รองนายกฯ กัมพูชาเยี่ยมคารวะ “ประยุทธ์” หลังมาไทยเป็น ปธ.ประชุมผู้ว่าฯ จังหวัดชายแดนสองชาติ ถกยกระดับจุดผ่านแดน นัดคุยปมทุ่นระเบิดใน JBC ขอให้ย้ายชุมชนออกจากแนวพื้นที่กันชน จัดทำแผนบริหารให้ชัด หนุนพัฒนาเขต ศก.พิเศษที่สระแก้ว-ตราด ขอความร่วมมือรถไฟเชื่อมสองชาติโยงเส้นทางถึงเวียดนาม-ท่าเรือทวาย ขอร่วมจับกุมเบื้องหลังล่อหลวงแรงงาน จับมือปรับปรุงคุณภาพชีวิต ปชช.ตามชายแดน
วันนี้ (27ส.ค.) สมเด็จกลาโหม ซอร์ เค็ง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการมหาดไทยกัมพูชา เข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ณ ห้องสีงาช้าง ทำเนียบรัฐบาล ทั้งนี้ พล.ต.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวสรุปสาระสำคัญการหารือ ดังนี้
นายกรัฐมนตรีแสดงความยินดีที่รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย กัมพูชา เดินทางมาเป็นประธานการประชุมคณะผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 5 ร่วมกับ รมว.มหาดไทยของไทย ระหว่างวันที่ 26-28 ส.ค. 2558 ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างจังหวัดตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา และผู้ว่าราชการจังหวัดทั้งสองฝ่ายได้มีโอกาสพบปะหารือเกี่ยวกับความร่วมมือด้านต่างๆ ระหว่างกัน
ทั้งสองฝ่ายหารือถึงการเปิดและการยกระดับจุดผ่านแดนถาวรไทย-กัมพูชา บ้านหนองเอี่ยน-สตึงบท ในชั้นนี้ไทยอยู่ระหว่างพิจารณาแผนการใช้จ่ายงบประมาณ จึงขอความร่วมมือกัมพูชาจัดทำแผนงบประมาณเพื่อพิจารณา และไทยยินดีเร่งดำเนินการก่อสร้างด่านแห่งใหม่ที่บ้านหนองเอี่ยม บ้านป่าไร่-โอเนียง นายกรัฐมนตรีแจ้งว่ารัฐบาลไทยกำหนดให้พื้นที่ตำบลบ้านไร่เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ อย่างไรก็ดี ยังคงมีปัญหาเรื่องความไม่ชัดเจนของเส้นเขตแดน และปัญหาทุ่นระเบิด จึงควรหยิบยกประเด็นดังกล่าวขึ้นหารือในการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) ครั้งต่อไป
สำหรับจุดผ่อนปรนการค้าช่องอานม้า-อานเซะ ทั้งสองฝ่ายอยู่ระหว่างการสำรวจรายละเอียดภูมิประเทศ (Joint Detail Survey) และจะเสนอผลสำรวจให้ JBC พิจารณารับรองต่อไป หลังจากนั้นนายกรัฐมนตรี ขอให้ทั้งสองฝ่ายดำเนินการตามเงื่อนไขที่ได้หารือในระดับพื้นที่ โดยกันแนวจากสันปันน้ำประมาณฝ่ายละ 100-500 เมตรและขอให้กัมพูชาย้ายตลาดและชุมชนออกจากแนวพื้นที่กันชน (Buffer Zone) และจัดทำแผนบริหารพื้นที่ให้ชัดเจน
นายกรัฐมนตรียินดีสนับสนุนการจัดตั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษระยะแรกในพื้นที่จังหวัดสระแก้ว และจังหวัดตราด และร่วมกันพัฒนาพื้นที่ชายแดนตรงข้ามกับฝั่งไทย โดยสนับสนุนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและภาคเอกชนทั้งสองฝ่ายร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด เพื่อส่งเสริมและอำนวยความสะดวกด้านการค้าและการลงทุนบริเวณพื้นที่ดังกล่าว
โอกาสนี้นายกรัฐมนตรีขอความร่วมมือกัมพูชาพัฒนาเส้นทางรถไฟเพื่อเชื่อมต่อเส้นทางรถไฟระหว่างไทย-กัมพูชา (เส้นทางกรุงเทพฯ-อรัญประเทศ-ปอยเปต-ศรีโสภณ) โดยการดำเนินการฝั่งไทยคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2558 (จากอรัญประเทศไปบ้านคลองลึก ระยะทาง 6 กิโลเมตร) เพื่อให้มีการเชื่อมโยงเส้นทางต่อไปกรุงพนมเปญ และเวียดนาม รวมถึงเชื่อมโยงการพัฒนากับโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษและท่าเรือน้ำลึกทวายต่อไป
ด้านความร่วมมือด้านแรงงาน นายกรัฐมนตรีขอให้กัมพูชาให้ความสำคัญและร่วมมือกันจับกุมผู้อยู่เบื้องหลังการล่อลวงแรงงานชาวกัมพูชาให้ข้ามแดนเข้ามาในไทยอย่างผิดกฎหมายอย่างจริงจัง และอยากให้กัมพูชาขึ้นทะเบียนแรงงานล่วงหน้า โดยแยกแรงงานกับแรงงานมีฝีมือ ทั้งนี้รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทยของกัมพูชา แสดงความขอบคุณที่ไทยร่วมมือและสนับสนุนการพัฒนาฝีมือแรงงานกัมพูชาที่เข้ามาทำงานในไทย เพื่อเพิ่มพูนทักษะแก่ชาวกัมพูชาที่ทำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อเตรียมพร้อมเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC)
ทั้งสองฝ่ายยินดีสนับสนุนให้จังหวัดและอำเภอชายแดนของทั้งสองประเทศ ส่งเสริมความร่วมมือในเรื่องต่างๆ เช่น วัฒนธรรม การท่องเที่ยว การศึกษา การสาธารณสุข การพัฒนาชนบท การจัดแสดงสินค้า ผลิตภัณฑ์ชุมชน (โครงการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ของไทย และโครงการหนึ่งหมู่บ้านหนึ่งผลิตภัณฑ์ของกัมพูชา) และผลิตผลทางการเกษตรของจังหวัดและอำเภอชายแดน รวมทั้งสนับสนุนให้เยาวชนในจังหวัดและอำเภอชายแดนของทั้งสองประเทศ ได้บรรลุซึ่งผลประโยชน์ของการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม และการปรับปรุงคุณภาพชีวิตสำหรับประชาชนบริเวณดังกล่าวต่อไป
ก่อนจบการสนทนารองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทยกัมพูชาแสดงความขอบคุณรัฐบาลไทยที่ยินดีสนับสนุนการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ของเจ้าหน้าที่ด้านการปกครองส่วนท้องถิ่นให้แก่กัมพูชา นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังหวังให้กระทรวงมหาดไทยเป็นแกนกลางในการประสานงานกับหน่วยงานอื่นๆ และมีการเปิดสายด่วน HOTLINE ในกรณีที่มีเหตุการณ์เร่งด่วนจะได้มีการประสานงานเพื่อแก้ไขปัญหาได้อย่างทันท่วงที