xs
xsm
sm
md
lg

กาสิโนมาอีกแล้ว

เผยแพร่:   โดย: พระบาท นามเมือง

หลังจากการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญเสร็จไป ก็เหมือนข่าวจากทางสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติจะเงียบๆ ไปสักพัก จนกระทั่งมาแย่งชิงพื้นที่ข่าวด้วยการโยนระเบิดเข้ามาในวงข่าว ซึ่งเป็น “ระเบิดข่าว” ที่หวังผลได้เสมอ ว่าโยนลงมาทีไรมีเสียงดังแน่ๆ

นั่นคือข้อเสนอในการตั้งบ่อนการพนันถูกกฎหมาย หรือ “กาสิโน” ขึ้น โดย สปช. กลุ่มหนึ่ง ซึ่งเรียกตัวเองว่า “กลุ่มรักชาติ” รวม 12 คน ได้แก่ พ.ต.อาณันย์ วัชโรทัย, นายเกรียงไกร ภูมิเหล่าแจ้ง, นายบุญเลิศ คชายุทธเดช และนายดำรงค์ พิเดช

โดยให้เหตุผลสรุปว่า อย่างไรก็ตาม เราก็ไม่สามารถห้ามคนไปเล่นการพนันได้อยู่แล้ว การพนันเป็นสิ่งที่ฝังอยู่ในนิสัยคนไทยแต่ไรมา ปัจจุบันคนที่ชอบเล่นการพนันก็ไปเล่นกันที่บ่อนเถื่อนผิดกฎหมาย หรือข้ามไปเล่นที่บ่อนประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้เงินตราไหลออก เป็นเงินหมุนเวียนกว่า 500 ล้านบาท

ไหนๆ ก็ไหนๆ ก็สู้ว่ารัฐเปิดกาสิโนในประเทศไทยเสียเองเลยดีกว่า นอกจากเงินทองจะไม่รั่วไหลอย่างที่ว่าแล้ว ยังเป็นการสร้างงานสร้างรายได้ให้คนไทย และรัฐก็จะมีรายได้เพื่อนำไปพัฒนาประเทศได้ด้วย

ข้อเสนอเรื่องการให้เปิดบ่อนเสรีนี้มีมาหลายครั้งเต็มที สังเกตว่าในช่วงที่เศรษฐกิจไม่ดี หรือรัฐต้องการเงินเข้า หรือให้มีเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ ก็จะมีการเกริ่นเรื่อง “กาสิโนเสรี” กันทุกครั้งไป โดยนักวิชาการบ้าง ที่ปรึกษาของรัฐบาลบ้าง

เพียงแต่ในครั้งนี้ข้อเสนอมาจาก “สภาปฏิรูปแห่งชาติ” ที่มีหน้าที่ในการแสวงหาแนวทางปฏิรูปประเทศในด้านต่างๆ

และซ้ำด้วยการสนับสนุนจากคนมีตำแหน่งสำคัญในปัจจุบัน คือท่าน ผบ.ตร. พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ซึ่งท่านออกมาให้ความเห็นสนับสนุนแบบสุดลิ่มทิ่มประตู อย่างภาคภูมิใจว่า ท่านคือ ผบ.ตร.คนแรกที่กล้าพูดว่าเมืองไทยควรมีบ่อนเสียที

ถึงขนาดจะเปิดเว็บไซต์ “สมยศฟอร์กาสิโน” เพื่อถามความคิดเห็นของประชาชนกันเลยทีเดียว!

