อดีตเลขาฯ สมช.เชื่อเหตุระเบิดแยกราชประสงค์มาจากปัญหาการเมืองภายใน เกี่ยวเนื่องรัฐประหาร คล้ายปี 49 ต้องวิเคราะห์ใครได้ใครเสียประโยชน์ เชื่อมีอีกแน่ ตำหนิผู้นำ-ฝ่ายความมั่นคงไม่ใส่ใจข่าวกรอง รัฐประหารปีกว่าไม่ถอนรากถอนโคนต้นตอปัญหา มัวร่างรัฐธรรมนูญปรองดองเพ้อเจ้อหวังอยู่ในอำนาจต่อ แต่ไม่กำจัดต้นตอเสี้ยนหนามแผ่นดิน
น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ให้สัมภาษณ์รายการ “สภาท่าพระอาทิตย์” ทางโทรทัศน์ NEWS1 เช้าวันนี้ (18 ส.ค.) ว่าหลังจากเหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์ครั้งนี้น่าจะมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นตามมาอีก เมื่อเทียบกับการรัฐประหารครั้งที่ผ่านมา โดยเฉพาะในปี 2549 หลังจากการยึดอำนาจก็มีระเบิดที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิซึ่งสืบเนื่องจากการยึดอำนาจ แต่ครั้งนี้รุนแรงมากกว่าปี 2549 และผ่านมาเป็นระยะเวลาร่วมปีหลังจากการยึดอำนาจ ฉะนั้นคงไม่ใช่ครั้งนี้ครั้งเดียว จะต้องระมัดระวังเหตุรุนแรงตามมาที่จะถึงขั้นเสียเลือดเสียเนื้อ
น.ต.ประสงค์ได้ให้แนวทางการหาต้นตอของเหตุระเบิดครั้งนี้เป็นข้อๆ ว่า ข้อ 1. ต้องตอบคำถามว่าใครเป็นผู้ได้ประโยชน์จากเหตุระเบิดครั้งนี้ 2. ใครมีผลกระทบ หรือได้รับผลกระทบยจากเหตุที่เกิดเมื่อคืนนี้ เอาแค่ 2 ข้อนี้ก็จะเห็นว่าจะต้องมีผู้ที่เสียประโยชน์ และมีผู้ได้รับผลกระทบจากการกระทำนี้ เป้าหมายของการกระทำต้องดูว่าผู้ได้ประโยชน์เป็นใคร คงไม่ใช่คนทำมาหากินทั่วไป
ประการที่ 3 ระเบิดที่เกิดขึ้นเป็นระเบิดชนิดใด ความรู้ความเข้าใจในการทำระเบิด การเลือกสถานที่ในการวางระเบิด และจะต้องเป็นผู้มีประสบการณ์จึงจะทำได้ 4. ทำไมต้องเกิดเหตุช่วงเวลาอย่างนี้ มีปัญหาอะไร กับใคร
น.ต.ประสงค์กล่าวต่อว่า 5. จากประสบการณ์ที่เคยทำงานด้านความมั่งคง คิดว่าไม่ใช่ฝีมือผู้ก่อความไม่สงบจากภาคใต้ และไม่ใช่กลุ่มก่อการร้ายจากนอกประเทศหรือกลุ่มก่อการร้ายสากล เพราะประเทศไทยสำหรับผู้ก่อการร้ายสากลเขาถือว่าเป็นที่ที่จะมาพักพิงหลบซ่อนได้อย่างปลอดภัย ส่วนพวกก่อความไม่สงบในภาคใต้พวกเขาไม่เคลื่อนไหวออกนอกพื้นที่
ข้อ 6. ข่าวกรองต้องใส่ใจให้มากขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดวิกฤตอย่างนี้ซ้ำรอย หรือขยายผลได้อีก ข่าวกรองต้องใส่ใจเรื่องเหล่านี้ให้มากหลังจากหาคำตอบ 4-5 ข้อก่อนได้แล้ว ข้อ 7. การทำความเข้าใจกับสื่อ ต้องทันท่วงทีและรวดเร็วอย่าปล่อยให้เข้าใจไปอย่างอื่น หรือเป็นช่องทางที่จะสร้างเรื่องสร้างราวขึ้นมาให้คนเข้าใจผิดกันไปใหญ่ ถึงแม้รายละเอียดยังไม่มี แต่ต้องแสดงให้เห็นว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องภายในจากการกระทำของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเท่านั้น
