“บิ๊กโด่ง” เชื่อร่าง รธน.ตั้ง คกก.ยุทธศาสตร์ฯ หวังชาติสงบ - รับหาหลักฐานบึ้มกรุงต้องใช้เวลา

ผู้บัญชาการทหารบกไม่ขอเกี่ยวข้อง กรณีกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญร่างให้มีคณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปและการปรองดอง เชื่ออาจเห็นประโยชน์ ต้องการให้ชาติสงบเรียบร้อย แต่ต้องชี้แจงให้ประชาชนได้เห็น ด้านความคืบหน้าเหตุระเบิดราชประสงค์ ให้โอกาสเจ้าหน้าที่ทำงาน ยอมรับการหาหลักฐานต้องใช้เวลา ร้องประชาชนช่วยให้เบาะแสบุคคลจากกล้องวงจรปิดกับตำรวจ

วันนี้ (24 ส.ค.) ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ (กมธ.ยกร่างฯ) ร่างให้มีคณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปและการปรองดอง จนกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นการรัฐประหารเงียบ และเป็นการสืบทอดอำนาจ คสช.ว่า คงเป็นเรื่องที่ กมธ.ยกร่างฯ พิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว แต่ใครจะมีความคิดเห็นเป็นอย่างไรก็เป็นเรื่องส่วนบุคคล ตนจะไม่เข้าไปเกี่ยวข้อง

ทั้งนี้ คิดว่า กมธ.ยกร่างฯ คงอาจเห็นประโยชน์ และจะต้องชี้แจงให้ประชาชนได้เห็นว่าการที่ร่างหรือดำเนินการออกมามีแนวความคิดที่จะทำอย่างไรให้เกิดประโยชน์ที่สุด สำหรับสถานการณ์ที่จะเกิดต่อไป เพราะจะต้องดูแลประเทศชาติให้สงบเรียบร้อย

เมื่อถามว่า กมธ.ยกร่างฯ เห็นอนาคตประเทศว่าจะไม่สงบ เลยร่างคณะกรรมการชุดดังกล่าวขึ้นมา พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า คิดว่าคงใช้ข้อมูลจากที่ผ่านมาว่าจะทำอย่างไร ประเทศของเราจะสามารถยืนหยัดอยู่ได้อย่างสงบเรียบร้อยมากที่สุด และสิ่งที่ทำออกมาก็คงเป็นเหตุเป็นผลตามนั้น

ผู้บัญชาการทหารบกกล่าวถึงกรณีความคืบหน้าเหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์ว่าจะต้องให้เวลา และให้โอกาสเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งการประชุมกองบัญชาการติดตามสถานการณ์ที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้ร่วมประชุมอยู่ด้วยก็ได้เน้นย้ำ และให้ความสนใจเป็นอย่างยิ่ง เพื่อให้คดีมีความคืบหน้าและคลี่คลายต่อไป

ทั้งนี้ ยอมรับว่าผู้ก่อเหตุมีการเตรียมการจนทำให้การหาหลักฐาน ข้อมูลต้องใช้เวลา แต่ทุกคนก็มีความตั้งใจ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เจ้าหน้าที่ก็พยายามวางมาตรการเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แทรกซ้อน ดังนั้นก็ขอให้ประชาชนมั่นใจ และดำเนินชีวิตไปตามปกติ และขอให้ประชาชนช่วยให้ข้อมูลข่าวสารกับทางราชการ โดยเฉพาะบุคคลที่ปรากฏในกล้องวงจรปิด ถ้าเราสามารถติดตามผู้กระทำผิดมาลงโทษได้โดยเร็วก็จะทำให้คดีต่างคลี่คลายไปได้ และจะส่งผลต่อความมั่นใจต่อต่างชาติที่จะกลับคืนมาเร็วขึ้น