ศาลปกครองเห็นพ้อง หนุนมีส่วนร่วมปฏิรูปตั้ง “ศาลสิ่งแวดล้อม” ตามที่ สปช.เห็นชอบ เป็นมาตราการเอาผิดเอกชนทางแพ่ง-อาญาคราวเดียวกัน ชี้ทรัพยากรมีความสำคัญ แจงพิจารณาข้อพิพาททางปกครอง ทำงานร่วมศาลยุติธรรมหรือศาลชำนัญพิเศษ
วันนี้ (23 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานศาลปกครองได้เผยแพร่ผลการประชุมคณะตุลาการศาลปกครองชั้นต้นทั่วประเทศ ที่จัดขึ้นที่โรวงแรมเวลคัม เวิลด์ บีช รีสอร์ทแอนด์สปา จ.ชลบุรี ในวันที่ 23 ส.ค. ต่อกรณีสภาปฏิรูปแห่งชาติ และคณะกรรมาธิการปฏิรูปทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้เห็นชอบให้มีข้อเสนอเกี่ยวกับการปฏิรูปในด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยเสนอให้มีการจัดตั้งศาลสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม ทั้งทางอาญา ทางแพ่ง และทางปกครอง และเป็นศาลชำนัญพิเศษในศาลยุติธรรมว่า ที่ประชุมคณะตุลาการศาลปกครองชั้นต้นทั่วประเทศเห็นพ้องตรงกันว่า ศาลปกครองสนับสนุนและพร้อมที่จะมีส่วนร่วมในการปฏิรูปในด้านดังกล่าว รวมถึงการสนับสนุนแนวคิดให้มีการจัดตั้งศาลสิ่งแวดล้อม โดยเป็นศาลที่จะสามารถบูรณาการการพิจารณาพิพากษาคดีทั้งในทางคดีอาญาและคดีแพ่งไปพร้อมกัน ซึ่งจะเป็นมาตรการที่มีประสิทธิภาพในการทำให้เอกชนผู้กระทำการฝ่าฝืนต่อกฎหมายว่าด้วยทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และได้ก่อให้เกิดความเสียหาย จะต้องรับผิดชดใช้เยียวยาความเสียหายในทางแพ่ง และได้รับโทษในกรณีที่เป็นความผิดอาญาไปในคราวเดียวกัน เนื่องจากเรื่องทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นประเด็นที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศและการสร้างคุณภาพชีวิตของประชาชน
อย่างไรก็ดี หลักคิดและระบบกฎหมายที่เกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของประเทศไทยนั้น เป็นเรื่องที่รัฐจึงมีหน้าที่ อำนาจ และความรับผิดชอบตามบทบัญญัติของกฎหมายจำนวนมากที่เกี่ยวข้องในเรื่องดังกล่าว การพิจารณาพิพากษาข้อพิพาทในส่วนดังกล่าวอันเกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของรัฐหรือฝ่ายปกครอง จึงเป็นข้อพิพาททางปกครองมิใช่องค์ความรู้และความเชี่ยวชาญอย่างเดียวกับข้อพิพาทในทางอาญาและทางแพ่ง
ดังนั้น ตุลาการศาลปกครองชั้นต้นทั่วประเทศจึงสนับสนุนอย่างเต็มที่ที่จะให้มีการแก้ไขเยียวยาข้อพิพาทที่เป็นคดีสิ่งแวดล้อม โดยเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างศาลยุติธรรม หรือศาลชำนัญพิเศษที่จะจัดตั้งขึ้นซึ่งจะเป็นผู้บูรณาการการพิจารณาพิพากษาคดีสิ่งแวดล้อมในทางอาญาและทางแพ่ง กับศาลปกครองซึ่งจะเป็นผู้พิจารณาพิพากษาคดีสิ่งแวดล้อมในทางปกครองให้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องต่อไป