งเหล่านี้มันจะช่วยประหยัดต้นทุนให้กับเกษตรกร ทำให้เกษตรกรมีกินมีใช้ มีรายได้เพิ่ม อยากให้นักเรียนท้องถิ่น มีการศึกษาเหล่าเรียนตามวิทยาลัยต่าง ๆ มหาวิทยาลัยต่าง ๆ ที่อยู่ตามภาคต่าง ๆ โรงเรียน คือ ถ้าเข้ามากรุงเทพฯ ทั้งหมด ท้องถิ่นก็ไม่ได้พัฒนา
วันนี้เราเร่งรัดพัฒนาท้องถิ่นด้วย ต้องทำงาน ต้องเรียน และทำงานในบ้านเกิดตัวเอง จะได้พัฒนาบ้านเกิดตัวเองให้ดีขึ้น ไม่งั้นอยู่กันไม่ได้ สังคมเมืองต้องเริ่มในชนบทด้วย วันนี้ต้องมีทั้งการพัฒนาสิ่งแวดล้อมด้วย และไม่สร้างมลภาวะด้านอุตสาหกรรมต่างๆ ที่มีการพัฒนาเกิดขึ้น เสริมอาชีพการเกษตรด้วยแรงงานที่จะไปทำงานตามโรงงานต่าง ๆ ขอฝากพ่อแม่พี่น้องช่วยกันด้วย อย่าขัดขวางกันนัก ไม่งั้นทำอะไรไม่ได้ซักอย่าง ปัญหาก็เยอะ เงินก็น้อย ผมอยากให้มีโครงการดี ๆ เกิดขึ้น คำนึงถึงความเป็นประชารัฐ เป็นความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ประชาชน องค์กรอิสระต่าง ๆ และภาคเอกชน และภาคประชาสังคม รวมพลังกันเป็นประชารัฐที่ทุกคนร่วมใจกันสร้างความเข้มแข็งของชุมชนต่าง ๆ เช่นนี้ อีกหลายโครงการที่ผ่านมา ผมเริ่มส่งทีมงานลงพื้นที่หลายจังหวัด ทั้งภาคใต้ ภาคอีสาน ให้เข้าใจถึงปัญหาที่แท้จริงของเกษตรกร โดยเฉพาะสหกรณ์ และกลุ่มเกษตรกรในพื้นที่ ซึ่งได้รับความร่วมมือจากพี่น้องเกษตรกรอย่างดี ส่วนใหญ่เข้าใจ และพร้อมที่จะร่วมมือกับรัฐบาล กำลังใจต่าง ๆ ที่ส่งมาให้ผม ส่งให้รัฐบาลมากมาย พร้อมทั้งปัญหาข้อขัดข้อง ผมรับฟังทั้งหมด ผมก็พยายามที่จะแก้ปัญหาไปตามลำดับ ความเร่งด่วนนะครับ เพราะว่าอย่างทีเรียนแล้วว่า งบประมาณเรามีจำกัดนะครับ รัฐบาลจะรีบพิจารณาหาหนทางแก้ไข ถ้าระยะที่ 1 ไม่ได้ ก็ต้องรอระยะที่ 2 มันมีระยะ 1 - 2 - 3 อยู่ในทุกเรื่องนะครับ จัดลำดับการดูแลไม่ได้จัดลำดับความเร่งด่วนเป็นพื้นที่ เพราะว่าต้องการให้มาชอบผม ไม่ใช่ จัดลำดับตามความเดือดร้อน
ผมทราบว่าเกษตรกรหลาย ๆ ท่าน ได้มีการรวมตัวกันเป็นกลุ่มเกษตรกร รวมพื้นที่เป็นแปลงขนาดใหญ่ เพื่อจะลดต้นทุนอะไรต่าง ๆ เหล่านี้ ตามนโยบายรัฐบาล แล้วมีการจดทะเบียนเป็นสหกรณ์ ใหม่ ๆ เพื่อพัฒนากลุ่มของตนให้เข้มแข็งขึ้น ดีใจนะครับ หลายสหกรณ์ได้มีการพัฒนาจนสามารถที่จะมีการแบ่งปันผลกำไรกันได้ อีกอย่างหนึ่งที่รัฐบาลนี้พยายามจะทำอยู่ คือ การสร้างระบบวิสาหกิจชุมชน และธุรกิจเพื่อสังคม โดยให้เกษตรกรเป็นผู้ดำเนินการเองให้ได้ในทุกพื้นที่ ขอให้กลุ่มสมาชิกเกษตรกรของตนเองนั้นได้ร่วมมือกัน แล้วก็เรียนรู้นะครับ แล้วปรึกษาทางราชการ แล้วจะได้ทำให้ท่านมีอำนาจต่อลองกับพ่อค้าคนกลางด้วย รวมถึงมีการพัฒนาหาตลาดใหม่ ๆ ให้กับตนเองได้ ทำให้ราคาผลผลิตสูงขึ้น
แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีกลุ่มเกษตรกรอีกหลายแห่ง ที่ยังไม่ได้รับการจดทะเบียน หรือจัดตั้งเป็นสหกรณ์ เรื่องนี้สำคัญนะครับ SMEs เช่นกัน ถ้าหากพวกท่านไม่ได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลแล้ว มันจะทำให้การช่วยเหลือของภาครัฐกระทำได้ยากนะครับ เพราะเป็นการใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดิน ถ้าท่านจดทะเบียนแล้ว อะไรแล้ว ก็พอจะจัดระเบียบ ลำดับความเร่งด่วนไปช่วยเหลือได้ ขอร้องนะครับอย่าเกรงว่ารัฐบาลจะไปรีดภาษีจากท่าน อะไรท่านเลย ท่านต้องเรียนรู้ว่าจะอยู่ยังไง รัฐบาลจะประคับประคองท่านในระยะต้นตรงนี้ เมื่อท่านเข้มแข็งแล้ว มันก็มาเองแหละภาษี ทุกท่านพร้อมที่จะจ่ายให้อยู่แล้ว วันนี้ไม่พร้อมผมไม่ได้เร่งรัดอะไรท่านนะครับ ผมได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่รัฐในทุกพื้นที่ที่เกี่ยวข้องนะครับ ไม่ว่าจะเป็นสหกรณ์จังหวัด เกษตรอำเภอ เกษตรจังหวัด พาณิชย์จังหวัด หรืออุตสาหกรรมจังหวัดต้องลงไปในพื้นที่ ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดได้บูรณาการทุกหน่วยงานให้ได้ แล้วสร้างความเข้าใจกับเขา คสช.จะลงไปช่วยด้วยนะครับ ในเรื่องของการทำความเข้าใจให้ความรู้ รวมไปถึงเรื่องของการจดทะเบียน ซึ่งหลายคนอาจจะมองว่า เป็นเรื่องยุ่งยาก เอกสารราชการมีอยู่เยอะแยะไปหมด อ่านก็ไม่เข้าใจ อะไรต่าง ๆ เหล่านี้ ผมสั่งแก้ไขไปแล้ว ต้องใช้เวลาในการแก้พอสมควร บางอย่างยากเกินไป ในส่วนของการเดินทางไปประชุมที่สหรัฐอเมริกา หรือการประชุม UNGA ถือเป็นความสำเร็จของประเทศเรานะครับ ไม่ใช่ของผม การรับรางวัลต่าง ๆ นั้น มีคนไปวิพากษ์วิจารณ์กันเสีย ๆ หาย ๆ พยายามให้ผมเสียเครดิตให้ได้ ผมขอเรียนว่า ประเด็นสำคัญ คือ ทุกคนรู้อยู่แล้วว่าผมเป็นนายกรัฐมนตรีที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง แต่ที่ประชุมก็ให้การต้อนรับอย่างสมเกียรติ ให้ผมได้มีโอกาสได้กล่าวถ้อยคำต่าง ๆ ที่อยากจะพูดให้เขาฟังนะครับ แล้วได้รับความไว้วางใจจากประเทศสมาชิกในการให้เป็นประธานกลุ่มจี 