“ประยุทธ์” หวัง “Bike for Mom ปั่นเพื่อแม่” แสดงพลังความรู้รักสามัคคีคนไทย กินเนสส์บุ๊ก เตรียมบันทึกสถิติโลก แนะผู้ใช้ถนนหลีกเลี่ยงเส้นทางกิจกรรม ชวนร่วมประกวดถ่ายภาพประวัติศาสตร์ชิงโล่พระราชทาน เผย WIPO เตรียมทูลเกล้าฯถวายรางวัลแด่สมเด็จพระเทพฯ แจงจำเป็นต้องมีคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติในรัฐธรรมนูญใหม่ ผลักดันแนวทางปฏิรูป - ปรองดอง - ขจัดความขัดแย้ง ถือเป็นกลไกที่รัฐบาลปกติ อาจทำไม่ได้ ออกตัวไม่ล้วงลูกฝ่ายบริหาร บอก ปชช. ให้ตัดสินใจประชามติร่าง รธน. เพื่ออนาคตชาติ ห่วงหนี้สิน ขรก. พุ่ง กำชับผู้บังคับบัญชาต้องร่วมสอดส่องแก้ไขปัญหา กำหนดวันที่ 15 ของทุกเดือนงดใช้ถุงพลาสติกสร้างสังคมรีไซเคิล
วันนี้ (14 ส.ค.) เมื่อเวลา 20.15 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวในรายการคืนความสุขให้คนในชาติ ออกอากาศทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทยตอนหนึ่งถึงการจัดกิจกรรม “Bike for Mom ปั่นเพื่อแม่” ในวันที่ 16 ส.ค. นี้ ตั้งแต่เวลา 15.00 น. เป็นต้นไปว่า อีก 2 วัน ประชาชนชาวไทยก็จะได้ร่วมใจกัน ทำกิจกรรมเพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่ทรงเป็นเสมือนแม่ของแผ่นดิน อีกทั้งเป็นการแสดงพลังความรู้รักสามัคคีของคนไทยทุกคนพร้อมกันทั่วประเทศ ซึ่งจะมีการจัดทำสถิติความร่วมมือร่วมใจของปวงชนชาวไทยในกิจกรรมปั่นจักรยานเฉลิมพระเกียรติครั้งนี้โดยกินเนสส์บุ๊ก เวิลด์ เรคคอร์ด อีกด้วย ทั้งนี้ ในช่วงการจัดกิจกรรมอาจส่งผลกระทบบ้างต่อการจราจร ก็ขอทำความเข้าใจ และขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนในการสนับสนุนกิจกรรม หลีกเลี่ยงการใช้เส้นทางของการปั่นจักรยานในช่วงนั้น โดยสามารถตรวจสอบเส้นทาง และวางแผนเดินทางไว้ล่วงหน้าได้ที่ โทร. 1348 เว็บไซต์ www.Bikeformom2015.com และเฟซบุ๊ก bikeformom2015
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ กระทรวงวัฒนธรรมได้จัดกิจกรรมคู่ขนาน สำหรับพี่น้องประชาชนที่มีใจรักในงานศิลปะภาพถ่ายได้มีส่วนร่วมในการบันทึกเหตุการณ์สำคัญของชาติ และของโลกในครั้งนี้ โดยการร่วมส่งภาพในกิจกรรมที่ถ่ายทอดแนวคิด สื่อความหมาย ภายใต้แนวคิด “ความรัก ความสามัคคี ความกตัญญู ลูกทำเพื่อแม่ และความมุ่งมั่น” เพื่อชิงโล่พระราชทานสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร สามารถส่งภาพเข้าร่วมได้ภายในวันที่ 23 ส.ค. นี้
นายกฯเปิดเผยด้วยว่า อีกเรื่องที่น่าภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง สำหรับคนไทยและประเทศไทย ก็คือ การที่ องค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก (WIPO) เตรียมทูลเกล้าฯถวายรางวัล “ความเป็นเลิศด้านการสร้างสรรค์” แด่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในวันที่ 27 ส.ค. นี้ ซึ่งนับว่าทรงเป็นเจ้าหญิงพระองค์แรกของโลก ที่ได้ทรงรับการทูลเกล้าฯ ถวายรางวัลดังกล่าว โดย WIPO ได้ตระหนักถึงพระปรีชาสามารถด้านการสร้างสรรค์ผลงานทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทรงมีผลงานด้านทรัพย์สินทางปัญญา ทีได้รับการจดข้อมูลด้านลิขสิทธิ์ 354 ผลงาน ซึ่งรวมถึงงานด้านศิลปกรรมฝีพระหัตถ์ งานพระราชนิพนธ์ กลอน - หนังสือ - เพลง อีกทั้งยังทรงเป็นนักดนตรี ที่เปี่ยมความสามารถและพรสวรรค์ ทั้งดนตรีพื้นบ้านและดนตรีพื้นเมือง ที่สำคัญ ปีนี้เป็นปีมหามงคลที่พระองค์เจริญพระชนมายุครบ 5 รอบ 60 พรรษา และเมื่อปี 2552 WIPO ได้เคยทูลเกล้าฯถวายเหรียญรางวัล “ผู้นำโลกด้านทรัพย์สินทางปัญญา” ให้กับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาแล้วด้วยเช่นกัน