อย่างไรก็ตาม ข้อเสนอจากทั้ง สปช. กลุ่มรักชาติ และท่าน ผบ.ตร.นั้นก็ถูกเบรกจากหลายฝ่าย อย่างทาง สปช.เอง ตัวประธานคืออาจารย์เทียนฉาย กีระนันทน์ ก็ไม่เห็นด้วย เนื่องจากการตั้งกาสิโนนี้ไม่อยู่ในแผนปฏิรูป 7 ด้าน
ส่วนนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ก็ออกมาจวกบรรดา สปช.กลุ่มรักชาติว่า ว่างมากไปหรือไม่มีอะไรจะทำ

ข้อสังเกตว่า นี่ถือเป็น “ช่วงท้ายสมัย” แล้วสำหรับ สปช.ซึ่งรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวที่กำลังจะมีการแก้ไขกันนี้ ได้เปลี่ยนแปลงความมีอยู่ของ สปช.ไปว่า เมื่อพิจารณาวาระเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญแล้ว ให้ยุบ สปช.ลงทันที ไม่ว่าจะเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบกับร่างรัฐธรรมนูญก็ตาม จากเดิมที่หากไม่เห็นชอบให้ยุบ ถ้าเห็นชอบก็อยู่รอพิจารณากฎหมายลูกกันต่อไป ส่วนหลังจากนี้ ทาง คสช.จะตั้งสภาขับเคลื่อนปฏิรูปประเทศขึ้นมาสานงานต่อ ตอนนั้นค่อยไปลุ้นว่าสมาชิก สปช.คนใดจะได้ไปต่อในสภาขับเคลื่อนที่จะตั้งใหม่นั้น

อาจจะเป็นด้วยเหตุนี้ ที่ทำให้ สปช.บางคนอาจจะเห็นว่าควร “ดับเครื่องชน” เสนอเรื่องที่อยากเสนอเอาให้สุดๆ ไปเลย ถ้าโชคดีไปถูกใจฝ่าย คสช.สนใจซื้อไอเดีย ก็อาจจะโชคดีได้ไปต่อ แต่ถ้าโชคร้ายขายไม่ออกก็แล้วไป อย่างไรก็ได้ “ขายของ” ไปจนสุด

อันที่จริงแล้วประเทศไทยก็เคยมีบ่อนกาสิโนที่ถูกกฎหมาย หากจะนับรวมไปตั้งแต่สมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ที่หลวงอนุญาตให้เปิดบ่อนเบี้ยที่คนจีนเป็นเจ้าของได้ และให้มีการจัดเก็บสัมปทานเข้ารัฐ มีตำแหน่ง “นายอากรบ่อนเบี้ย”
หรือในยุคหลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ก็มีการเปิดสถานกาสิโนขึ้นเพื่อหาเงินเข้าประเทศ มีการออกพระราชบัญญัติสถานกาสิโนขึ้นในปี พ.ศ. 2482 ตามดำริของนายปรีดี พนมยงค์ ซึ่งขณะนั้นเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และมีการจัดตั้งกาสิโนขึ้นในจังหวัดใหญ่ๆ หลายแห่ง เช่นที่หาดใหญ่ และสมุทรปราการ แต่แล้วสถานกาสิโนของรัฐบาลก็ล้มเลิกไปก่อนสงครามโลกครั้งที่สองจะยุติลงเพียงปีเดียว

ดังที่ได้กล่าวไว้ข้างต้นว่า เมื่อไรก็ตามที่รัฐบาลอยากกระตุ้นเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นช่วงเศรษฐกิจตกต่ำ รัฐไม่ค่อยเหลือเงินในคลัง หรือเป็นช่วงภาวะเงินฝืดที่ประชาชนไม่จับจ่ายใช้สอย หรือแม้แต่เป็นช่วงที่เศรษฐกิจโดยรวมดีจริงๆ แต่รัฐอยากให้ก้าวกระโดดไปแบบสุดๆ เช่นที่เคยมีการเสนอกันในยุครัฐบาลทักษิณ 1 การเปิดบ่อนการพนันโดยรัฐ จะเป็นตัวเลือกแรกๆเสมอ

แต่ข้อเสนอในการเปิดกาสิโนนี้ก็เป็นไปได้ยากเหลือเกิน ทั้งด้วยความที่ข้อเสนอนี้มีผลกระทบต่อความรู้สึกทางศีลธรรมของประชาชนอย่างยิ่ง ที่ถึงอย่างไรก็รู้สึกว่าการตั้งบ่อนถูกกฎหมายโดยรัฐบาลนั้นรับได้ยากสำหรับความรู้สึกว่าประเทศไทยเป็นเมืองพุทธ

