โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผย “ประวิตร” ปรารภดัชนีชี้วัดระดับจังหวัด ยันแนวทางแก้เน้นกระตุ้นเศรษฐกิจภายใน สร้างความแข็งแกร่งแก่เกษตรกร ลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน “สมคิด” แจงลดรายจ่ายด้วยการเปิดให้เอกชนลงทุนร่วม และทำงบแบบบูรณาการ
วันนี้ (30 ก.ย.) ที่ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 13.30 น. พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ในที่ประชุม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ประธานการประชุมได้ปรารภให้ที่ประชุมรับทราบถึงเรื่องดัชนีชี้วัดของระดับจังหวัดและกลุ่มจังหวัดว่า ตัวชี้วัดการพัฒนาระดับกลุ่มจังหวัด คือ การที่หน่วยงานราชการระดับกลุ่มจังหวัด หรือระดับกระทรวง ทบวง กรม ได้นำเอานโยบายของรัฐบาลไปปฏิบัติให้เกิดผลมากน้อยแค่ไหน ที่ผ่านมารัฐบาลโดยเฉพาะทีมเศรษฐกิจชุดใหม่จะเห็นว่าปัญหาของประเทศในเรื่องของเศรษฐกิจ คือ เรื่องของการส่งออกที่ผ่านมา เพราะฉะนั้นแนวทางการแก้ไขในปัจจุบันก็คือพยายามที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจภายใน โดยเร่งให้มีการสร้างความแข็งแรงให้แก่พี่น้องชาวเกษตรกร เร่งการบริโภคภายในประเทศ
นอกเหนือจากนี้ การลงทุนในโครงการต่างๆ โดยเฉพาะโครงสร้างพื้นฐาน หรือการบริการสาธารณะ ทางรัฐบาลพยายามที่จะใช้การลงทุนแบบให้เอกชนมีส่วนร่วม (พีพีพี) เพื่อเป็นการที่จะประหยัดงบประมาณรายจ่ายของประเทศ ซึ่งในส่วนนี้เป็นสิ่งที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ได้ขึ้นชี้แจงในที่ประชุมว่า การลดงบประมาณรายจ่ายของประเทศด้วยการเปิดโอกาสให้มีการลงทุนร่วมโดยภาคเอกชนนั้นเป็นส่วนหนึ่ง แต่อีกส่วนที่สามารถลดรายจ่ายของประเทศเราได้ก็คือ การทำงบประมาณแบบบูรณาการ ซึ่งนายกฯ ได้เคยสั่งการเรื่องนี้มาแล้ว วันนี้จึงได้มีการเน้นย้ำมีหลายกระทรวง ทบวง กรมที่มีประเด็นสำคัญที่เป็นเป้าหมายหรือเป็นวัตถุประสงค์ร่วมกัน เช่น การลดความเหลื่อมล้ำของสังคม การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ การพัฒนาทรัพยากรของมนุษย์ ซึ่งถ้าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีการบูรณาการกันในการทำงบประมาณตั้งแต่ต้นทางก็จะทำให้ประหยัดการจัดงบประมาณรายจ่ายประจำปีได้เยอะ เพราะฉะนั้นจึงมีการเน้นว่าในวงรอบต่อไป การทำงบประมาณตั้งแต่ต้นทางขอให้สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) ให้ผู้ที่เกี่ยวข้องระดับจังหวัด และกลุ่มจังหวัดได้นำเอาข้อสังเกตไปใช้ประโยชน์ เพื่อให้เราสามารถที่จะลดงบประมาณรายจ่ายของประเทศลงได้