นายกฯ ได้กล่าวถึงการกำหนดให้มี คณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ ที่คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญได้เสนอไว้ในร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ด้วยว่า คณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ มีหน้าที่ในการที่จะกำหนดแนวทางในการปฏิรูป ปรองดอง ขจัดความขัดแย้ง ซึ่งจะต้องมีทั้งอำนาจ หน้าที่ และกลไก ที่จะสามารถอำนวยการปฏิบัติได้ อย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลไกในการขจัดความขัดแย้งและความรุนแรง ที่รัฐบาลปกติ หรือกฎหมายปกติอาจจะไม่สามารถแก้ไข ขับเคลื่อนประเทศได้อย่างเช่นสถานการณ์ในห้วงที่ผ่านมา ในส่วนของการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ก็เป็นเรื่องของประชาชนทุกคนนั้นจะต้องร่วมกันในการตัดสินใจ ไม่ใช่ตัดสินใจเพื่อตน รัฐบาล หรือเพื่อ คสช. แต่ก็ให้ทุกคนคำนึงถึง เพื่อประเทศชาติ และอนาคตของลูกหลานต่อไป เราจะปฏิรูปบ้านเมืองกันได้อย่างไร สำหรับแนวทางการปฏิรูป 11 ด้านตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งขณะนี้สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ได้ดำเนินการแล้วเสร็จ โดยภายในเดือน ก.ย. นี้ จะส่งต่อให้คณะกรรมการขับเคลื่อนการปฏิรูป 200 คน ที่เราจะต้องจัดตั้งขึ้นใหม่ ตามรัฐธรรมนูญชั่วคราวฉบับแก้ไขให้พิจารณาอีกครั้ง
“คงจะต้องลงลึกในการจัดทำแผนปฏิบัติการ เพื่อกำหนดลำดับความสำคัญ ความเร่งด่วน ว่า จะทำทันที ปานกลาง หรือระยะยาว ให้มีความเหมาะสม จากนั้นจะต้องมีผลในทางกฎหมายก็คงจะต้องนำเข้าไปพิจารณาในสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เพื่อจะได้ให้ที่รัฐบาลต่อไปได้นำไปสู่การปฏิบัติ เราก็คงจำเป็นจะต้องมีคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติอำนวยการปฏิบัติ แต่ก็คงไม่สามารถจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับการบริหารราชการปกติของรัฐบาล” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
สำหรับเรื่องปัญหาปากท้องของประชาชนนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ปัจจุบันอาจจะไม่ได้เกิดจากปัญหาทางเศรษฐกิจ หรือผลผลิตทางการเกษตรตกต่ำอย่างเดียวเท่านั้น สิ่งที่น่าเป็นห่วงก็คือ กระแสวัตถุนิยม ซึ่งอาจจะทำให้พี่น้องประชาชนก่อหนี้สินผูกพันโดยไม่จำเป็น ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระราชทานปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงแก่พสกนิกรชาวไทย เพื่อเป็นแนวทางการดำรงชีวิต ให้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ ในทุกระดับ ตั้งแต่ระดับครอบครัว ชุมชน ประเทศ รัฐบาลนี้ก็ได้นำมาเป็นแนวทางนะครับไปสู่การพัฒนาและบริหารประเทศ เพื่อให้ดำเนินการไปได้ในทางสายกลาง