77 เป็นการไม่ใช่การหมุนเวียนหรอกนะครับ เป็นเรื่องของการคัดเลือกกันในปีนี้ว่า ประเทศใดจะเหมาะสม อาจจะไม่ใช่เพราะผมหรอก ขอให้มองมุมนี้กันบ้าง ทุกประเทศเขาจะให้โอกาสประเทศไทยอยู่เสมอ ท่านอย่าทำลายโอกาสของประเทศไทยกันเองก็แล้วกัน ผมพยายามประคับประคองทุกอย่าง ให้ผ่านพ้นห้วงเวลาวิกฤตเหล่านี้ไปให้ได้ เมื่อถึงวันหน้ามีประชาธิปไตยโดยสมบูรณ์แล้ว มีการเลือกตั้งแล้วความสัมพันธ์ประเทศของเราอย่างดีดังเดิม แต่วันนี้ท่านทำลายกันวันนี้ วันหน้าถึงจะเลือกตั้งมาแล้ว ความน่าเชื่อถือก็หมดไปอยู่ดี ต้องช่วยกัน ช่วยหยุดคนที่ทำเหล่านี้ด้วยนะครับ
หลังจากที่กลับมาแล้วมีรายงานดีๆ ของทางสหรัฐฯ ว่า ประเทศไทยนั้นมีความก้าวหน้ามากเกี่ยวกับสถานการณ์ และการจัดการการใช้แรงงานเด็ก ในรูปแบบเลวร้ายที่สุดประจำปี ค.ศ. 2014 ซึ่งได้ประเมินความพยายาม และผลการดำเนินการในเรื่องดังกล่าวของ 140 ประเทศทั่วโลก ประเทศไทยได้รับการปรับระดับสูงขึ้นจากระดับที่มีความก้าวหน้าปานกลาง เป็นระดับที่มีความก้าวหน้าอย่างสำคัญ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็น 1 ใน 13 ประเทศ ที่ได้รับการปรับระดับให้อยู่ในกลุ่มนี้ ผมเชื่อว่าเป็นเพราะความพยายามของทุกฝ่ายทุกพวก คนไทยทุกคน ในการปฏิบัติหน้าที่อย่างบูรณาการเป็นรูปธรรม ร่วมมือซึ่งกันและกัน ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องการแต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายการจัดการปัญหาแรงงานต่างด้าว และการค้ามนุษย์ ซึ่งสะท้อนความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาแรงงานเด็ก การออกกฎกระทรวงแรงงาน กำหนดอายุขั้นต่ำของแรงงานในภาคเกษตร และการประมง การจัดสรรงบประมาณของรัฐบาลไทย เพื่อยุติการใช้แรงงานเด็ก และสนับสนุนโครงการต่าง ๆ ของภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง การตรวจแรงงานเชิงรุกโดยทีมสหวิชาชีพ และการปฏิบัติตามแผนระดับชาติ เพื่อขจัดการใช้แรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้ายฉบับที่ 1 พ.ศ. 2552 - 2557 และฉบับที่ 2 พ.ศ. 2558 - 2563
