บก.อาวุโส ASTVผู้จัดการ ยื่นหนังสือต่อประธาน ป.ป.ช.เร่งสอบ"ดำรงค์ พิเดช"อดีตอธิบดีกรมอุทยานฯ หลังศาลฎีกา ยกฟ้องไม่ได้หมิ่นกล่าวหาทุจริต ข้อเท็จจริงยันเอี่ยวโกงจริง ข้องใจพิจารณานานเกินเหมือนช่วยคนผิด จี้เร่งมือใกล้หมดอายุความ
วันนี้ (10 ส.ค.) ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สนามบินน้ำ จ.นนทบุรี นายตุลย์ ศิริกุลพิพัฒน์ บรรณาธิการอาวุโสเครือ ASTV ผู้จัดการ เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึงนายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธาน ป.ป.ช. เพื่อให้เร่งรัดการสอบสวนนายดำรงค์ พิเดช สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ในฐานะอดีตอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ภายหลังจากที่ศาลฎีกามีคำพิพากษายกฟ้องในคดีที่นายดำรงค์ฟ้องนายตุลย์ในฐานะบรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณาหนังสือพิมพ์เอเอสทีวีผู้จัดการรายวันว่า หมิ่นประมาทกล่าวหาว่านายดำรงค์และพวกกระทำการทุจริต โดยมีนายธันยพัฒน์ ประมวลวิทย์ เจ้าหน้าที่สำนักไต่สวนการทุจริตภาครัฐ 3 เป็นผู้รับหนังสือ พร้อมกล่าวว่าจะนำเรื่องดังกล่าวรายงานต่อประธาน ป.ป.ช.เพื่อเร่งรัดการสอบสวนตามที่นายตุลย์ได้ยื่นเรื่องเข้ามา
สำหรับหนังสือของนายตุลย์ได้ได้แนบหลักฐานคำพิพากษาศาลจำนวน 4 ฉบับที่ศาลยกฟ้องกรณีที่นายดำรงค์ฟ้องว่า หนังสือพิมพ์เอเอสทีวีผู้จัดการรายวันหมิ่นประมาท พร้อมระบุความตอนหนึ่งว่า บัดนี้คำพิพากษาศาลฎีกาล่าสุดได้ออกมาแล้ว ทุกสำนวนที่นายดำรงค์ฟ้องข้าพเจ้าข้อหาหมิ่นประมาทหาว่า ลงข่าวเท็จ แต่ข้อเท็จจริงตรงกันข้ามเมื่อศาลฎีกาพิพากษายืนยันว่านายดำรงค์กับพวกเกี่ยวข้องกับการทุจริต ส่วนหนังสือพิมพ์เสนอข่าวตามข้อเท็จจริง จึงไม่มีความผิด
“นานเหลือเกินสำหรับการพิจารณาดำเนินการเรื่องนี้ของคณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงดูเสมือนว่าได้ช่วยเหลือปกป้องคนผิด ด้วยความเคารพในการทำหน้าที่ของ ป.ป.ช. เพื่อประโยชน์ของชาติ ประชาชน และความเป็นธรรม ขอให้ท่านได้เร่งรัดคดีนี้เป็นการด่วน เพราะบัดนี้ใกล้หมดอายุความแล้ว ท่านยังปล่อยคนผิดให้ลอยนวลอยู่อีกหรือ” หนังสือระบุ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 24 ก.ค.58 ที่ผ่านมา ศาลฎีกาได้พิพากษาในคดีหมายเลขดำ อ.4607/2552 ที่ นายดำรงค์ พิเดช เป็นโจทก์ฟ้องบริษัท เอเอสทีวีผู้จัดการ จำกัด โดย นายปัญจภัทร อังคสุวรรณ กรรมการบริษัท และ นายตุลย์ ศิริกุลพิพัฒน์ บรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณาหนังสือพิมพ์เอเอสทีวี ผู้จัดการรายวัน เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา โดยศาลฎีกาได้ตรวจสำนวนปรึกษากันแล้วเห็นว่า ข่าวสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติเป็นเรื่องที่ประชาชนทั่วไปให้ความสนใจ อีกทั้งการเสนอข่าวก็เป็นไปตามข้อมูลจากการสอบสวนข้อเท็จจริงของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเป็นข่าวแพร่หลายในขณะนั้น จึงเป็นการวิพากษ์วิจารณ์และแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต ติชมด้วยความเป็นธรรมอันเป็นวิสัยของประชาชนย่อมกระทำได้ จึงพิพากษายืนให้ยกฟ้องตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์
ทั้งนี้ คดีที่นายตุลย์ได้ยื่นเรื่องให้ ป.ป.ช.เร่งรัดสอบสวนนั้น คือ กรณีที่นายดำรงค์ถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับการทุจริตต่อหน้าที่สมัยเป็นป่าไม้จังหวัดเชียงราย โดยมีการปล่อยให้มีการรุกป่าดอยแม่สลองหลายพันไร่ โดยเฉพาะตัวนายดำรงค์มีการนำพื้นที่ป่าจำนวน 47 ไร่ตั้งศูนย์ลิ้นจี่
กรณีดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ส่งข้อมูลให้ ป.ป.ช.ดำเนินการสอบสวนเอาผิดนายดำรง พิเดช แล้ว แต่การดำเนินการเป็นไปด้วยความล่าช้า โดยก่อนหน้านี้นายดำรงค์มีข้ออ้างที่จะไม่ไปให้การต่อ ป.ป.ช.ว่ายังอยู่ระหว่างการฟ้องร้องหนังสือพิมพ์เอเอสทีวีผู้จัดการรายวันในข้อหาหมิ่นประมาทกรณีการนำเสนอข่าวดังกล่าว และยังไม่มีคำพิพากษาของศาลฎีกาออกมา แต่ล่าสุดศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาออกมาแล้วเมื่อวันที่ 24 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยระบุชัดเจนว่านายดำรงค์เกี่ยวข้องกับการทุจริตจริง ขณะที่คดีจะหมดอายุความภายใน 2 ปีนี้
ทั้งนี้ นายดำรงค์ได้ฟ้องหนังสือพิมพ์เอเอสทีวีผู้จัดการรายวันในข้อหาหมิ่นประมาท ต่อศาลอาญากรุงเทพฯ ใต้ 2 สำนวน ศาลจังหวัดเชียงราย 1 สำนวน และศาลอาญากลาง 1 สำนวน โดยทุกสำนวนศาลยกฟ้องหมด
อ่านเพิ่มเติม :
• “เปิดกลโกงขบวนการฮุบป่าเชียงราย ส่วนหัวหน้าเอี้ยงใช้เล่ห์สวมคนตายเป่าคดี”
• “เปิดกลโกงขบวนการฮุบป่าเชียงราย (ตอนที่ 2) เล่ห์ป่าไม้-ที่ดินร่วมเอกชนฮุบสวนป่าราชการ”
• “เปิดกลโกงขบวนการฮุบป่าเชียงราย (จบ) เดิมพันสูงคดีมีตอ”
