อดีต ส.ส.ประชาธิปัตย์ ยื่นประธาน สนช.สอบทุจริตซื้อเครื่องสแกนมูลค่า 64 ล้านบาท หลังซื้อมาแล้วใช้การไม่ได้ ขีดเส้นแจงผลภายใน 7 วัน พร้อมเสนอ ป.ป.ช.ตั้งอนุกรรมการสอบปมโกงด่วน
ที่รัฐสภา วันนี้ (20 ส.ค.) นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อ นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เพื่อขอให้ตรวจสอบการทุจริตโครงการติดตั้งเครื่องสแกนบุคคลแบบความเร็วสูง เพื่อตรวจสอบการผ่านเข้าออก ของบุคคลในอาคารรัฐสภา 1 และอาคารรัฐสภา 2 วงเงิน 64 ล้านบาท
นายวัชระกล่าวว่า โครงการจัดซื้อเครื่องสแกนบุคคลดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงที่นายสุวิจักขณ์ นาควัชระชัย เป็นเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ปัจจุบันใช้การไม่ได้ถึง 3 เครื่อง จากทั้งหมด 4 เครื่อง ใช้ได้ไม่กี่วันก็ต้องเรียกช่างมาทำการซ่อมแซมแต่ก็ยังใช้งานไม่ได้ ทั้งๆ ที่มีเครื่องอื่นใช้งานได้ดีอยู่แล้ว อาจมีสาเหตุจากการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้าง ซื้อของด้อยคุณภาพแต่ราคาสูงเกินสมควร เป็นการใช้งบประมาณของแผ่นดินโดยไม่คุ้มค่า ที่ผ่านมามีข้อสงสัยหลายโครงการก็ไม่สามารถชี้แจงข้อเท็จจริงต่อสาธารณะได้ และยังไม่มีการลงโทษผู้กระทำความผิดแต่อย่างใด
นายวัชระกล่าวว่า สภาในยุคนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ เป็นประธาน และนายเจริญ จรรย์โกมล เป็นรองประธาน ได้มีการเปลี่ยนแปลงงบประมาณในการจัดซื้อจัดจ้างมากกว่า 2,000 ล้านบาท และเครื่องสแกนเป็นหนึ่งในโครงการดังกล่าว นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีตประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบสภาผู้แทน ราษฎร และตน ได้ยื่นเรื่องต่อสภาฯ ให้มีการตรวจสอบการทุจริตต่างๆ ของสภา และยื่นต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เช่น การจัดซื้อนาฬิกาดิจิตอลวงเงิน15ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันไม่สามารถใช้งานได้ ทั้งในห้องประธาน สนช. และสโมสรรัฐสภา ทั้งที่ก่อนหน้านี้อ้างว่าจะไม่มีวันหยุดเดิน เที่ยงตรงตรงกันทุก ปัจจุบันยังไม่มีการลงโทษนายสุวิจักขณ์ ซึ่งได้เปลี่ยนชื่อเป็นนายวัชระชัย นอกจากนี้ยังมีการทุจริตโครงการปรับปรุงห้องงบประมาณ ตนได้เคยเรียนต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สมัยเป็นผู้บัญชาการทหารบก ในขณะที่มาชี้แจงในการประชุมงบประมาณว่า แม้แต่สภายังมีการทุจริตในห้องงบประมาณ ตนจึงไม่กล้าที่จะปรับลดงบประมาณกองทัพบก
นายวัชระกล่าวถึงการทุจริตโครงการติดตั้งเครื่องสแกนว่า ขอให้มีการตรวจสอบโดยเร่งด่วนเพื่อลงโทษผู้เกี่ยวข้องสถานหนักตามกฎหมาย รวมถึงชดใช้ค่าเสียหายคืนแก่ทางราชการ และขอเอกสารที่เกี่ยวข้องภายใน 7 วันทำการ พร้อมทั้งให้แถลงข้อเท็จจริงผ่านสื่อมวลชนให้ประชาชนทราบภายใน 7 วันทำการด้วย รวมทั้งขอทราบผลตรวจสอบการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างและการจ่ายงบประมาณซ่อม แซม ภายใน 30 วันทำการ ซึ่งจะแสดงถึงความโปร่งใสในการบริหารราชการ
“การทุจริตในสภาผู้แทนราษฎรเป็นเรื่องที่คาราคาซังมานาน และยังไม่เป็นที่ยุติ ผมจึงขอเรียกร้องให้ท่านพรเพชร ได้โปรดดำเนินการตรวจสอบให้แล้วเสร็จภายในยุคที่ท่านเป็นประธาน สนช. ต่อไป”
นายวัชระกล่าวด้วยว่าจะยื่นเรื่องการทุจริตเครื่องสแกนต่อ ป.ป.ช. เพื่อให้ตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวน และยื่นต่อนายจเร พันธุ์เปรื่อง เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรให้ตั้งคณะตรวจสอบด้วย พร้อมทั้งยื่นสอบถามถึงความคืบหน้าการตรวจสอบสมาชิก สนช.2 คน ที่ทุจริตสารปราบศัตรูพืช ต่อไป