“ประยุทธ์” เผยแบ่งงานรองนายกฯ ใหม่แล้ว บอกแยกกระทรวงเกี่ยวเศรษฐกิจให้ “สมคิด” บูรณาการ รวมทั้งต่างประเทศ ยัน “ธนะศักดิ์-ประจิน” ยังให้คำปรึกษาได้ บอกเอา “อนันตพร” คุมพลังงานเพื่อสร้างความเชื่อมั่น ให้ไปเช็กสัมปทานปิโตรเลียม ลั่นตั้งบิ๊กตำรวจ ทหาร ไม่ได้แชร์อำนาจ ไม่จำเป็นต้องมีใครมาปกป้องตน บอกคนที่ขึ้นมาก็รู้โดนรัฐบาลใหม่จับย้ายแน่ ขอสื่ออย่าขยายคำนักการเมือง รับบอก รมต.พลเรือนอย่าระแวง ไม่เคยแบ่งแยกใคร แต่คาดหวังงานเหมือนกัน บอกตั้ง ผบ.ทบ.ตามที่ชงมา ถาม “น้องชาย” ผิดอะไร แย้ม ปธ.คตร.ใหม่เป็นทหาร รู้เรื่องงบฯ ส่วนเลขาฯ สมช.ก็ตามสถานการณ์
วันนี้ (25 ส.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 12.15 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงข่าวและให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชนภายหลังการประชุม ครม.ว่า ได้มีการแบ่งงานรองนายกรัฐมนตรีใน ครม.แล้ว โดยแบ่งเป็นกระทรวง ระยะหลังนั้นตนไม่ได้เน้นฝ่ายเท่าไหร่ และให้ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี ดูแลกระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และกระทรวงแรงงาน ส่วนฝ่ายเศรษฐกิจของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี จะเอากระทรวงที่เกี่ยวกับเศรษฐกิจทั้งหมดไปรวมจะได้บูรณาการกันทั้งหมด และจะแยกออกมาให้รองนายกรัฐมนตรีท่านอื่นดูแล พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรีดูแลกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และกระทรวงวัฒนธรรม ส่วนกระทรวงการต่างประเทศก็ให้ฝ่ายเศรษฐกิจดูแลเพราะจะเดินหน้าเศรษฐกิจกับการต่างประเทศไปด้วยกัน แต่ พล.อ.ธนะศักดิ์สามารถให้คำปรึกษาต่างๆ ได้ คือต้องช่วยกัน
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เรื่องของกระทรวงคมนาคม พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี ก็สามารถให้คำปรึกษาได้ เพียงแต่ว่าที่กำหนดความรับผิดชอบคือนำไปขับเคลื่อนให้ได้ผ่านเอกสารขึ้นมา เพราะทั้งหมดตนต้องสั่งการอยู่แล้ว กำหนดนโยบายและรองนายกรัฐมนตรีก็คิดว่าจะทำอย่างไร แล้วก็แปลงนโยบายที่กำลังทำไปสู่การปฏิบัติสู่กระทรวงมหาดไทย เพราะกระทรวงนี้เป็นคนดูแลประชาชนทุกพื้นที่ ไปขับเคลื่อนสู่ผู้ว่าราชการจังหวัดพร้อมหน่วยงานของทุกกระทรวงในจังหวัดนั้น เป็นการบูรณาการ นี่คือหลักการในการปฏิรูปการบริหารราชการให้เกิดการประสานงานอย่างแท้จริง อาจจะออกมาเป็นกฎหมายในภายหลัง ถ้าวันหน้านักการเมืองกลับเข้ามาใหม่เขาก็ไม่ได้ทำแบบตน เพราะมันเป็นการเมืองแบบรัฐบาลผสม แบ่งกระทรวงกันไป ก็กลับไปแบบเดิม วันนี้ไม่มีแบ่งพรรค มีแต่พรรคเดียว พรรคของตน
