รองนายกฯ เผยพิธีสร้างมงคลเมืองทำบุญแยกราชประสงค์ เสริมสร้างกำลังใจ แจงแบ่งงานเร่งหาคนผิด กันป่วนซ้ำ เยียวยา ฟื้นกำลังใจ สร้างความเชื่อมั่น ยังไม่ทราบวันถวายสัตย์ฯ รับต้องแบ่งงานรองนายกฯใหม่ แจงทหารร่วมวงเดียวก็เกษียณ เชื่อปรับทีม ศก.ฟื้นความเชื่อมั่น ยัน รมต.ที่ปรับเป็นที่ปรึกษาไม่ตั้งลอยๆ ปัดปรับเพื่ออยู่ยาว เผย กมธ.ยกร่างฯ ยอมแก้ตาม รบ.แยะ เข้าใจอันที่ไม่แก้ โดยรวมพอใจ
วันนี้ (21 ส.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงพิธีเสริมสร้างมงคลเมือง ทำบุญ 5 ศาสนาที่แยกราชประสงค์ว่า เป็นการทำบุญสร้างสิริมงคลและเสริมสร้างกำลังใจให้แก่ทั้งญาติผู้เสียชีวิต ผู้ได้รับบาดเจ็บ และเจ้าหน้าที่ที่ทำงาน รวมถึงคนทั่วไป ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่มาร่วมงานด้วย ในส่วนของรัฐบาลได้แบ่งการทำงานออกเป็น 5 ฝ่าย คือ 1. เจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่จะติดตามตัวผู้กระทำความผิด 2. ฝ่ายความมั่นคง ที่ป้องกันไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้อีก 3. รมว.ยุติธรรม ที่จะทำหน้าที่เป็นประธานดูแลด้านการเยียวยา เพราะมีกองทุนกระจัดกระจายแบ่งออกเป็นหลายส่วน รวมถึง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้พระราชทานเงินช่วยเหลือรายละ 90,000 บาท จึงต้องมีคนเข้ามาจัดการ ไม่เช่นนั้นชาวต่างชาติจะต้องไปที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา คนไทยจะต้องไปที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ 4. การเรียกขวัญและกำลังใจ และด้านที่ 5. การสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวและชาวต่างชาติ เพื่อไม่ให้กระทบการเดินทางมาประเทศไทย
นายวิษณุกล่าวต่อถึงการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ว่า ตนไม่ทราบว่ารัฐมนตรีใหม่จะต้องเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณตนวันไหน แต่รัฐธรรมนูญชั่วคราวฉบับแก้ไขเพิ่มเติม ระบุว่าการถวายสัตย์อาจทำต่อผู้แทนพระองค์ตามที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ได้ ซึ่งร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้เขียนไว้แบบนี้เช่นกัน เพราะในแต่ละปีมีคนต้องเข้าถวายสัตย์ฯ เป็นจำนวนมาก ส่วนการแบ่งงานแก่รองนายกรัฐมนตรีนั้น เป็นหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีที่จะต้องจัดสรรใหม่หมด เนื่องจากมีการเพิ่มตำแหน่งรองนายกฯ ส่วนข้อกังขาที่ระบุว่าการแต่งตั้ง ครม.ครั้งนี้มีนายทหารเพิ่มเข้ามานั้น โดยหลักเมื่อถึงเดือนกันยายน บุคคลเหล่านั้นก็จะเกษียณอายุราชการและเป็นข้าราชการบำนาญต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า การปรับ ครม.เศรษฐกิจยกชุดจะสามารถเรียกความเชื่อมั่นด้านเศรษฐกิจได้หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ส่วนตัวเชื่อว่าการปรับ ครม.เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น และจะสามารถเรียกความเชื่อมั่นมาได้ แต่พูดมากไม่ได้เนื่องจากเป็นคนในรัฐบาล ต้องให้ประชาชนเป็นผู้วิพากษ์วิจารณ์ เมื่อถามอีกว่ารัฐมนตรีที่พ้นจากตำแหน่งไปแล้วและตั้งเป็นที่ปรึกษานายกฯ จะเป็นการแต่งตั้งแบบลอยๆ หรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า คงไม่เป็นเช่นนั้น แต่จะมอบหมายให้ติดตามงาน เพราะรัฐบาลมีงานมากจึงต้องมีคนคอยเร่งงานให้เดินหน้า จะเห็นได้จากคณะกรรมการขับเคลื่อนในส่วนของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และรัฐบาลที่งานยังคงติดขัดอยู่ ดังนั้น คณะที่ปรึกษานายกฯ ที่จะตั้งขึ้นนั้นจึงมีหน้าที่ติดตามสายงานเดิมที่เคยทำมา เพื่อให้การทำงานว่องไวขึ้น และแบ่งเบาภาระนายกรัฐมนตรี
เมื่อถามว่ามีการวิจารณ์ว่ารัฐบาลจะอยู่ยาว นายวิษณุกล่าวว่า คำวิจารณ์ดังกล่าวน่าจะมาจากเหตุอื่น ไม่ใช่มาจากสาเหตุการปรับ ครม. และการปรับ ครม.ครั้งนี้ไม่ได้ต้องการจะให้รัฐบาลอยู่ยาว แต่เพื่อให้งานมีประสิทธิภาพขึ้น และให้ความเชื่อมั่นมีมากขึ้นซึ่งนายกฯ ได้พูดเรื่องนี้อยู่หลายครั้งทั้งในที่ประชุม ครม.และให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน
นายวิษณุกล่าวต่อถึงการรับฟังคำชี้แจงจากคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ ในการปรับแก้ร่างรัฐธรรมนูญ ตามข้อเสนอของรัฐบาลว่า กมธ.ยกร่างฯ ชี้แจงในส่วนที่รัฐบาลขอแก้ไขไปเท่านั้น ซึ่งเรื่องที่ขอแก้ไขไปมีกว่า 100 ประเด็น แต่เขาได้จัดหมวดหมู่เหลือเพียงกว่า 70 ประเด็น ถือว่าแก้ให้เยอะมาก และเข้าใจว่าที่แก้ให้ไม่ได้ในบางส่วน เพราะมีหลายภาคส่วนเสนอเข้าไปในเรื่องเดียวกัน จึงไม่สามารถที่จะทำตามใครได้ ต้องนำความเห็นมารวมกัน ทั้งนี้โดยรวมถือว่าพอใจที่เขาได้ปรับแก้ตามที่เราได้เสนอ อย่างไรก็ตาม ตนจะได้รับร่างรัฐธรรมนูญฉบับสมบูรณ์ในวันพรุ่งนี้ (วันเสาร์ที่ 22 ส.ค.) พร้อมกับสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ส่วนร่างรัฐธรรมนูญจะผ่านหรือไม่นั้น รัฐบาลไม่สามารถบอกได้ สปช.ต้องเป็นผู้พิจารณา