อย่างไรก็ตาม สำหรับผมก็ไม่ได้หมายความว่า เราจะต้องทำตามเขาประเมิน แต่มันเป็นสังคมโลก เราจะต้องทำ แต่ความมุ่งหมายหลักจริงๆ แล้วไม่ได้ทำเพราะถูกประเมินดี หรือไม่ดี ไม่ดีก็แก้ไขไป แต่สิ่งที่เราทำวันนี้ เพื่อจะแก้ไขให้เกิดความเท่าเทียม เพื่อประโยชน์สุข และไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบซึ่งกันและกันของคนในชาติ โดยเฉพาะเยาวชนนั้น มีความสำคัญอย่างยิ่ง มีผลกระทบต่อหลาย ๆ เรื่องด้วยกันในอนาคตด้วย
สำหรับสื่อนะครับ ขอร้องไม่รู้กี่ครั้งแล้วทั้งไทยและต่างประเทศ ถ้าอ่าน ถ้าฟังแล้วคิดดูก่อนจะเชื่อหรือไม่เชื่อดี สอบถามผมมาก็ได้นะครับมาทางรัฐบาล มาสำนักนายกฯนี่ มาสำนักปลัดฯก็ได้ ผมจะตอบให้ และให้กระทรวงสาธารณสุขชี้แจง เพราะบางคน บางราย บางท่านยังเลือกข้างเหมือนเดิม ประชาชนแตกแยกเหมือนเดิม ซึ่งน้อยลงวันนี้ยังทำอยู่ ผมไม่ทราบว่าเพราะอะไร ท่านไม่รักประเทศไทยกันบ้างหรือไง พูดอะไรไปท่านค้านได้ทุกเรื่อง ทั้งที่เป็นเรื่องดี ๆ ไปโยงอย่างเดียวเท่านั้นเองว่า เป็นรัฐบาลที่ไม่เป็นประชาธิปไตย และเป็นไง ประชาธิปไตยที่ผ่านมา เป็นไง และวันนี้ ผมทำวันนี้เป็นไง ท่านไปคิดเอาเอง
เพราะฉะนั้นไม่ทราบว่า ท่านมองหลายเรื่อง มองยังไง หรือไม่ได้มอง คิดเอาเอง เขียนนู้นนี่ไป ทำไปหมดแล้ว ท่านยังติติงผมอยู่นั่นแหละ ขอให้น้อง ๆ ผู้สื่อข่าวรุ่นใหม่ ให้มีจรรยาบรรณ เป็นสื่อที่ดี ส่วนใหญ่ผมแตะต้องไม่ค่อยได้อยู่แล้ว แต่ผมจำเป็น อยากให้น้องๆ ทุกคน อยากให้คนรุ่นใหม่ในสื่อ เป็นสื่อที่ดี เป็นอนาคตของชาติ เป็นกำลังสำคัญขับเคลื่อนประเทศชาติด้วย 50% อยู่ที่ท่าน รัฐบาลทำส่วน ประชาชนทำส่วน แต่สื่อเป็นคนสร้างความเข้าใจ ความเชื่อมโยง ลดความขัดแย้ง ท่านต้องเคารพในสิทธิผู้อื่นด้วย ไม่ใช่เรียกร้อง วิพากษ์วิจารณ์ในสิ่งที่มันไม่ใช่สถานการณ์ข้อเท็จจริง และวันนี้ ทุกคนรู้อยู่เราอยู่สถานการณ์ไหน และท่านยังเรียกร้องอยู่ สมัยนั้นไม่เห็นท่านเรียกร้องอย่างนี้เลยนะ ชุดเดิมแหละ ผมไม่อยากตำหนิท่านหรอกนะ แต่ขอบ่นหน่อย
เดือนตุลาคมนี้ ตลาดนัดของเรานำเสนอสินค้าชุมชนในงานสุดยอด เอสเอ็มอี ของดีทั่วไทย ซึ่งจัดโดย ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมของประเทศไทย เอสเอ็มอีแบงก์ ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐต่าง ๆ ภายใต้คอนเซ็ปต์ 4 พร้อมเสิร์ฟ คือ 1. ของกินถูกปาก 2. ของฝาก 3. เงินทุนหลากหลาย 4. ตั้งตัวได้ในงานนะครับ