เมื่อถามว่า การพิจารณาเปิดสัมปทานปิโตรเลียมเป็นอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ยังพิจารณาของเดิมอยู่ เพราะเป็นกฎหมาย และได้มอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานไปดูเรื่องนี้ให้ชัดเจนแล้ว การที่เอาทหารมาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานนั้นเพราะเขาทำหน้าที่ตรงนี้มาอยู่แล้ว เรื่องของการสร้างความเชื่อมั่น และเป็นคตร.มาก่อนด้วย ซึ่งตนไว้ใจและบอกแล้วว่า อย่าใช้ทหารมาก เป็นเรื่องของการสร้างความเข้าใจ สร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ นั่นคือเหตุผลที่ตนเอาทหารไปอยู่ ไม่เช่นนั้นจะให้ใคร ไว้ใจให้นักการเมืองมากกว่าตนหรือ ก็รอก็แล้วกันถ้าอย่างนั้น
พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวถึงการแต่งตั้งข้าราชการและปลัดกระทรวงต่างๆ ว่า วันเดียวกันนี้ที่ประชุม ครม.มีการแต่งตั้งปลัดกระทรวง 4-5 กระทรวง เป็นไปตามที่มีการเสนอขึ้นมา
“ขอร้องว่าอย่ามองว่าผมตั้งคนหรือใครขึ้นมา ตั้ง ผบ.ทบ. ตั้งตำรวจ เป็นการแชร์อำนาจ ผมไม่จำเป็นต้องแชร์อำนาจเพราะเรื่องเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องการต่อรอง ไม่ใช่เรื่องของผลประโยชน์ เพราะฉะนั้นการตั้งคนเข้ามาดำรงตำแหน่ง ก็ตั้งตามเหตุผล สิ่งที่ควรจะเป็นตามระเบียบที่เขาทำขึ้นมา หลายคนออกมาบอกว่าแต่งตั้งเพื่อปกป้องผม ไม่เป็นความจริง ไม่ต้องให้ใครมาปกป้องผมหรอก ปกป้องประเทศชาติดีกว่า เพราะผมไม่ได้ทำความเลวอะไร จึงไม่จำเป็นต้องมีใครมาปกป้อง ผมมีประชาชนที่เข้าใจผม ให้กำลังใจผม สามารถฝากความหวังให้ผมทำงานให้เขาก็สามารถทำได้จนกว่าผมจะไม่มีเวลาทำ ทุกอย่างก็จะทำตามโรดแมป และไม่ว่าใครจะเป็นก็แล้วแต่ ไม่ว่าจะเป็นตำรวจ ทหารที่ตั้งขึ้นมาก็มีการเอาปัญหาเก่ามาดูว่ามันเคยเกิดอะไรขึ้นมาบ้าง ซึ่งจะต้องดูผลงานของคนที่ตั้งขึ้นมาใหม่ ว่ามีผลงานปรากฏหรือไม่ ทำอะไรได้บ้าง ซึ่งถ้าเราทบทวนตั้งแต่ก่อนวันที่ 22 พ.ค. 57 และหลังจากนั้น ทุกอย่างมันแตกต่างกันนั่นคือเป้าหมายในการทำงาน เราไม่ต้องการสืบทอดอำนาจ ใครที่ผมแต่งตั้งขึ้นมาวันนี้ รัฐบาลหน้าที่มาจากการเมืองเขาก็ย้ายหมดนั่นแหละ ไม่ต้องไปกลัวว่าคนที่ได้รับการแต่งตั้งจากรัฐบาลนี้ก็รู้อยู่แล้วว่าต้องไปพร้อมรัฐบาล เราจึงแต่งตั้งคนที่ทำหน้าที่ ไม่ได้ทำในสิ่งที่ผิดเลย ขอให้ทำตามกฎหมายเท่านั้น ทำตามหน้าที่ ถ้าจะมาบอกว่าเราทำเพื่อหวังผลที่อยู่ต่อไประยะยาว ยืนยันว่าผมไม่ได้หวังอะไร พูดมาหลายครั้งแล้ว ผมไม่เคยหวังอะไรเลย ไม่ประสงค์ที่จะต่อท่ออำนาจ เพราะผมไม่เคยรู้สึกว่าผมมีอำนาจ อำนาจของผมมาจากประชาชน” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ในส่วนของสื่อก็ต้องระมัดระวังบางทีการเผยแพร่คำพูดของอดีตนักการเมือง อดีตรัฐบาลเก่า ซึ่งเขาไม่เคยแก้ปัญหาได้ ในทำนองปรามาสรัฐบาล หรือ คสช. ซึ่งตนคิดว่าไม่เป็นธรรมกับตน ก็ขอร้องสื่ออย่าไปขยายความคำพูดเหล่านี้มากนัก แม้ตนจะห้ามสื่อไม่ได้ก็ตาม