ปัจจุบันนั้นรัฐบาลได้ให้การดูแลหนี้สินกับพี่น้องเกษตรกร ผู้มีรายได้น้อย ผู้ที่เป็นหนี้นอกระบบ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า รัฐบาลก็ยังห่วงใยพี่น้องข้าราชการ ที่ถือเป็นมนุษย์เงินเดือน และมีรายได้น้อยเมื่อเทียบกับภาคเอกชน เรื่องภาระหนี้สินของกำลังพลและผู้ใต้บังคับบัญชานั้นถือเป็นหน้าที่หนึ่งของหัวหน้าหน่วยงาน ผู้บังคับบัญชา ที่นอกจากจะต้องคิดว่า จะรับใช้ประเทศชาติและดูแลประชาชนอย่างไรแล้ว ก็ต้องคิดด้วยว่า จะช่วยลูกน้องเราให้สามารถทำงานอย่างมีความสุขได้อย่างไร ยกตัวอย่างโครงการหนึ่งของกองทัพบกที่ปฏิบัติมาตั้งแต่อดีตและปัจจุบัน แล้วประสบความสำเร็จอย่างดีในการช่วยบริหารจัดการหนี้สินครอบครัวกำลังพลในกองทัพบก ด้วยการนำหลักพื้นฐานของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ความพอประมาณ ความมีเหตุผล การมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีมาใช้ อาทิ การสร้างความตระหนักรู้ต่อตนและครอบครัวถึงภาระหนี้สินและบัญชีครัวเรือน เพื่อให้รู้ด้วยตนเองว่า ภาระที่จะต้องจ่าย ในแต่ละเดือน มีอะไรบ้าง การรีไฟแนนซ์ โดยหาแหล่งเงินทุนที่ดอกเบี้ยถูกกว่า หรือการเลือกชำระดอกเบี้ยบัตรเครดิตที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าก่อน ที่สำคัญคือ การควบคุมตนเองไม่ให้ก่อหนี้ซ้ำอีก เป็นต้น
“หากตัวข้าราชการสามารถแก้ปัญหาหนี้สินของตนเองได้ ในระดับครอบครัว และหัวหน้าส่วนราชการสามารถดูแลช่วยให้ข้าราชการในสังกัดให้แก้ไขปัญหาหนี้สินได้แล้ว รัฐบาลก็จะมีทรัพยากรบุคคล ที่มีความพร้อมในการให้บริการแก่พี่น้องประชาชนอย่างเต็มกำลังความสามารถ ปราศจากเรื่องกังวล หนี้สิน ภาระ ซึ่งอาจจะคอยฉุดรั้งประสิทธิภาพในการทำงานให้กับประเทศชาติ” นายกฯกล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ ยังได้กล่าวถึงการรณรงค์ลดการใช้ถุงพลาสติกและโฟมด้วยว่า รัฐบาลนี้ให้ความสำคัญอย่างมากกับการพัฒนาที่ยั่งยืนและการเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยได้กำหนดให้การจัดการขยะมูลฝอยเป็นวาระแห่งชาติ ซึ่งมีกรอบแนวคิดหลักในการสร้างสังคมรีไซเคิล ตามหลักการ 3R (Reduce + Reuse + Recycle) และเพื่อเป็นการแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันในการสร้างวินัยคนในชาติ ที่จะมุ่งสู่การจัดการขยะที่ยั่งยืน รัฐบาลพร้อมทั้งภาคธุรกิจเอกชน และผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า และร้านสะดวกซื้อ 15 หน่วยงาน อยากขอความร่วมมือ จากพี่น้องประชาชน ในการเตรียมถุงผ้า กระเป๋า สำหรับหอบหิ้วสินค้า แทนการขอรับถุงพลาสติกในวันที่ 15 ของทุกเดือน หรือมากกว่านั้น หรือทุก ๆ วันก็ได้
“เราจะเริ่มดำเนินการพร้อมกัน ในวันพรุ่งนี้ 15 ส.ค. 58 ทั้งนี้ การปฏิเสธการรับถุงพลาสติกจากห้างสรรพสินค้าและร้านสะดวกซื้อ เพียงคนละ 1 ใบต่อวัน ก็จะทำให้ประเทศไทย ลดปริมาณขยะ จากถุงพลาสติก ได้ราว 70 ล้านใบต่อวัน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
คำต่อคำ : คืนความสุขให้คนในชาติ 14 สิงหาคม 2558
