ผู้บัญชาการทหารบก เผยโผทหหารปี 58 ส่งถึงนายกรัฐมนตรีตามลำดับ เชื่อทุกคนพร้อมรับตำแหน่ง ไม่ได้มีปัญหาอะไร ปฏิเสธระเบิดราชประสงค์เป็นเหตุผลเลือก ผบ.ทบ.ใหม่ บอกอย่าไปตกใจ ไม่ใช่เป็นเรื่องน่ารู้อะไร แย้มใครมาเป็นไม่ใช่ของสนุก ทำอย่างไรถึงจะเป็นสุภาพบุรุษของประชาชน ต้องรับผิดชอบและทำให้ดีด้วย
วันนี้ (24 ส.ค.) ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และผู้บัญชาการทหารบก กล่าวถึงกรณีที่บัญชีรายชื่อโยกย้ายนายทหารประจำปี 2558 ที่ส่งถึงนายกรัฐมนตรีว่า เป็นระยะเวลาปกติเพราะเป็นฤดูกาลที่จะต้องพิจารณา พร้อมทั้งจัดทำรายละเอียดส่งขึ้นไปตามลำดับชั้น ขณะนี้ทุกเหล่าทัพก็ได้ดำเนินส่งไปตามลำดับชั้นแล้ว ส่วนตอนนี้จะไปอยู่จุดใด ตนไม่สามารถบอกได้ เพราะได้ผ่านทางกองบัญชาการกองทัพไทย กระทรวงกลาโหมไปแล้ว แต่ตนขออธิบายว่า สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นนั้นได้ผ่านการประชุมคณะกรรมการปรับย้ายนายทหารชั้นนายพล ตามที่กระทรวงกลาโหมกำหนดไว้อย่างถูกต้อง โดยมีผู้บัญชาการแต่ละเหล่าทัพพิจารณาร่วมกัน โดยเฉพาะตำแหน่งที่สำคัญก็จะต้องคัดเลือกบุคคลที่เหมาะสม
อย่างไรก็ตาม ตำแหน่งในส่วนของกองทัพบกที่ตนรับผิดชอบ นายทหารผู้ใหญ่ที่อยู่ในข่ายการพิจารณาทุกคน ไม่ได้มีปัญหาอะไร ทุกคนพร้อมรับตำแหน่งต่างๆ ตามที่ผู้บังคับบัญชา ในทำนองเดียวกัน คณะกรรมการฯ เห็นว่าบุคคลท่านนั้นมีความเหมาะสม และทุกตำแหน่งก็ดีทั้งสิ้น ในเมื่ออยู่มาจนถึงจุดสุดท้าย ที่ถือว่าสุดยอดของแต่ละตำแหน่งแล้ว ไม่ว่าจะเป็นปลัดกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการเหล่าทัพ ตนคิดว่าสุดยอด และดีทั้งสิ้น
“ผมคิดว่าทุกท่านไม่มีปัญหาอะไร ถ้าท่านได้รับการแต่งตั้ง ผมคิดว่าท่านก็ดีใจ ณ ห้วงเวลาหนึ่ง ในช่วงสุดท้ายท่านได้ดำรงตำแหน่งสูงสุดก็เป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจทั้งสิ้น แต่สิ่งที่สำคัญมากกว่าความภาคภูมิใจส่วนตัวก็คือ ภาระหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบต่อไป ทุกคนที่จะก้าวมาเป็น จะต้องเตรียมตัวในการที่จะทำอย่างไรให้เป็นกองทัพที่ทำให้เกิดความสงบ ประชาชนรักใคร่กัน และมีความอบอุ่นภายใต้การบริหารงานของนายกรัฐมนตรี” พล.อ.อุดมเดชกล่าว
เมื่อถามว่า เหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์ เป็นเหตุผลหนึ่งในการเลือก ผบ.ทบ.คนใหม่ พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า นายกรัฐมนตรีเคยให้สัมภาษณ์ว่าทุกสิ่งทุกอย่างต้องดูกันในระยะยาว เหตุระเบิดที่เกิดขึ้นอยู่ในช่วงที่เป็นปัญหาก็จริง แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ชี้ว่าใครจะเป็น ผบ.ทบ.คนต่อไป เพราะว่าการพิจารณาจะดูที่ความเหมาะสม ความสามารถ และก็ได้พิจารณากันมาระยะหนึ่งแล้ว เพราะฉะนั้นประเด็นที่ผู้สื่อข่าวถามไม่ได้เกี่ยวข้องกันอย่างไร
เมื่อถามว่า การเลือก ผบ.ทบ.เป็นอำนาจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี หรือเป็นอำนาจของคณะกรรมการฯ พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า มีการประชุมคณะกรรมการปรับย้ายนายทหารชั้นนายพลไปแล้ว ก็มีความเห็นชอบร่วมกัน ทุกครั้งก็ไม่เคยมีปัญหา เพราะได้ดูประโยชน์ของภาพรวมเป็นหลัก ประกอบกับมีการพิจารณา หารือกันไม่ถึงขนาดว่าคิดกันคนละอย่าง เมื่อคุยกันถึงเหตุผลเป็นอย่างไร ผู้ใหญ่แต่ละท่านก็จะรับฟัง ในส่วนของนายกฯ นั้น ท่านก็รอรับรายชื่อจากคณะกรรมการฯ ที่ส่งขึ้นไปตามขั้นตอนก็ถือว่าเป็นการพิจารณาร่วมกันนั่นเอง ระหว่าง รมว.กลาโหม รมช.กลาโหม และ ผบ.เหล่าทัพ ต่างคนต่างดู แต่ตนขอชี้แจงว่าทุกคนจะเข้าใจในเหล่าทัพของตนเอง เหล่าทัพอื่นก็เพียงรับรู้ รับทราบ หากมีข้อโต้แจงใดๆ ก็สามารถชี้แจงกันได้ แต่ว่าทุกเหล่าทัพก็มีน้ำหนักของตนเองอยู่แล้ว เพราะเข้าใจในรายละเอียด
เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรีมีอำนาจปรับเปลี่ยนรายชื่อที่เสนอขึ้นไป ผบ.ทบ.กล่าวว่า ตรงนี้ก็เป็นไปตามที่คณะกรรมการฯ เสนอ ก็ได้หารือกันแล้ว เพียงแต่รอเวลาเท่านั้นเอง หลังมีมติที่ประชุมกรรมการทุกคนจะต้องเซ็นชื่อรับรองก็ถือเป็นขั้นตอนปกติ อย่าไปตกใจ กังวล หรือเห็นว่าเป็นเรื่องน่ารู้อะไร
“ผมคิดว่าสำคัญที่ใครขึ้นมาเป็นแล้วนี่สิ จะทำอย่างไรให้แต่ละเหล่าทัพสง่างาม เป็นสุภาพบุรุษของประชาชน ใครก็ตามที่รับตำแหน่ง ภาระหน้าที่ต้องมาอยู่ที่บุคคลนั้น ท่านก็ต้องทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อช่วยเหลือประชาชน และรัฐบาลให้รอดพ้นจากอุปสรรคในห้วงต่างๆ และผมคิดว่าถ้าใครเป็นแล้วไม่ใช่ของสนุกนะครับ เป็นแล้วจะต้องมีความรับผิดชอบ และต้องทำให้ดีด้วย” พล.อ.อุดมเดชกล่าว