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เรื่องของ ครม.ทหาร วันนี้ตนก็ได้อธิบายให้เกิดความเข้าใจกับทุกคนแล้ว ยืนยันว่าทหารวันนี้ไม่ใช่ทหารแบบเดิมที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย เราเข้ามาเราต้องศึกษา อย่างตนดำรงตำแหน่งนายกรัฐมตรีก็ไม่เคยคิดว่าจะมาเป็น แต่ที่ผ่านมาตนก็ทำหน้าที่บริหารกองทัพ แม้อาจจะไม่เหมือนกัน มีขนาดเล็กกว่าแต่ตนก็บริหารกองทัพในลักษณะเดียวกันคือการบูรณาการ การแสดงความคิดเห็นของลูกน้อง ผู้บังคับบัญชา และตนเป็นคนตัดสินใจ อะไรที่จำเป็นต้องใช้อำนาจสั่งการก็ต้องสั่งการ แต่อะไรที่สามารถหารือได้ก็ต้องหารือ ทั้งหมดต้องกำหนดรูปแบบให้ได้
“วันนี้ผมถือโอกาสบอกกับรัฐมนตรีที่เป็นภาคพลเรือนไปแล้วว่าอย่าระแวง ผมไม่ได้ตั้งคนมาเพื่อแชร์อำนาจทั้งหมด ต้องตั้งกลุ่มขึ้นมาคุยกันทั้งรัฐมนตรีเก่า รัฐมนตรีใหม่ รองนายกฯ เก่า รองนายกฯ ใหม่จะต้องทำงานร่วมกันทั้งหมด ผมไม่เคยแบ่งแยกใครอยู่แล้ว ขึ้นอยู่ว่าท่านจะทำกันได้แค่ไหนและยอมรับกันเองได้แค่ไหน ลดอัตตากันได้หรือเปล่า เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องทำงานร่วมกัน ทั้งนี้ผมไม่หนักใจ แต่คาดหวังกับรัฐมนตรีใหม่ของผมเหมือนกันและผมเองก็ไม่ได้ขัดแย้งกับใครทั้งสิ้น และผมได้ย้ำในที่ประชุม ครม.วันเดียวกันนี้ถึงสิ่งที่ ครม.ชุดที่แล้วทำมา ครม.ใหม่ก็ต้องรับช่วงต่อไป ก็ต้องพัฒนาให้ชัดเจนจึ้น เร็วขึ้น อย่างที่ประชาชนต้องการ” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงในส่วนบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารประจำปี 2558 ว่า ตนได้ลงนามขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และใครจะเป็นก็เหมือนกัน เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้าไม่ใช่ชื่อพล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ขึ้นดำรงตำแหน่ง ผบ.ทบ.ก็คงไม่เป็นปัญหา พล.อ.