สวัสดีครับพ่อแม่พี่น้องชาวไทยที่รักทุกท่าน อีก 2 วัน ประชาชนชนชาวไทยก็จะได้ร่วมใจกันทำกิจกรรม "Bike for Mom ปั่นเพื่อแม่" นะครับ เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่ทรงเป็นเสมือนแม่ของแผ่นดิน อีกทั้งเป็นการแสดงพลัง ความรู้ รัก สามัคคีของคนไทยทุกคนโดยพร้อมเพรียงกันทั่วประเทศ ในวันที่ 16 สิงหาคม วันอาทิตย์นี้ ตั้งแต่เวลา 15.00 น. เป็นต้นไปนะครับ เราจะร่วมกิจกรรมประวัติศาสตร์ครั้งยิ่งใหญ่ของประเทศไทย ซึ่งขณะนี้ทางกระทรวงมหาดไทยได้ร่วมกับกินเนสส์บุ๊ค เวิลด์ เรคคอร์ด ได้มีการจัดทำสถิติความร่วมมือร่วมใจของปวงชนชาวไทย ในกิจกรรมปั่นจักรยานเฉลิมพระเกียรติครั้งนี้อีกครั้ง
ทั้งนี้จะเป็นการประกาศให้ชาวโลกรู้ว่า คนไทยรักแม่ของแผ่นดินของเรามากเพียงใด อีกกิจกรรมหนึ่งคู่ขนานที่กระทรวงวัฒนธรรมได้จัดขึ้น สำหรับพี่น้องประชาชนที่อาจจะไม่ถนัดในเรื่องของการปั่นจักรยาน แต่ก็มีใจรักในงานศิลปะภาพถ่าย ได้ให้มามีส่วนร่วมในการบันทึกเหตุการณ์สำคัญของชาติ และของโลกในครั้งนี้ด้วย โดยการร่วมส่งภาพในกิจกรรม "Bike for Mom ปั่นเพื่อแม่" ที่ถ่ายทอดแนวคิด สื่อความหมาย ภายใต้แนวคิด "ความรัก ความสามัคคี ความกตัญญู ลูกทำเพื่อแม่ และความมุ่งมั่น" เพื่อชิงโล่พระราชทานสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ภายในวันที่ 23 สิงหาคม 2558 ผู้ที่สนใจนะครับสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ จากเว็บไซต์ด้านล่างนี้นะครับ
สำหรับการจราจรบนเส้นทางและพื้นที่โดยรอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งห้วงเวลากิจกรรมครั้งนี้ อาจส่งผลกระทบบ้างต่อการจราจร แม้จะเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์วันอาทิตย์นะครับ ขอทำความเข้าใจ และขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชน ในการสนับสนุนกิจกรรมฯ หลีกเลี่ยงการใช้เส้นทางของการปั่นจักรยานในช่วงนั้นด้วยครับ โดยท่านสามารถจะขึ้นทางยกระดับอุตราภิมุข ทางด่วนโทลล์เวย์ ฟรี ระหว่างเวลา 12.00-23.00 น. และ ขสมก.ได้มีการปรับเปลี่ยนเส้นทางรถประจำทาง จำนวน 36 เส้นทาง มีการจัดรถเสริมในจุดต่างๆ ด้วยนะครับ ขอให้ตรวจสอบเส้นทาง และวางแผนเดินทางไว้ล่วงหน้าสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่โทร.1348
อีกเรื่องที่น่าภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง สำหรับคนไทย และประเทศไทยก็คือการที่ องค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก (WIPO) เตรียมทูลเกล้าฯ ถวายรางวัล "ความเป็นเลิศด้านการสร้างสรรค์"” แด่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในวันที่ 27 สิงหาคม นี้ โดย WIPO ได้ตระหนักถึงพระปรีชาสามารถ ด้านการสร้างสรรค์ผลงานทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อการพัฒนาอย่างต่อเนื่องยาวนาน ทรงมีผลงานด้านทรัพย์สินทางปัญญา ที่ได้รับการจดข้อมูลด้านลิขสิทธิ์ 354 ผลงาน ซึ่งรวมถึงงานด้านศิลปกรรม ฝีพระหัตถ์ งานพระราชนิพนธ์ กลอน หนังสือ เพลง การสนับสนุนการขึ้นทะเบียนงานฝีมือของชนเผ่าพื้นเมืองของไทย การอนุรักษ์ทรัพยากรพันธุกรรม อีกทั้งยังทรงเป็นนักดนตรี ที่เปี่ยมความสามารถและพรสวรรค์ ทั้งดนตรีพื้นบ้านและดนตรีพื้นเมือง ซึ่งนับว่าทรงเป็นเจ้าหญิงพระองค์แรกของโลก ที่ได้ทรงรับการทูลเกล้าฯ ถวายรางวัลดังกล่าว
