“อนุสิษฐ” เผยนายกฯ ให้ความสำคัญระบบข้อมูลให้เชื่อมกันได้ เพื่อให้เกิดประโยชน์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ สนง.รบ.อิเล็กทรอนิกส์รวบรวมข้อมูลครบถ้วนแล้ว ย้ำระบบเฝ้าตรวจเข้าออกประเทศต้องมีประสิทธิภาพ รับใช้งบไม่มาก แจงจัดลำดับข้อมูลเผยได้และข้อมูลลับกันแฮก และกัน ปชช.สับสน
วันนี้ (16 ก.ย.) ที่ตึกสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ทำเนียบรัฐบาล นายอนุสิษฐ คุณากร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการบูรณาการฐานข้อมูลด้านความมั่นคงว่า เป็นการประชุมคณะกรรมการบูรณาการฐานข้อมูลด้านความมั่นคงซึ่งนายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญเพราะต้องการให้ระบบข้อมูลข่าวสารของประเทศสามารถเชื่อมโยงกันได้ เนื่องจากที่ผ่านมาข้อมูลอยู่ในหลายหน่วยงาน และเป็นลักษณะต่างคนต่างทำงาน ถือเป็นอุปสรรคเพราะข้อมูลบางอย่างสามารถแบ่งปันและเชื่อมโยงกันได้ทันที ซึ่งเครือข่ายข่าวสารที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เคยทำไว้เรียกว่าเครือข่ายทางหลวงอิเล็กทรอนิกส์ (ซุปเปอร์จิน) ของรัฐบาลที่เชื่อมต่อกับหน่วยงานภาครัฐที่เป็นเครือข่ายข้อมูลของรัฐบาลเราก็นำข้อมูลของกระทรวงต่างๆ มาเชื่อมโยงกันเพื่อให้เกิดประโยชน์ในการใช้ในแง่ของเศรษฐกิจ การเมือง การลงทุน รวมทั้งการเตือนภัยจากธรรมชาติ ต้องมาดูว่าเราจะทำอย่างไรให้ข้อมูลนี้ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ
นายอนุสิษฐกล่าวต่อว่า การประชุมวันนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นเท่านั้น หลังจากนี้จะเป็นการทำในระดับอนุกรรมการที่จะพิจารณาโดย สมช. และ สมช.กับสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ที่จะเข้ามาดูระบบต่างๆ ที่มีอยู่ในประเทศ ขณะนี้สำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ที่มีการรวบรวมข้อมูลข่าวสารของแต่ละกระทรวงไว้ครบถ้วนแล้ว เหลือแต่การดึงข้อมูลที่เป็นประโยชน์ไปใช้ในระดับนโยบาย
เมื่อถามว่า การติดตามบุคคลที่เข้าออกประเทศ ขณะนี้มีข้อมูลที่เพียงพอแล้วหรือไม่ นายอนุสิษฐกล่าวว่า ฐานข้อมูลนี้จะเกี่ยวโยงกับคนที่เข้าออกประเทศ รวมถึงบุคคลที่เข้าออกชายแดนซึ่งเป็นงานสำคัญของหน่วยงานความมั่นคง รวมถึงการข้ามผ่านแดนของสินค้าที่ผิดกฎหมาย สิ่งต่างๆ เหล่านี้จะต้องมีระบบของการเฝ้าตรวจ รวมถึงระบบของการเฝ้าเตือนจะต้องมีประสิทธิภาพ และเมื่อแจ้งเตือนอย่างมีประสิทธิภาพแล้วระบบการบริหารจัดการภายในประเทศก็ต้องมีประสิทธิภาพด้วย
เมื่อถามว่าการลงทุนครั้งนี้จะต้องใช้งบประมาณเท่าใด เลขาฯ สมช.กล่าวว่า คิดว่าไม่มากนัก เพราะแต่ละกระทรวงมีชุดข้อมูลเหล่านี้อยู่แล้ว แต่อาจจะใช้งบประมาณในการทำศูนย์รวบรวมข้อมูลที่จะทำหน้าที่แบ่งปันข้อมูลในภาคส่วนต่างๆ ให้เชื่อมโยงกันตามแผนของกระทรวงไอซีที ส่วนการป้องกันระบบการแฮกข้อมูล เรามีการจัดลำดับข้อมูลที่สามารถเผยแพร่ได้ และข้อมูลที่อยู่ในชั้นความลับขณะนี้ประชาชนอาจมีการสับสนอยู่ระหว่างข้อมูลของรัฐและของสื่อ ฐานข้อมูลนี้เป็นเครื่องมือที่จะทำให้ประชาชนไม่สับสน