ประยุทธ์กล่าวย้อนถามทันทีว่า “จะเป็นหรือไม่เป็นก็ไม่เป็นไร ผมไม่เห็นจะเดือดร้อนอะไร สื่อจะทำให้มันเกิดความวุ่นวายอะไร น้องชายผมเขาก็ไม่ได้อะไร เขาก็แล้วแต่ ความจริงแล้วทุกคนก็ดำรงตำแหน่งได้ทั้งหมดนั่นแหละ แต่สถานการณ์แบบนี้มันควรจะเป็นอย่างไร ใครอาวุโสกว่ากันตรงไหน ถนัดหรือเหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบันหรือไม่ ทุกคนเขารู้ตัวกันอยู่แล้ว อย่าไปกังวลกันว่าเป็นน้องของผม ผมเคยพูดมาแล้วว่าเป็นน้องของผมมันผิดอะไร แล้วมันตรงไหนจากที่ผมพูด ผมยังไม่ได้บอกว่าเขาจะเป็นอะไรสักหน่อย เป็นเรื่องของคณะกรรมการที่จะเสนอขึ้นมา ผมเห็นด้วย ผมก็เซ็นกลับไป เรื่องก็จบ ไม่มีปัญหา จะตั้งใครก็ต้องฟัง แต่ถ้าผมทำในสิ่งที่ไม่ดีไม่งาม มีผลประโยชน์แบบนี้ก็ไม่มีใครฟังผมอยู่ดี ถึงแม้จะตั้งเองก็ตามก็เหมือนกับที่ผมมายืนตรงนี้ เพราะคนอื่นเขาทำในสิ่งที่แก้ปัญหาไม่ได้”
พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวถึงการสรรหาเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) คนใหม่ว่า เป็นไปตามความเหมาะสมของสถานการณ์ ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นทหาร สถานการณ์ตอนนี้เป็นสถานการณ์ไม่ปกติ วันนี้ไม่ปกติเพราะตนยืนอยู่ตรงนี้ ถ้าเมื่อไหร่ตนไม่มายืนตรงนี้แปลว่าปกติ
เมื่อถามว่า การที่แต่งตั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงพาณิชย์เป็นพลเรือน ส่งผลต่อภาพลักษณ์ต่างชาติหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่ เวลาตนไปต่างประเทศก็ไม่มีผลอะไร ไม่เห็นมีใครมารังเกียจ แต่อาจจะมีคนมอง แต่เขาก็ค้าขายกับตนตามปกติ ไม่ใช่ไม่ขาย เพียงแต่เขาห้ามตนไปบางประเทศ ด้วยหลักประชาธิปไตย เขาพูดอย่างอื่นไม่ได้ แต่อย่าลืมว่าเศรษฐกิจของทุกประเทศอยู่ในประเทศเรามหาศาล เขาก็ต้องรักษาผลประโยชน์ของเขา ตนก็มีหน้าที่รักษาผลประโยชน์ของเขาและแบ่งปันให้ประเทศไทยอย่างเป็นธรรม ตนทำทุกอย่าง ที่ผ่านมาไปพบนักลงทุนหลายประเทศก็บอกดีขึ้น นักลงทุนไทยก็บอกสบายใจ ความโปร่งใสชัดเจนมากขึ้น กำหนดเวลาลดลง ดีทุกอย่างแต่ติดที่ตนเป็นพลเอกเท่านั้น อย่ากังวล ท่านเป็นคนไทย ตนก็ทำให้คนไทย แล้วก็มาโจมตีตนมาตลอด ตนไม่ได้อะไรซักอย่าง
เมื่อถามว่า การพิจารณาแต่งตั้งประธานคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) คนใหม่ เป็นอย่างไร นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า กำลังรอตั้งอยู่ รอเสนอขึ้นมา ต้องตั้งคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเงินๆ ทองๆ อยู่แล้ว ตั้งส่งเดชไม่ได้ ต้องรู้เรื่องงบประมาณ
เมื่อถามต่อว่าจะเป็นทหารหรือพลเรือน นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า น่าจะทหาร พลเรือนจะเอาใคร ไม่ใช่เพื่อจะควบคุมได้ ถ้าควบคุมด้วยความไม่ถูกต้อง ตนคงคุมใครไม่ได้ วันนี้ตนพยายามทำตัวเป็นตัวอย่าง ทำสิ่งที่ถูกต้อง ลดข้อขัดแย้ง ไม่ไปตอบโต้ใคร แต่ถ้าไม่หยุด ตนก็จำเป็นต้องพูดบ้าง แต่ไม่หยุดการทำงานเลย