ที่สำคัญคือปีนี้เป็นปีมหามงคลที่สำคัญ คือปีนี้เป็นปีมหามงคลที่พระองค์เจริญพระชนมายุครบ 5 รอบ 60 พรรษา และที่ผ่านมา เมื่อปี 2552 WIPO ได้เคยทูลเกล้าฯ ถวายเหรียญรางวัล "ผู้นำโลกด้านทรัพย์สินทางปัญญา" ให้กับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาแล้วด้วยเช่นกัน
สำหรับเรื่องที่สำคัญที่ผมอยากจะทำความเข้าใจเรื่องแรก คือเรื่องคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ ที่คณะกรรมาธิการได้เสนอไว้ในร่างรัฐธรรมนูญ น่าจะมีความสำคัญนะครับ ในการที่จะกำหนดแนวทางในการปฏิรูป ปรองดอง ขจัดความขัดแย้ง ซึ่งควรจะต้องมีทั้งอำนาจ หน้าที่ และกลไกที่จะสามารถอำนวยการปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลไกในการขจัดความขัดแย้ง ความรุนแรงที่รัฐบาลปกติ กฎหมายปกติ อาจจะไม่สามารถแก้ไขขับเคลื่อนประเทศได้ อย่างเช่นสถานการณ์ในห้วงที่ผ่านมานะครับ
เรื่องต่อไปคือเรื่องการทำประชามติ เป็นอีกประเด็นที่มีความสำคัญมาก เป็นเรื่องของที่ประชาชนทุกคนนั้นจะต้องร่วมกันในการตัดสินใจ ไม่ใช่ตัดสินใจเพื่อผม เพื่อรัฐบาล เพื่อ คสช. แต่ก็ให้ทุกคนคำนึงถึงเพื่อประเทศชาติ และอนาคตของลูกหลานต่อไป เราจะเป็นปฏิรูปบ้านเมืองกันได้อย่างไรด้วย
เรื่องที่ 3. คือเรื่องแนวทางการปฏิรูป 11 ด้าน ตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งขณะนี้ สปช.ได้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในเดือนกันยายน และส่งต่อให้คณะกรรมการขับเคลื่อนการปฏิรูป 200 คน ที่เราจะต้องจัดตั้งขึ้นใหม่ตามรัฐธรรมนูญชั่วคราวฉบับแก้ไขให้พิจารณาอีกครั้ง และคงจะต้องลงลึกในการจัดทำแผนปฏิบัติการ เพื่อกำหนดระดับความสำคัญ ความเร่งด่วนว่า จะทำทันที ปานกลาง หรือระยะยาว ให้มีความเหมาะสม ดังนั้นจะต้องมีผลในทางกฎหมายด้วย ก็คงจะต้องนำเข้าไปพิจารณาใน สนช. เพื่อจะได้ให้ที่รัฐบาลต่อไป ให้ได้นำไปสู่การปฏิบัตินะครับ เราคงจำเป็นจะต้องมีคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ อำนวยการปฏิบัตินะครับ โดยคงไม่สามารถจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับการบริหารราชการปกติของรัฐบาลนะครับ
สัปดาห์ที่ผ่านมานั้น ผมและผู้แทนระดับสูงของรัฐบาล ได้มีโอกาสให้การต้อนรับ และหารือกับผู้แทนคณะนักธุรกิจจากสภาธุรกิจสหรัฐฯ อาเซียน กว่า 70 คน จากบริษัทชั้นนำของสหรัฐอเมริกา 29 บริษัท ซึ่งครอบคลุมอุตสาหกรรมด้านต่างๆ เช่น เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร พลังงาน การเงิน ลอจิสติกส์ ยานยนต์ การก่อสร้าง เคมีภัณฑ์ ยา และเวชภัณฑ์ ยาสูบ เป็นต้นนะครับ
โดยนักธุรกิจเอกชนสหรัฐ ฯ เห็นพ้องกันว่าประเทศไทย มีศักยภาพที่โดดเด่นในภูิมิภาค พร้อมที่จะสนับสนุนในภูมิภาค พร้อมที่จะสนับสนุนการปฏิรูปประเทศของไทย และต้องการเข้ามาเป็นส่วนหนึ่ง ในการสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจให้กับประเทศไทยของเราอีกด้วยนะครับ