“เมื่อคืนหลังเกิดเหตุระเบิดแล้ว ไม่ใช่แค่ให้โฆษกออกมา ตัวผู้นำ คนรับผิดชอบด้านความมั่นคงต้องออกมาทันที ผู้นำ ผู้รับผิดชอบด้านความมั่นคงควรออกมาในพื้นที่ อย่างน้อยก็เป็นขวัญกำลังใจ ไม่ใช่รอรายงานอย่างเดียว” น.ต.ประสงค์กล่าว
อดีตเลขาฯ สมช.กล่าวย้ำว่า ทั้งหลายทั้งปวงมาจากปัญหาภายในของเราซึ่งปัญหาใหญ่มันเกี่ยวข้องกับการเมืองที่มีผู้ได้ประโยชน์ผู้เสียประโยชน์ หลังจากรัฐประหารมาถึง 1 ปี มันมาถึงจุดที่บางสิ่งบางอย่างที่ผู้ก่อความเสียหายให้บ้านเมือง มันมีเรื่องอะไรบ้างที่สำคัญๆ คนที่ทำระเบิดครั้งนี้ ตามข้อ 3. ถ้าระเบิดมาเป็นระเบิดอะไรก็แล้วแต่ คนทำต้องมีประสบการณ์ในการจัดทำ ชาวบ้านธรรมดาทำไม่ได้ ต้องวางแผนกันมา และไม่ใช่แค่แผนเดียว ส่วนเบาะแสทางโซเชียลมีเดียก็รับฟังไว้ แต่อย่าไปเชื่อทั้งหมด อยู่ที่ข่าวกรอง ต้องดูใครได้ใครเสียประโยชน์ และคนทำมีประสบการณ์อย่างไร
น.ต.ประสงค์กล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีอำนาจเต็มที่ ไม่ต้องมีประกาศอะไรออกมาใช้อีก มาตรา 44 จะใช้ทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น ไม่ต้องประกาศอะไรให้วุ่นวายอีก
“ในแง่ข่าวกรอง ของเขาจะไปถึงขั้นใด ผมไม่ทราบ แต่ขอตำหนิคนรับผิดชอบด้านความมั่นคง ต้องใส่ใจเรื่องนี้ตั้งแต่ต้น 1 ปีเศษที่ไม่ถอนรากถอนโคน ถอดเสี้ยนหนามที่เป็นอันตรายต่อประเทศชาติให้หมดไป มัวแต่มานั่งเพ้อเรื่องรัฐธรรมนูญ ตั้งกรรมการชุดนั้นชุดนี้ มันไม่เป็นประโยชน์ มันยังมีความชั่วร้ายที่ฝังรากลึกอยู่ มีบุคคล มีเงินทุนอยู่ และเราไม่ได้จัดการให้เด็ดขาด”
น.ต.ประสงค์กล่าวอีกว่า แนวโน้มวิกฤตมันรุนแรงขึ้นในทางการเมือง โดยเฉพาะรัฐธรรมนูญใหม่ที่มีความรู้สึกต่อต้านจากสังคม จากประชาชน นักการเมืองและพรรคการเมือง เพราะความเพ้อฝันของคนยกร่าง วางร่างทำให้เขารู้สึกว่าคุณต้องการอยู่เพื่อสืบทอดอำนาจ หลายเรื่องหลายราว โดยเฉพาะคณะกรรมการยุทธศาสตร์ การปรองดอง การตั้งรัฐบาลแห่งชาติ มันเป็นเรื่องเพ้อเจ้อ รัฐบาลแห่งชาติ มันจะเกิดอัตโนมัติถ้าประเทศเกิดวิกฤตที่มีผลกระทบมาจากภายนอก นักการเมืองเขาจะมารวมตัวกันเอง แต่ไม่ใช่ทำรัฐธรรมนูญให้มีรัฐบาลแห่งชาติ เอาพรรคเล็กพรรคใหญ่มารวมกันซึ่งนักการเมืองเขาก็ไม่ยอมรับ
“การตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการปฏิรูป การปรองดอง ตั้งคณะทำงานโดยเอาคนที่มีตำแหน่งอดีตนายกฯ ประธานสภา ผบ.ตร. ผบ.ทบ. ให้รัฐบาลแต่งตั้ง ผ่านกระบวนการสรรหา ประชาชนเขาเข้าใจหมดว่าคุณกำลังทำงานเพื่อส่วนรวมหรือเพื่ออยู่ในอำนาจ โดยเอาเรื่องการปฏิรูปมาเป็นข้ออ้าง ซึ่งมันไม่ใช่” น.ต.ประสงค์กล่าว