“ประยุทธ์” ชูปฏิรูปขั้นที่ 1 นำอริยสัจ 4 เป็นทางพัฒนา นำแผน สปช.มาใช้สู่การปฏิบัติเท่าที่ทำได้ อาจต้องงัด ม.44 บ้าง ถ้าสำเร็จประชาชนจะเข้าใจ ชูไม่แบ่งสีถือว่าปรองดองดีที่สุด จ่อเอาปัญหาที่กระบวนยุติธรรมตัดสินแล้วมาดูจะช่วยเยียวยาคนเจ็บ-ตายอย่างไร ลั่นไม่นิรโทษกรรมหากไม่มีคนรับผิด บอกถอดยศตามคำ “ทักษิณ” เมินฟังสิ่งไร้ค่า ซัดศาลตัดสินยังไม่รับเลย แนะอย่าให้คนโกงยืนในสังคม เตือน “เก่ง” ฝ่ายกฎหมายดูอยู่
วันนี้ (8 ก.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 13.20 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่า เรื่องการเดินหน้าประเทศวันนี้รัฐบาลได้เริ่มทำการปฏิรูปประเทศ จากขั้นที่ 1 ที่มีการนำปัญหามาดูและวิเคราะห์ เหมือนอริยสัจ 4 ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค มาเป็นหาทางในการพัฒนา โดยจะเร่งดำเนินการในเรื่องเหล่านี้ ส่วนเรื่องการบริหารราชการแผ่นดิน ในห้วงต่อไปนี้ตนได้สั่งไปแล้ว จะทำงานทั้ง 3 งานด้วยกัน ประกอบด้วยการปฏิรูป การปรองดอง การบริหารราชการแผ่นดิน และขจัดข้อขัดแย้งเพื่อให้ประชาชนได้เรียนรู้ว่าประเทศเราจะต้องทำทั้ง 3 อย่าง ต้องให้รู้ว่าจะต้องทำหรือไม่ และต้องทำอย่างไร ซึ่งส่วนนี้จะมีคณะกรรมการยุทธศาสตร์ลงมาขับเคลื่อน เพื่อให้รู้ว่าเกิดประโยชน์อย่างไร ซึ่งการปฏิรูปจะนำแผนของสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) มาใช้ประโยชน์นำไปสู่การปฏิบัติ ในส่วนที่ทำได้ อาจจะต้องมีการใช้มาตรา 44 บ้าง ในการบูรณาการ ที่ต้องแก้ไขกฎหมายที่ทำให้เดินไม่ได้
นายกฯ กล่าวว่า หากเราทำให้สำเร็จเป็นรูปธรรมในหนึ่งปีข้างหน้า หรือปีกว่าๆ ที่มีเวลาเพิ่มมา เชื่อว่าประชาชนจะเข้าใจ และนักการเมืองต่างๆ ที่ยังไม่เข้าใจว่าจะปฏิรูปอย่างไร จะได้เข้าใจเสียทีว่าเราจะเดินยุทธศาสตร์อย่างไร ซึ่งการบริหารราชการต่างๆ ตนก็บริหารไปตามปกติ แต่เมื่อไรก็ตามที่มีความขัดแย้งก็เสนอมาอยากจะทำ หรือแก้ปัญหาแบบไหน สรุปเรื่องปฏิรูปนั้นทำเท่าที่ทำได้
ส่วนเรื่องปรองดองนั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า วันนี้สามารถทำในระดับพื้นที่กับประชาชนได้พอสมควรแล้ว ไปมาหาสู่ไม่แบ่งแบกสีสัน ถือว่าดีที่สุดแล้ว นี่คือปรองดองด้วยหัวใจของเขาเองเพราะคิดว่าคงไม่มีใครอยากทะเลาะกัน ถ้าไม่มีใครไปปลุกในสิ่งถูกบ้างผิดบ้าง ซึ่งตนไม่อยากว่าใคร ทั้งนี้การปรองดองในขั้นต่อไปที่จะต้องดูคือ เอาประเด็นปัญหาทั้งหมดมา แต่ไม่ใช่เอาปัญหาที่ยังไม่เข้ากระบวนการยุติธรรมมาดำเนินการมันทำไม่ได้ อะไรที่เข้ากระบวนการยุติธรรมตัดสินและมีคำตอบแล้ว ดำเนินคดีแล้ว อาจจะมาดูว่าจะช่วยอย่างไร จะเยียวยาคนบาดเจ็บ เสียชีวิตอย่างไร นี่คือวิธีการปรองดองของตน ฉะนั้นใครจะว่าอะไรก็แล้วแต่ไม่ว่าจะปฏิรูปหรือการปรองดองเขาคิดแบบตนหรือเปล่า ซึ่งอยากบอกว่าวิธีนี้เป็นสากล หากให้นิรโทษกรรมทั้งหมดเพื่อการปรองดอง ในขณะที่ยังไม่มีคนรับผิดชอบการกระทำ ตรงนี้ทำไม่ได้ ต้องชัดเจนศาลตัดสินอย่างไรต้องเป็นไปตามนั้น