สิ่งที่ผมเห็นจากนักลงทุนชาวต่างชาติ ที่เขาต้องการหลักๆ ก็คือ ความมั่นคง ความมีเสถียรภาพทางด้านการเมือง และนโยบายของรัฐบาล ในการที่ส่งเสริมความร่วมมือทางด้านการค้า ลงทุน ระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการป้องกันและปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชัน และการปรับกฎระเบียบ กติกา มาตรการอำนวยความ สะดวกต่างๆ เพื่อจะทำให้การดำเนินธุรกรรมนั้นง่ายขึ้นลดขั้นตอนนะครับ รวมทั้งต้องการให้รัฐบาลมีวิสัยทัศน์ มียุทธศาสตร์ของชาติที่ชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะเป็นเครื่องสร้างเชื่อมั่น มั่นใจ ในการประกอบธุรกิจภายในประเทศของเรา ซึ่ง คสช. กับรัฐบาลนี้ ได้พยายามวางรากฐานเอาไว้ให้แล้ว เช่น พ.ร.บ.การอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการฯ พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้าง และการบริหารพัสดุภาครัฐฯ โดยได้นำสัญญาคุณธรรม ระบบ COST และศูนย์บริการแบบเบ็ดเสร็จ เพื่อการบูรณาการมาใช้ด้วย
ผมเองได้แสดงให้นักลงทุนต่างชาติเหล่านั้นทุกประเทศเลยให้เขาเห็นขีดความสามารถในการแข่งขัน จุดแข็ง และศักยภาพของประเทศไทย ในการที่จะสร้างความเชื่อมั่น แล้วพยายามให้เขาเห็นว่า ไทยมีความพร้อมในการรองรับการลงทุนต่างๆ ในอนาคต ไม่ว่าจะเป็น การเป็นศูนย์กลางในอาเซียน ด้านการค้าการลงทุน และกิจกรรมเศรษฐกิจโดยมีนโยบายส่งเสริมการส่งออกแล้วก็จัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ รวมทั้งการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อเชื่อมโยงในประเทศกับภูมิภาค ทั้งทางบก ทางทะเล ทางอากาศ
เรื่องต่อไปคือการเตรียมการปรับเปลี่ยนเป็นเศรษฐกิจดิจิตัล โดยเฉพาะการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน และเทคโนโลยีสารสนเทศ เรื่องต่อไปการปรับโครงสร้างและมาตรการทางภาษี เพื่อจูงใจให้ภาคเอกชน ทั้งในและต่างประเทศ มาจัดตั้งสำนักงานใหญ่ข้ามประเทศ และบริษัทการค้าระหว่างประเทศในบ้านเมืองเราด้วย
เรื่องต่อไปคือการส่งเสริมและขยายความร่วมมือภาคเอกชนกับภาครัฐ ในรูปแบบการเป็นหุ้นส่วน ทั้งในด้านการลงทุน การศึกษา วิจัยทางด้านวิทยาศาสตร์ และด้านนวัตกรรม
และอีกเรื่องหนึ่งก็คือเรื่องของศักยภาพของประเทศ ในเรื่องของด้านการเกษตรและสินค้าการเกษตร การบริการ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ด้านสาธารณสุข อัญมณี ที่เป็นกำลังสำคัญ ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ หากได้รับการส่งเสริมจากภาครัฐอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน ก็สามารถผลักดันให้เป็นศูนย์กลางในอาเซียนได้เช่นกัน ในช่วงที่ผ่านมานั้นในการจัดอันดับความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจ ประเทศไทยเรานั้นยังคงต้องเร่งพัฒนาหลายด้านด้วยกันนะครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี
ทั้งนี้เพื่อจะเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของประเทศ รัฐบาลนี้ให้ความสำคัญในการผลักดันมาตรการ และงบประมาณในการที่จะนำองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมไปสู่ภาคการผลิต หรือห่วงโซ่อุปทาน ทั้งนี้นอกจากการสร้างคุณภาพ มูลค่าเพิ่มในการผลิตสินค้า หรือบริการแล้ว ก็ยังจะช่วยเพิ่มศักยภาพในการเจริญเติบโต เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันตลอดจนเพิ่มผลตอบแทนให้กับผู้ลงทุน ซึ่งอันจะเป็นกลไกที่สำคัญในการขับเคลื่อนให้เรานั้น สามารถที่จะปรับโครงสร้างเศรษฐกิจให้มีการพัฒนาอย่างยั่งยืน หลุดพ้นกับดักประเทศที่มีรายได้ปานกลาง ไปสู่ประเทศที่มีรายได้สูงได้นะครับ