ซึ่งถือว่าครบเครื่องนะครับ เป็นงานที่จัดอย่างสมบูรณ์ เพื่อจะได้แมทชิ่งกัน ให้ทุกคนมีความสุขนะครับ มาช็อป มาชิมหรือมาซื้อของในงาน หรือต้องการองค์ความรู้ในการที่จะพัฒนาตัวเอง พัฒนากิจการของตนเองนะครับ สร้างองค์ความรู้ ศึกษาเรื่องเงินทุนของรัฐที่สนับสนุนให้ เงินทุนดอกเบี้ยต่ำ มีการให้คำปรึกษาแนะนำสำหรับผู้ประกอบการ SMEs ด้วยนะครับ
ขอให้ทุกคนมาฟังหน่อย SMEs ต้องจดทะเบียนให้เป็นนิติบุคคลท่านจะเข้าถึงกองทุนได้ ไม่จดเข้าไม่ได้ เพราะใช้งบประมาณรัฐนะครับ ทางสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) จะช่วยเรื่องนี้ ขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการ มีกระทรวงพาณิชย์ บริษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ พร้อมมาให้คำปรึกษาแนะนำในด้านต่าง ๆ ด้วยนะครับ เรื่องทางบัญชีเป็นปัญหาอีก ทุกคนหลาย ๆ SMEs ไม่เข้าใจเรื่องการทำบัญชี เลยไม่พร้อมขึ้นทะเบียน มาเรียนรู้ซิครับ ง่าย ๆ แป๊บเดียวก็รู้แล้ว แล้วไปจดทะเบียนให้เรียบร้อย
ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชน ผู้ประกอบการทั่วไป ข้าราชการ ในละแวกใกล้เคียง กรุ๊ปทัวร์เกาะรัตนโกสินทร์ แวะเข้ามาร่วมงาน ได้อิ่มท้อง แถมมีของฝากและได้ภาคภูมิใจกับสิ่งประดิษฐ์ต่าง ๆ ที่เราได้มีการเร่งในเรื่องของการวิจัยและพัฒนาหลาย ๆ อย่าง ทั้งเครื่องมือการเกษตร ทั้งเกี่ยวกับเรื่องการพัฒนาการผลิต เกี่ยวกับเรื่องการปรับปรุงคุณภาพต่าง ๆ มีเยอะแยะไปหมด ซื้อของกลับไปบ้านก็ได้ มีอาหารการกินด้วย ฝนตกมาก็มีเต็นท์ ไม่ให้เปียกด้วย วันนี้อยากให้ทุกคนมาเรียนรู้ วันนี้เราต้องอยู่ด้วยกัน เรียนรู้ไม่ใช่เรียนอย่างเดียวเพื่อปริญญานะครับ นั่นคือปัญหาของบ้านเราติดกับดักตัวเองมาโดยตลอด ขอบคุณ ฝากพ่อแม่พี่น้องช่วยดูแลด้วยนะครับ ช่วยทุกคน มีส่วนในแผ่นดินนี้ทุกคน เช่น ผมมีความรับผิดชอบเท่าเทียมกันหมด ไม่ใช่นายกรัฐมนตรีรับมากกว่า ผมเป็นแต่เพียงผู้มาขับเคลื่อน มากรุ๊ปปิ้งให้มาจัดระเบียบให้ ๆ เกิดความทั่วถึงและเป็นธรรมเท่านั้นเองนะครับ ท่านมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศอยู่แล้ว อย่าคิดว่าผมมาบังคับท่านเลย บางอย่างต้องเรียนรู้ คนไทยนี่ถึงพูดแต่คำว่าอยากมีอำนาจ อยากมีผลประโยชน์ เพื่อจะมีอำนาจ พูดกันอยู่แค่นี้ ไม่เข้าใจว่าสิ่งที่ผมทำ ทำเพื่ออะไร เพื่อท่านทุกคน เพื่ออนาคตของท่านนะ ผมจะต้องการอำนาจไปทำอะไรอีกนะครับ ขอให้มีความสุข ปลอดภัยในการเดินทางในวันหยุด เสาร์ - อาทิตย์ มีความสุขทุกคนนะครับ ขอบคุณครับ สวัสดีครับ