“ประยุทธ์” เชื่อสันติภาพจะเกิดขึ้นเมื่อประชาชนในพื้นที่มีความเป็นอยู่ที่ดี ยกเคสติมอร์และซูดาน ไทยเน้น จนท. ทำหน้าที่รักษาสันติภาพควบคู่เป็นนักพัฒนาความเป็นอยู่ของประชาชน ได้ผลเป็นอย่างดี ลั่นพร้อมร่วมมือส่งนายทหารเชี่ยวชาญเข้าร่วมในปฏิบัติการสันติภาพของสหประชาชาติในอนาคตตามที่ได้รับการร้องขอ
วันจันทร์ที่ 28 กันยายน 2558 เวลา 14.45 น. ตามเวลาท้องถิ่น ณ สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถ้อยแถลงในการประชุมสุดยอดเรื่องการรักษา สันติภาพ Peacekeeping Summit 2015 ในโอกาสเข้าร่วมการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 70 พลตรี วีนชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญ ดังนี้
นายกรัฐมนตรี กล่าวชื่นชมสหรัฐอเมริกา และประเทศเจ้าภาพอื่น ๆ ที่จัดการประชุมในเรื่องที่เป็นบทบาทสำคัญของสหประชาชาติมาแล้ว 70 ปี นับตั้งแต่ก่อตั้ง ประเทศไทยขอชื่นชมประเทศสมาชิกหลายประเทศทั่วโลกที่ได้ให้คำมั่นในวันนี้ที่จะให้การสนับสนุนปฏิบัติการรักษาสันติภาพของสหประชาชาติ ไทยภูมิใจที่ได้สนับสนุนปฏิบัติการรักษาสันติภาพของสหประชาชาติในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วโลกมาเป็นเวลายาวนาน ตั้งแต่ประเทศไทยเข้าเป็นสมาชิกสหประชาชาติในปี พ.ศ. 2489 ไทยได้ส่งทหารและตำรวจจำนวนมากกว่า 20,000 คน เข้าร่วมในปฏิบัติการรักษาสันติภาพต่าง ๆ ของสหประชาชาติ ตั้งแต่สงครามเกาหลี จนถึงความขัดแย้งในติมอร์-เลสเต ตลอดจนในซูดาน และซูดานใต้
อย่างไรก็ตาม ความขัดแย้งในปัจจุบันได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว จึงต้องพิจารณาทบทวนอย่างรอบด้าน เกี่ยวกับปฏิบัติการสันติภาพในปัจจุบัน เพื่อที่จะรับมือกับปัญหาท้าทายใหม่ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ประเทศไทยยินดีที่คณะผู้ทรงคุณวุฒิอิสระระดับสูงว่าด้วยปฏิบัติการด้านสันติภาพ ได้จัดทำรายงานเกี่ยวกับเรื่องนี้ และล่าสุดยินดีที่เลขาธิการสหประชาชาติได้มีรายงานเกี่ยวกับข้อเสนอในรายงานของคณะผู้ทรงคุณวุฒิฯ ด้วย
นายกรัฐมนตรียังได้กล่าวแสดงความเชื่อมั่นว่า อาณัติของภารกิจรักษาสันติภาพจะต้องมีความเข้มแข็งขึ้น เพื่อรับมือกับปัญหาท้าทายใหม่ ๆ และจะต้องตระหนักว่า การป้องกันความขัดแย้ง การรักษาสันติภาพ การเสริมสร้างสันติภาพ และการพัฒนา มีความเชื่อมโยงกัน และทั้งหมดเป็นรากฐานสำหรับสันติภาพอย่างยั่งยืน สันติภาพจะเกิดขึ้นได้ ก็ต่อเมื่อประชาชนในพื้นที่มีความเป็นอยู่ที่ดี และมีสิทธิทางการเมืองและสังคม และยังต้องส่งเสริมและรักษาสิทธิของสตรีและเด็ก ซึ่งเป็นกลุ่มที่เปราะบางที่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งด้วย
ดังนั้น ไทยจึงเน้นความสำคัญของเจ้าหน้าที่รักษาสันติภาพ ทำหน้าที่รักษาสันติภาพและเป็นนักพัฒนาด้วย จากประสบการณ์ของไทยในการเข้าร่วมภารกิจรักษาสันติภาพที่ติมอร์-เลสเต และดาร์ฟูร์ในซูดาน เจ้าหน้าที่รักษาสันติภาพของไทยสามารถเข้าถึงชุมชนในพื้นที่ความขัดแย้งได้อย่างทั่วถึง โดยพยายามทำความเข้าใจกับชุมชน และนำทักษะด้านการพัฒนาต่าง ๆ ไปเผยแพร่ อาทิ การเกษตร และการบริหารจัดการน้ำและดินให้มีประสิทธิภาพ เพื่อที่จะให้คนท้องถิ่นสามารถหาเลี้ยงชีพได้ด้วยตนเอง และสามารถพัฒนาอย่างยั่งยืนได้ต่อไปภายหลังความขัดแย้ง สิ่งเหล่านี้ ทำให้เจ้าหน้าที่ของไทยได้รับความไว้วางใจและการยอมรับจากคนท้องถิ่นในการปฏิบัติภารกิจนั้น ๆ เป็นอย่างดี
ไทยเชื่อว่า การเสริมสร้างและผลักดันเรื่องสตรี สันติภาพ และความมั่นคง เชื่อมโยงโดยตรงกับการแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง และการก่อให้เกิดสันติภาพอย่างยั่งยืน แต่ยังมีสตรีในปฏิบัติการรักษาสันติภาพและในกระบวนการเจรจาสันติภาพทั่วโลกจำนวนน้อย หลักฐานจากรายงานที่ไทยร่วมจัดทำกับสถาบันสันติภาพระหว่างประเทศ (International Peace Institute) ในปีนี้ บ่งชี้ว่า เมื่อสตรีมีบทบาทในกระบวนการสันติภาพ มีความเป็นไปได้สูงขึ้นที่จะสามารถบรรลุความตกลงสันติภาพได้ พร้อมทั้งดำเนินการตามความตกลงนั้นได้
ปัจจุบันยังมีความต้องการปฏิบัติการรักษาสันติภาพในพื้นที่ต่าง ๆ อยู่มาก และเจ้าหน้าที่รักษาสันติภาพจะต้องรับมือกับปัญหาท้าทายใหม่ ๆ โดยต้องมองให้รอบด้านและให้รวมถึงมิติการพัฒนาด้วย ไทยจึงขอยืนยันความตั้งใจว่า ไทยจะส่งนายทหารฝ่ายเสนาธิการ และหน่วยทหารด้านการพัฒนาที่มีความเชี่ยวชาญด้านการพัฒนาความเป็นอยู่ของประชาชนและด้านวิศวกรรมการก่อสร้าง เข้าร่วมในปฏิบัติการสันติภาพของสหประชาชาติในอนาคตตามที่ได้รับการร้องขอ และไทยพร้อมที่จะร่วมมือเพิ่มเติมกับสหประชาชาติและประเทศอื่น ๆ เพื่อจัดการอบรมเสริมสร้างศักยภาพให้แก่เจ้าหน้าที่รักษาสันติภาพ โดยใช้ประโยชน์จากศูนย์ปฏิบัติการเพื่อสันติภาพ กองบัญชาการกองทัพไทย และขอบคุณประธานาธิบดี โอบามา อีกครั้งที่ได้ริเริ่มการประชุมที่สำคัญครั้งนี้