ทั้งนี้ในการประชุมของคณะกรรมการนวัตกรรมแห่งชาติที่ผ่านมานั้น ได้ผลักดันมาตรการสำคัญๆ หลายอย่าง เช่น การจับคู่ระหว่างความต้องการกับนวัตกรรมที่ผลิตในประเทศ และภูมิปัญญาท้องถิ่น เพื่อนำมาสู่การใช้งานจริง การจัดตั้งกองทุนเงินร่วมลงทุน เพื่อธุรกิจฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมในรูปแบบของ Private Equity หรือ Venture Capital เพื่อสนับสนุนธุรกิจเทคโนโลยี
3.เรื่องการจัดทำบัญชีนวัตกรรมของไทย โดยมี พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้าง และการบริหารพัสดุภาครัฐรองรับ ให้สามารถนำเอาผลงานที่วิจัยในประเทศนั้นมาสู่การรับรองมาตรฐาน สามารถนำมาผลิตใช้ได้ในหน่วยงานภาครัฐได้ และ 4.การส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อจะผลิตใช้เอง และจำหน่ายต่อไปในอนาคตด้วยนะครับ
สำหรับเรื่องปัญหาปากท้องของประชาชนนั้น ปัจจุบันนั้นอาจจะไม่ได้เกิดปัญหาทางเศรษฐกิจ หรือเรื่องผลผลิตทางด้านเกษตรตกต่ำอย่างเดียวเท่านั้นนะครับ สิ่งที่น่าเป็นห่วงก็คือกระแสวัตถุนิยม ซึ่งอาจจะทำให้พี่น้องประชาชนก่อหนี้สินผูกพัน โดยไม่จำเป็น หาทางออกไม่ได้
ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ได้ทรงพระราชทาน ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง แก่พสกนิกรชาวไทย เพื่อเป็นแนวทางการดำรงชีวิต ให้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ ในทุกระดับ ตั้งแต่ครอบครัว ชุมชน ประเทศ รัฐบาลนี้ก็ได้นำมาเป็นแนวทางนะครับ ไปสู่การพัฒนาและบริหารประเทศ เพื่อให้ดำเนินการไปได้ใน ทางสายกลาง ด้วยนะครับ
ปัจจุบันนั้นรัฐบาลได้ให้การดูแลหนี้สินกับพี่น้องเกษตรกร ผู้มีรายได้น้อย ผู้ที่เป็นหนี้นอกระบบ อย่างไรก็ตาม เราก็ยังห่วงใยพี่น้อง “ข้าราชการ” ที่เรียกว่า มนุษย์เงินเดือนนะครับ ที่มีรายได้น้อย เมื่อเทียบกับภาคเอกชน
ทั้งนี้ ภาระหนี้สินของกำลังพล ของลูกน้องนั้นผมเห็นว่าเป็นหน้าที่หนึ่ง ของหัวหน้าหน่วยงาน ผู้บังคับบัญชา ที่ตื่นเช้าขึ้นมาในแต่ละวันนั้น นอกจาก จะต้องคิดว่า จะทำงานอย่างไร จะรับใช้ประเทศชาติอย่างไร และดูแลประชาชนได้มากเพียงไร ก็ต้องคิดเสมอว่า เราจะช่วยลูกน้องเราให้ สามารถทำงานอย่างมีความสุขได้อย่างไรด้วยนะครับ
โครงการหนึ่ง ที่ผมอยากเอามาเล่าให้ฟัง เป็นโครงการที่กองทัพบก ตั้งแต่อดีตและปัจจุบัน ได้ดำเนินการ เพื่อช่วยบริหารจัดการหนี้สินครอบครัว กำลังพลในกองทัพบก แล้วประสบความสำเร็จอย่างดีนะครับ ด้วยการนำหลักพื้นฐานของ ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ความพอประมาณ ความมี เหตุผล การมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีมาใช้ ในการการดำเนินการนะครับ สำหรับวิธีกรดำเนินการ แบ่งเป็นส่วน ๆ ดังนี้
1. ก็คือการสร้างความตระหนักรู้ต่อตนและครอบครัว ถึงภาระหนี้สิน เพื่อให้รู้ด้วยตนเองว่า ภาระที่จะต้องจ่าย ในแต่ละเดือนนั้น มีอะไรบ้าง
2. การจัดทำบัญชีครัวเรือน อันจะเป็นเครื่องมือสำคัญเพื่อช่วยในการปรับปรุงพฤติกรรมลดรายจ่าย ที่ไม่จำเป็น เพิ่มรายได้ด้วยอาชีพเสริม โดยไม่เบียดบังเวลาราชการ และไม่เป็นงานที่หนักเกินไป ไม่กระทบกับสุขภาพและการทำงานราชการ
