xs
xsm
sm
md
lg

สมาคมพิทักษ์ รธน.ร้องศาลปกครองเพิกถอนกระบวนการสรรหา กสม.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย (แฟ้มภาพ)
สมาคมพิทักษ์รัฐธรรมนูญ ร้องศาลปกครองเพิกถอนกระบวนการสรรหาคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติชุดใหม่ ชี้ขัดหลักการปารีส 7 ว่าที่ กสม. ไม่มีประสบการณ์ด้านการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพประชาชนจริง ซ้ำสัมพันธ์ใกล้ชิดกรรมการสรรหา - นักการเมือง จี้ศาลสั่งคุ้มครองชั่วคราวระงับ สนช. ประชุมรับรอง

วันนี้ (18 ส.ค.) สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย นำโดย นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการ เข้ายื่นฟ้อง คณะกรรมการสรรหาคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เป็นผู้ถูกฟ้องที่ 1 - 3 ต่อศาลปกครองกลาง เพื่อขอให้ศาลมีคำพิพากษาเพิกถอนกระบวนการสรรหาคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติชุดใหม่ และสั่งให้คณะกรรมการสรรหาไปดำเนินการคัดเลือกกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติใหม่ โดย 1. ให้พิจารณาจากผลงาน ประสบการณ์ด้านการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชนเป็นที่ประจักษ์ 2. การมีส่วนร่วมของผู้แทนจากองค์การเอกชนด้านสิทธิมนุษยชนที่แท้จริง 3. มีบุคคลจากภาคส่วนต่าง ๆ ที่หลากหลายตามเจตนารมณ์ หรือบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ 50 ประกอบ พ.ร.บ. คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ 2542 และหลักการปารีส รวมทั้งขอให้ศาลไต่สวนฉุกเฉิน เพื่อกำหนดมาตรการบรรเทาทุกข์ชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษา โดยสั่งให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ยุติการพิจารณาให้การรับรองผู้ที่คณะกรรมการสรรหาฯได้คัดเลือกเป็นกรรมการสิทธิมนุษยชนทั้ง 7 คน ในวันที่ 20 - 21 ส.ค. นี้ ไว้ก่อนจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาเป็นที่สุด

ทั้งนี้ คำฟ้องระบุเหตุผลในการฟ้องคดี ว่า การดำเนินการสรรหาคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติชุดใหม่ เพื่อมาแทนชุดปัจจุบันที่หมดวาระลงเมื่อวันที่ 24 มิ.ย. 58 นั้น องค์ประกอบคณะกรรมการสรรหาเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ 50 มาตรา 256 ประกอบมาตรา 243 ซึ่งบุคคลที่กฎหมายกำหนดให้ทำหน้าที่กรรมการสรรหา เกือบทั้งหมดมาจากฝ่ายตุลาการ ผิดไปจากหลักการปารีส ที่ประเทศไทย ร่วมลงนามเป็นภาคีพันธกรณีปฏิญญาสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศอย่างชัดแจ้ง การสรรหาแม้คณะกรรมการสรรหาจะออกประกาศ เปิดรับสมัครบุคคลเพื่อเข้ารับการสรรหาเป็นกรรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติโดยกำหนดคุณสมบัติของผู้ที่จะสมัคร ว่า ต้องเป็นผู้ซึ่งมีความรู้ หรือประสบการณ์ด้านการคุ้มครองสิทธิ เสรีภาพของประชาชนเป็นที่ประจักษ์ แต่หลังการเปิดรับสมัคร กลับมีกระแสข่าวการวิ่งเต้น ล็อบบี ในการเสนอชื่อบุคคล เมื่อเสร็จสิ้นการสรรหาและได้เสนอชื่อบุคคลเป็นกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ 7 คน ให้ สนช. พิจารณารับรอง กลับพบว่าทั้ง 7 คนที่ได้รับการคัดเลือกไม่ได้มีคุณสมบัติตรงกับหลักเกณฑ์การสรรหา ผิดไปจากเจตนารมณ์ที่รัฐธรรมนูญ 50 และ พ.ร.บ. คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กำหนด โดย นายบวร ยสินทร เคยออกมาเคลื่อนไหวทางการเมือง ช่วงปี 46 - 56 ที่ได้ร่วมกับ พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ หรือ เสธ.อ้าย ก่อตั้ง องค์กรพิทักษ์สยาม และขึ้นเวทีประกาศ “แช่แข็งประเทศไทย” ซึ่งถือเป็นการกระทำที่ขัด หรือแย้งต่อหลักสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรง

นางฉัตรสุดา จันทร์ดียิ่ง เลขานุการคณะผู้พิพากษาสมทบ ศาลเยาวชนและครอบครัว จ.สมุทรปราการ หลังได้รับการคัดเลือก มีการเผยแพร่ภาพการร้องเพลงคู่ระหว่าง นางฉัตรสุดา กับ นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. ซึ่งการที่ผู้ถูกเสนอชื่อดังกล่าวมีสายสัมพันธ์กับคณะกรรมการสรรหาส่วนใหญ่ที่ล้วนเคยเป็นตุลาการหรือผู้พิพากษา ย่อมทำให้ถูกสังคมครหาว่าเป็นการเอื้อประโยชน์ต่อกันได้ ขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชนและหลักการปารีส ซึ่งก็รวมถึง นายวัส ติงสมิตร อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา ที่ได้รับคัดเลือกเช่นเดียวกัน

ส่วน นางประกายรัตน์ ต้นธีรวงศ์ อดีตผู้พิพากษาสมทบศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดนนทบุรี และนายกสมาคมบัณฑิตสตรีทางกฎหมายแห่งประเทศไทย เป็นภรรยา นายบรรพต ต้นธีรวงศ์ อดีต ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ อาจส่งผลให้การทำงานยากที่จะเป็นกลางได้ ขณะที่ นพ.ศุภชัย ถนอมทรัพย์ หัวหน้าหน่วยโรคหัวใจ โรงพยาบาลรามาธิบดี และ นายสุรเชษฐ์ สถิตนิรามัย รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ก็ไม่ได้มีบทบาททางสังคม หรือผลงานเป็นที่ประจักษ์ในด้านการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพประชาชน สำหรับ นางอังคณา นีละไพจิตร ประธานคณะทำงานยุติธรรมเพื่อสันติภาพ เป็นผลสืบเนื่องมาจากสามี นายสมชาย นีละไพจิตร ทนายความที่ทำคดีให้กับชาวบ้านส่วนใหญ่ที่เป็นมุสลิมและหายตัวไปเมื่อปี 47 จึงเห็นได้ว่าผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อทั้ง 7 คนนั้น 3 คนอยู่ในแวดวงศาลยุติธรรม แพทย์ 2 คน นักเคลื่อนไหวทางสังคม 2 คน ล้วนแต่ไม่มีผลงาน หรือประสบการณ์ด้านการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพประชาชนเป็นที่ประจักษ์ จนเกิดการวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่ถูกต้อง เหมาะสมทั้งจากภายในและต่างประเทศ กระบวนการสรรหาดังกล่าวจึงไม่น่าจะชอบด้วยกฎหมาย และหากปล่อยให้สนช. เดินหน้ารับรองบุคคลทั้ง 7 เป็นคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติชุดใหม่ ก็จะเกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ขององค์กรสิทธิมนุษยชนแห่งชาติไทย เพราะจะได้รับการลดระดับความไว้วางใจจากนานาอารยะประเทศในระบบสากล


กำลังโหลดความคิดเห็น