ย้ายตำรวจอย่าเร่งปฏิกิริยา-ล้อเล่นกับความรู้สึกชาวบ้าน!

ผ่าประเด็นร้อน

ยังหวังเป็นอย่างยิ่งบัญชีโยกย้ายนายตำรวจระดับนายพลหลายตำแหน่งที่ปรากฏออกมาตามสื่อในเวลานี้เป็นเพียง “ข่าวปล่อย” เป็นเรื่องไม่จริง เป็นเพียงการดิสเครดิตทั้งในระดับผู้บังคับบัญชาในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวมไปถึงต้องการทำลายศรัทธารัฐบาลโดยเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติเป็นหลักเท่านั้น

ขณะเดียวกัน สำหรับชาวบ้านทั่วไปก็ต้องยอมรับว่าเมื่อพิจารณารายชื่อส่วนใหญ่ที่คาดว่าจะได้รับการแต่งตั้งในตำแหน่งใหม่คงจะไม่รู้จัก หลายคนไม่คุ้นชื่อด้วยซ้ำไป เพราะหลายคนเพิ่งไต่เต้าขึ้นมา ยังไม่ได้นั่งในตำแหน่งที่โดดเด่นที่ต้องทำงานและปรากฏเป็นข่าวตลอดเวลา

อย่างไรก็ดี เชื่อตรงกันว่าหลายคนคงต้องสะดุดอยู่กับตำแหน่งผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง คือ พล.ต.ท.ศักดา ชื่นภักดี ที่ตามโผที่ออกมาตามสื่อหลายแห่งตรงกันว่าจะได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนใหม่ หากเป็นแบบนี้ในอนาคตข้างหน้านายตำรวจคนนี้ก็มีสิทธิ์ที่จะก้าวหน้าสูงยิ่งขึ้นไปนั่งเก้าอี้สูงสุดในองค์กรนี้ คือ ตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

อย่างไรก็ดี ตามข่าวบอกว่าจะมีการประชุมคณะกรรมการสรรหาเพื่อพิจารณาเรื่องบัญชีรายชื่อดังกล่าวอีกครั้งในวันที่ 16 กันยายน โดยมี พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเป็นประธาน โดยจะเป็นการพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจระดับนายพลตำแหน่งระดับรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ลงมาจนถึงตำแหน่งผู้บัญชาการทั่วประเทศ

ที่บอกว่าต้องมาสะดุดกับตำแหน่ง “ผู้บัญชาการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง” ก็เพราะว่า ที่ผ่านมา พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นคนออกมาเปิดโปงอย่างเผ็ดร้อนว่าตำรวจในหน่วยงานดังกล่าวทั่วประเทศแม้ไม่ระบุจำนวนแต่เข้าใจว่า “จำนวนมาก” มีพฤติกรรมเรียกรับส่วยจนเห็นภาพพฤติกรรมอันน่ารังเกียจจำนวน 6 ข้อ ที่ พล.ต.อ.สมยศ นำมาประจานในห้องประชุมตำรวจตรวจคนเข้าเมืองทั่วประเทศเมื่อวันก่อน หลังเกิดเรื่องอื้อฉาวขึ้นมาเมื่อมีรายงานว่าผู้ต้องหาคนสำคัญในคดีลอบวางระเบิดที่แยกราชประสงค์ ได้แฉว่าได้ให้สินบนเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองที่ด่านสระแก้ว เพื่อเข้าออกชายแดนหลายครั้ง จนกระทั่งมีการโยกย้ายยกด่านสระแก้วตามมา

ขณะเดียวกัน พล.ต.ท.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยังมีท่าทีขึงขังทำให้เข้าใจได้ว่านับจากนี้จะต้องมีการโยกย้ายล้างบางและจะมีการเปลี่ยนแปลงการบริหารภายในสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้ามาเมืองตามมาเป็นแน่ เพราะในระหว่างที่พูดเขาได้เปิดเผยว่าได้ทำหนังสือเปิดโปงพฤติกรรมอันน่ารังเกียจและพฤติกรรมทำลายความมั่นคงของชาติดังกล่าวให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติได้ทราบแล้ว

ทั้งที่ในการให้สัมภาษณ์ของ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ทำให้รู้สึกสงสัยอย่างมากว่าในเมื่อตัวเองรู้เรื่องดีมาตั้งแต่ต้นตั้งแต่เคยประจำอยู่ที่ สตม.เมื่อหลายปีก่อนจนกระทั่งเวลานี้ก็เป็นผู้บริหารสูงสุดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรงสามารถให้คุณให้โทษกับตำรวจที่นั่นได้ทุกระดับจนถึงระดับผู้บัญชาการ เวลาผ่านมาเป็นปีทำไมถึงไม่ดำเนินการ ปล่อยเอาไว้ทำไม หรือว่าที่ออกมาพูดเพื่อกลบเกลื่อนความล้มเหลวของตัวเอง หรือว่าเพื่อต่อรอง “สกัดการล้ำแดน” เข้ามาของฝ่ายตรงข้ามหรือฝ่ายที่มีอำนาจเหนือกว่าหรือเปล่า เพราะเมื่อพิจารณาจากบัญชีโยกย้ายที่ออกมาดังกล่าวข้างต้นล้วนส่อไปทางนั้นจริงๆ

ขณะเดียวกัน โผรายชื่อแต่งตั้งที่ออกมามันก็เป็นไปได้ทั้งสองด้านนั่นคือ เป็น “โผหลอก” เพื่อหวังต่อรองอีกโผรายชื่อหนึ่งที่กำเอาไว้ในมือ เพราะเชื่อว่าหลังจากที่มีการโปิดโปงพฤติกรรมทุจริตฉ้อฉลในสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมืองออกมาแล้วจะเป็นที่จับตาของสังคม จนทำให้ฝ่ายที่มีอำนาจเหนือกว่า “ไม่กล้าขยับล้ำแดน” เข้ามา ทำให้อีกฝ่ายมีอิสระในการจัดโผของตัวเองได้สะดวกขึ้นหรือเปล่า

แต่ถึงอย่างไรเชื่อว่า งานนี้สำหรับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ รวมทั้ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคงที่ดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่มีการอ้างอิงถึงที่มาของอำนาจ คงไม่น่าจะอยู่นิ่งเฉย เพราะเรื่องราวในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยเฉพาะเรื่องเฉพาะหน้าที่สำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจะต้องมีการจัดการที่เหมาะสม ที่สำคัญต้องสร้างความรู้สึกที่ดีของสังคม จะต้องสร้างศรัทธาให้กลับมามากกว่าเดิม ยิ่งในยุค “พิเศษ” ก็ยิ่งต้องมี “ศรัทธาค้ำจุน” อย่าเล่นปาหี่เป็นอันขาด!