3. คือการ รีไฟแนนซ์ โดยหาแหล่งเงินทุนที่ดอกเบี้ยถูกกว่า หรือการเลือกชำระดอกเบี้ยบัตรเครดิตที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าก่อนนะครับ
4. การขายสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไป คือตัดภาระสิ่งที่ไม่จำเป็น รวมถึงการแปลงสินทรัพย์ให้เป็นทุน
5.ที่สำคัญคือการควบคุมตัวเอง ไม่มีการก่อหนี้ซ้ำอีก ทั้งนี้หากตัวข้าราชการสามารถแก้ปัญหาหนี้สินของตัวเองได้ในระดับครอบครัว และหัวหน้าส่วนราชการ สามารถดูแลให้ข้าราชการในสังกัดได้แก้ไขปัญหาหนี้สินเป็นส่วนรวมได้แล้ว รัฐบาลก็จะมีทรัพยากรบุคคลที่มีความพร้อมในการให้บริการแก่พี่น้องประชาชนอย่างเต็มความสามารถ ปราศจากเรื่องกังวล หนี้สิน ภาระ ซึ่งอาจจะคอยฉุดรั้งประสิทธิภาพในการทำงานให้กับประเทศชาติ รัฐบาลนี้ให้ความสำคัญอย่างมากกับการพัฒนาที่ยั่งยืนและการเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมโดยได้กำหนดให้การจัดการขยะมูลฝอยเป็นวาระแห่งชาติ ซึ่งมีกรอบแนวคิดหลักในการสร้างสังคมรีไซเคิล ตามหลักการ 3R โดยเฉพาะการรณรงค์ ลดการใช้ถุงพลาสติกและโฟม ซึ่งเป็นบรรจุภัณฑ์ที่ย่อยสลายยาก มีระยะเวลานานกว่า 450 ปี ยิ่งกว่านั้น ข้อมูลทางสถิติที่น่าเป็นห่วงอย่างมาก ก็คือมีขยะพลาสติกและโฟม จำนวน 2.7 ล้านตัน หรือเฉลี่ย 7,000 ตันต่อวัน ซึ่งเกิดจากน้ำมือพวกเรานะครับ ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อสุขภาพมนุษย์ สัตว์ สิ่งมีชีวิต และสิ่งแวดล้อมโดยรวม ตลอดกระบวนการผลิต ไปจนถึงการกำจัด โดยก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจก อันเป็นสาเหตุหนึ่งของ ภาวะโลกร้อน ในปัจจุบัน
ดังนั้น เพื่อเป็นการแสดงเจตนารมณ์ร่วมกัน ในการสร้างวินัยคนในชาติ ที่จะมุ่งสู่การจัดการขยะที่ยั่งยืน ผมในนามของรัฐบาล พร้อมทั้งภาคธุรกิจเอกชน และผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า และร้านสะดวกซื้อ 15 หน่วยงาน อยากขอความร่วมมือ จากพี่น้องประชาชน ในการเตรียมถุงผ้า กระเป๋า สำหรับหอบหิ้วสินค้า แทนการขอรับถุงพลาสติกในวันที่ 15 ของทุกเดือน หรือมากกว่านั้น หรือทุกๆ วัน ก็ได้ เราจะเริ่มดำเนินการพร้อมกัน ในวันพรุ่งนี้ 15 สิงหาคม 2558
ทั้งนี้ การปฏิเสธการรับถุงพลาสติกจากห้างสรรพสินค้าและร้านสะดวกซื้อ เพียงคนละ 1 ใบต่อวัน ก็จะทำให้ประเทศไทย ลดปริมาณขยะ จากถุงพลาสติก ได้ราว 70 ล้านใบต่อวัน นะครับ
ผมขอขอบคุณ และขอชื่นชมผู้ประกอบการ ทั้ง 15 หน่วยงาน ที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมร่วมกัน เห็นคุณค่า ของการสร้างวินัย การปลูกจิตสำนึก ในการจัดการขยะของบ้านเมือง อย่างจริงจัง เริ่มจากเรื่องใกล้ตัว เพื่อให้เกิดผลอย่างยั่งยืน พี่น้องประชาชนก็ต้องช่วยกันนะครับ สร้างความรู้ ความเข้าใจ ให้กับบุตรหลานด้วย
ขอให้ทุกคนมีความสุขในวันหยุดสุดสัปดาห์นะครับ เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการปั่นเพื่อแม่นะครับ ขี่จักรยานปั่นเพื่อแม่ตามพระราชปณิธานของ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และถวายแด่สมเด็จแม่แห่งแผ่นดินนะครับ เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษาประจำปีนี้ ขอให้ทุกคนขี่จักรยาน ปั่นจักรยานด้วยความสุข และปลอดภัยด้วยข้อสำคัญนะครับ ขอบคุณครับ สวัสดีครับ