xs
xsm
sm
md
lg

“ชัจจ์” ได้ที! ซัด “สมยศ” แฉโกง สตม.ทำลาย สตช. เชื่อหวังต่อรองอำนาจให้ตัวเอง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม (แฟ้มภาพ)
อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ซัด ผบ.ตร.แฉทุจริตสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ทำลาย สตช. งงเป็น ผบ.มาตั้งนานไม่แก้ มีอะไรไม่พอใจหรือเปล่า เชื่อสร้างอำนาจต่อรองให้ตัวเอง หวังดิสเครดิตคนของรัฐบาล ส่วนคดีภรรยาฟ้อง “สมยศ” ซื้อขายหุ้น 260 ล้านอยู่ในชั้นฎีกา

วันนี้ (15 ก.ย.) พล.ต.อ.ชัจจ์ กุลดิลก อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม และอดีตผู้บัญชาการสอบสวนกลาง (บช.ก.) กล่าวถึงกรณีที่ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ออกมาเปิดโปงการทุจริตเรียกรับสินบนภายในสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) ว่า ส่วนตัวเห็นว่า พล.ต.สมยศ ในฐานะ ผบ.ตร.ไม่ควรที่จะออกมาวิพากษ์วิจารณ์หน่วยงานที่ตัวเองกำกับดูแลอยู่ เพราะในความเป็นจริงคนเป็นผู้บังคับบัญชาควรจะปกป้องมากกว่าวิพากษ์วิจารณ์หรือโจมตี ขณะเดียวกัน พล.ต.อ.สมยศเองก็ผ่านการทำงานใน สตม.มาก่อน การนำเรื่องการทุจริตออกมาเปิดเผยในลักษณะนี้เป็นการทำลายองค์กรสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.)

“ก็เป็นที่น่าสังเกตว่า พล.ต.อ.สมยศเป็น ผบ.ตร.มานานแล้วทำไมไม่ดำเนินการแก้ไขปัญหาที่ตัวเองเห็นว่าเป็นจุดด่างขององค์กร กลับมาออกมาวิพากษ์วิจารณ์ในช่วงเวลาที่ตัวเองใกล้เกษียณ หรือว่ามีอะไรที่ไม่พอใจกับ สตม.หรือเปล่า” พล.ต.อ.ชัจจ์ระบุ

พล.ต.อ.ชัจจ์กล่าวด้วยว่า การที่ ผบ.ตร.ออกมาวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของผู้บัญชาการ สตม.นั้นน่าจะเป็นเรื่องของการสร้างอำนาจต่อรองให้แก่ตัวเองในการแต่งตั้งโยกย้ายในช่วงนี้มากกว่า เนื่องจากรัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) อาจมีนโยบายที่ชัดเจนในการแต่งตั้งคนของตนเองเข้ามาควบคุม หรือมีอำนาจแฝงที่มีมากกว่าอำนาจของ คณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ตร.) ทำให้การแต่งตั้งโยกย้ายไม่เป็นไปตามความต้องการของ ผบ.ตร. จึงเป็นสาเหตุสำคัญที่ต้องดิสเครดิตคนของรัฐบาลที่จะเข้ามาสืบทอดอำนาจแทนคนของตนเอง

พล.ต.อ.ชัจจ์ยังได้กล่าวถึงการฟ้องร้องระหว่าง พล.ต.อ.สมยศ กับนางวิมลรัตน์ กุลดิลก ภรรยาของ พล.ต.อ.ชัจจ์ ในกรณีการซื้อขายหุ้นมูลค่ามูลค่า 260 ล้านบาทว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา เป็นคดีที่มีนางวิมลรัตน์ได้ยื่นฟ้อง พล.ต.อ.สมยศ ในข้อกล่าวหาปลอมแปลงเอกสารและเบียดบังเอาหุ้นมูลค่า 260 ล้านบาทไปเป็นของตนเองโดยมิชอบ โดยหุ้นจำนวนดังกล่าว นางวิมลรัตน์ได้รับการโอนมาจากนายสุริยา ลาภวิสุทธิสินธ์ เพื่อเป็นการชำระหนี้ แต่ต่อมา พล.ต.อ.สมยศแจ้งว่ามีเอกสารว่าหุ้นจำนวนดังกล่าวตนเองได้ซื้อมาจากตัวแทนของนายสุริยาเป็นเงิน 9 แสนบาท โดยศาลชั้นต้นได้พิจารณาและพิพากษาไปแล้วให้ พล.ต.อ.สมยศส่งคืนหุ้นมูลค่า 260 ล้านบาทแก่นางวิมลรัตน์ หาก พล.ต.อ.สมยศไม่สามารถคืนหุ้นดังกล่าวให้กับนางวิมลรัตน์ได้ ให้ชดใช้ความเสียหายเป็นเงิน 407 ล้านบาท ต่อมา พล.ต.อ.สมยศได้ยื่นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่านางวิมลรัตน์ไม่ใช้ผู้เสียหายตามคดีที่ฟ้อง เนื่องจากหุ้นจำนวนดังกล่าวเป็นของนายสุริยาจึงได้มีการยื่นต่อศาลฎีกา


กำลังโหลดความคิดเห็น