กับข้อเท็จจริงที่แทบไม่ต้องเถียงหรือสงสัยว่า การเปิดบ่อนการพนันนั้นก่อปัญหาทางสังคมและอาชญากรรม อาจนำไปสู่ปัญหาทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรง มีงานวิจัยพบว่า ยิ่งเศรษฐกิจไม่ดี คนยิ่งอยากเล่นการพนันมากขึ้น เพราะการหาเงินอย่างสุจริตนั้นเริ่มฝืดเคือง ในที่สุดแล้วหากเปิดกาสิโนกันจริงๆ

แม้รัฐบาลอาจจะได้เงินเม็ดใหญ่อย่างที่มีการเอาตัวเลขมาล่อใจ แต่นั่นก็เป็นเงินที่มาจากความล่มสลายของสังคม เกิดปัญหาอาชญากรรม หรือหนี้นอกระบบขึ้นได้ อย่างเช่นที่เราคงทราบกันว่า บรรดาคนที่ออกไปเล่นการพนันที่บ่อนชายแดนไทย โดยเฉพาะฝั่งกัมพูชานั้น บางทีขับรถไปก็ไม่ได้ขับรถกลับต้องขึ้นรถตู้บ่อนกลับมาเพราะเอารถไปขายหรือจำนำเสียแล้ว บางครั้งต้องเอาลูกเอาเมียไปทิ้งไว้เป็นตัวประกันที่บ่อนให้กลับมาหาเงินไปใช้หนี้ ผู้หญิงบางคนตามแฟนไปเล่น สุดท้ายก็ต้องช่วยกันขายตัวล้างหนี้ เป็นเรื่องอเนจอนาถใจที่เกิดขึ้นจริง

อย่างที่คนโบราณเปรียบว่า โจรปล้นก็เหลือบ้าน ไฟไหม้ก็เหลือที่ แต่ถ้าติดการพนันที่ทั้งบ้านทั้งที่ก็ยังไม่มีเหลือ
แม้จะมีข้อป้องกันว่า บ่อนกาสิโนที่ว่านี้จะเป็นไปเพื่อดึงดูดเงินต่างชาติเข้ามาในประเทศเท่านั้น โดยจะเปิดโอกาสให้แต่คนต่างชาติเท่านั้นที่เล่นได้ แต่นั่นก็รับรองได้ว่ามีเรื่อง “ซิกแซก” ให้คนไทยได้เข้าไปเล่นกันแบบไม่ยากนักแน่ๆ
เอาว่าดูแต่เรื่องร้านขายสินค้าปลอดอากรก็แล้วกัน ที่เดิมให้เปิดในสนามบินได้เท่านั้น เอาไว้ขายแต่เฉพาะคนที่จะเดินทางไปต่างประเทศหรือเข้ามาในประเทศเท่านั้น แต่ในที่สุดก็อย่างที่รู้กันว่า มันก็มีช่องทางซิกแซกให้ใครๆ ก็เข้าไปซื้อของในดิวตี้ฟรีได้อยู่แม้ไม่ได้เดินทาง อาจจะด้วยทริกเล็กๆ ฝากเพื่อนที่จะเดินทางให้เป็นผู้รับของ หรือกระทั่งวิธีการแบบดื้อๆ มีคนในพาเข้าไปซื้อให้สำราญใจ

ดังนั้นข้อเสนอให้ตั้งกาสิโนจึงเป็นข้อเสนออันตรายที่ยากจะเกิดขึ้นจริง เว้นแต่รัฐจะหมดเงินหน้ามืดและหาวิธีเพิ่มรายได้ทางอื่นไม่ออกแล้วจริงๆนั่นแหละ “ตัวช่วยอันตราย” ชิ้นนี้อาจจะถูกใช้ก็ได้

หากเมื่อไรที่รัฐบาลขานรับเรื่องการตั้งบ่อนเสรีนี้ นั่นก็แปลว่า “อาการ” หนักมากแล้วในตอนนั้น.
กำลังโหลดความคิดเห็น