“สมมติว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นปี 2553 และมีการติดคุกแล้วตรงนี้จะมาดูเรื่องการบรรเทาโทษ ต้องเดินแบบนี้ดูดีๆ จะนิรโทษกรรมทันทีตามกลไกมันทำไม่ได้ ตรงนี้เป็นหลักการของโลกใบนี้ เขาใช้วิธีนี้ เป็นแนวทางการปรองดอง ซึ่งปัญหาแบบนี้เกิดหลายประเทศในโลกจึงต้องมีกลไก ขจัดความขัดแย้ง สร้างความปรองดอง ในเมื่อมีเหตุการณ์ที่รุนแรงเกิดขึ้น ตรงนี้มีวิชาสอน มีองค์กรที่ตั้งขึ้นมาและเปิดอบรมทหาร ก็เคยส่งไปอบรม ผมก็เอาจากตรงนี้มาทั้งนั้น ทุกอย่างอย่าคิดเอาเอง ถ้าคิดเองการยอมรับมันก็ไม่ได้” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช.ยังกล่าวถึงการออกคำสั่ง คสช. มาตรา 44 ที่ถอดยศนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เรื่องมาตรา 44 ที่จบไปแล้วก็ไม่จบ ผมทำให้มันจบ จบไป เรื่องที่เป็นความขัดแย้งจบก่อน และไม่ได้เดือดร้อนใคร แม้กระทั่งที่ผมใช้มาตรา 44 ไปเมื่อเร็วๆ นี้ ผมถามว่า ผมทำตามใจคนพูดนั่นแหละ เพราะเขาบอกว่าไม่ต้องการ เขาบอกว่าอยากถอด ไปได้ก็ถอดไปใช่ไหม แล้ววันนี้มาว่าผมได้อย่างไร ผมทำตามใจท่านนะ เพราะฉะนั้นอย่ามาพูดกับผมแบบนั้น พูดกลับไปกลับมา แล้วแต่จะใช้โอกาสไหน ผมทำงานไอ้คนไม่ทำงานแล้วค่อยว่าผมตลอด ท่านก็ต้องอยู่กับผมในสิ่งที่ถูก สิ่งที่ไม่ถูกท่านไม่ต้องมาอยู่กับผม ผมไม่ต้องการ ถ้าไม่ถูกก็บอกมาผมจะได้แก้ไข เท่านั้นเอง”
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ทั้งนี้ฝากเรื่องเจตนาของคนพูด กับที่ตนพูดมันต่างกัน ตนไม่ได้ประเมินว่า ตนเองสูงกว่า เพียงแต่อย่าเอาสิ่งที่ไร้ค่าของเขามาพูดกับตน ตนไม่ฟัง และก็จะทำแบบนี้ต่อไป โดยจะใช้กฎหมายด้วยความยุติธรรม และเป็นธรรม ถ้าไม่ผิดก็ไม่มีใครแตะต้องได้ ไม่ว่าจะกฎหมายมาตราอะไรก็แล้วแต่ ซึ่งตนไม่ได้ใช้เพื่อรังแกใคร ต้องมีสาเหตุ เคยรับสาเหตุกันหรือไม่ ขณะคำตัดสินของศาลยังไม่รับเลย รู้ความเดือดร้อนของประชาชนเห็นๆ กันอยู่ว่าประชาชนเจ็บตายกันอยู่ ยังไม่แก้ไขเลย ไปหามาแล้วกันรัฐบาลประชาธิปไตยแบบนั้น ไปหามาให้ได้
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า อย่าให้คนทุจริต หรือคนไม่ดีมีที่ยืนอยู่ในสังคมอีกต่อไป คนเลว คนทำผิดกฎหมาย คนขี้โกง แต่อย่าไปรุนแรงกับเขา เพียงแต่อย่าไปนับถือ อย่าไปชื่นชมกันมากนัก พวกที่ชื่นชม และให้การสนับสนุนการกระทำความผิด หรือผู้กระทำความผิดหลบหนีต่างๆ ระวังกฎหมาย แล้วไปพูดจาถือว่าเข้าประเด็นให้การสนับสนุนการกระทำความผิดกฎหมาย ระวังกฎหมายจะเล่นงาน พวกที่พูดเก่งๆ พวกที่ชอบพูดว่า “ท่านครับ ผมว่าท่านอยู่ในหัวใจของผมตลอดไป” ขอให้ระวังตัว ฝ่ายกฎหมายเขาดูอยู่ “ไอ้ฉลาดอะ ที่พูด ชื่อความหมายเดียวกันกับฉลาด รู้จักไหม” ซึ่งเมื่อนายกรัฐมนตรีถาม ผู้สื่อข่าวตอบว่า “เก่ง” นายกรัฐมนตรีกล่าวติดตลกว่า “ใช่ ให้คะแนน เอาตังค์มา ฉลาดนิ”